ศาลบังกลาเทศออกหมายจับอดีตนายกฯ กรณีผู้ประท้วงจบชีวิต

ศาลพิเศษของบังกลาเทศออกหมายจับอดีตนายกรัฐมนตรีชีค ฮาซีนาพร้อมทั้งบุคคลอีก 45 รายรวมทั้งเจ้าหน้าที่ใกล้ชิดเธอในวันพฤหัสบดี ในข้อหาอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ในเหตุการณ์ที่นักศึกษาลุกฮือขึ้นประท้วงรัฐบาล พร้อมทั้งกดดันให้เธอหนีออกจากประเทศ ตามข้อมูลของอัยการ

อัยการ บี เอ็ม สุลตาน มาห์มุด บอกว่าคณะอนุญาโตตุลาการพิเศษระหว่างประเทศ ที่ทำงานในกรุงธากา ออกหมายจับคนเหล่านี้หลังจากที่มีการยื่นเรื่องจากฝ่ายอัยการ

ฮาซีนาหนีออกไปอินเดียเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม หลายสัปดาห์หลังจากที่การประท้วงที่รุนเเรงซึ่งมีชนวนจากนโยบายโควต้าการจ้างงานรัฐ นำไปสู่การจบชีวิตของคนหลายร้อยราย

ในคำร้องต่อคณะอนุญาโตตุลาการภายใต้การนำของมูฮัมหมัด ยูนุส เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ  อัยการบอกว่าฮาซีนาพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ใกล้ชิดว่าต้องรับผิดชอบต่อการสังหารผู้ประท้วงพร้อมทั้งเหยื่อรายอื่น ๆ 

ไม่เป็นที่ทราบเเน่ชัดว่าอินเดียจะตอบรับคำขอของบังกลาเทศที่ต้องการตัวฮาซีนากลับมาหรือไม่ แม้ว่าทั้งสองประเทศมีสนธิสัญญาระหว่างกันในเรื่องการส่งตัวผู้ต้องหาข้ามเเดน

ฝ่ายอัยการบังกลาเทศเคยบอกว่าจะขอความช่วยเหลือจากองค์การตำรวจสากล หรือ Interpol ในการนำตัวอดีตนายกฯ ผู้นี้กลับประเทศ หากจำเป็น

รัฐบาลรักษาการของยูนุส เคยให้สัญญาว่าจะนำตัวฮาซีนาพร้อมทั้งผู้ต้องหาคนอื่น ๆ มาดำเนินคดี พร้อมทั้งเรียกร้องให้องค์การสหประชาชาติเข้ามามีส่วนร่วมในการสืบสวนหาความจริง

สำหรับฮาซีนาเอง เธอได้เรียกร้องให้สอบสวนการจบชีวิตของประชาชนเช่นกัน โดยพบว่ามีบุคคลอื่น ที่ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ความมั่นคง มีส่วนกับการจบชีวิตของประชาชนจำนวนมาก

ที่มา: เอพี

จนท.เริ่มเปิดข้อมูลการจบชีวิตของนักร้อง ‘เลียม เพน’ หลังตกจากโรงเเรม

เจ้าหน้าที่ฝ่ายอัยการรัฐของอาร์เจนตินาเริ่มให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจบชีวิตของนักร้องดังชาวอังกฤษ ‘เลียม เพน’ อดีตสมาชิกวง One Direction ที่กรุงบัวโนสไอเรส  โดยระบุวันพฤหัสบดีว่ามีข้อน่าสงสัยเพราะอาจมีเรื่องยาเสพติดมาเกี่ยวข้อง

ศิลปินวัย 31 ปีผู้นี้ ซึ่งจบชีวิตเมื่อวันพุธ เป็นนักร้องดังตั้งแต่ยังเด็กพร้อมทั้งเผชิญกับเเรงกดดันจากการเป็นคนมีชื่อเสียงระดับโลก

แฟน ๆ พร้อมทั้งสื่อต่างไปรวมตัวกันที่โรงเเรม คาซา เซอร์ ที่ย่านพาเลอโมในเมืองหลวงของอาร์เจนตินา หลังจากที่เพนตกลงจากชั้น 3 ของโรงเเรมลงมาที่สวน จนเป็นเหตุให้จบชีวิต

ตำรวจกรุงบัวโนสไอเรส บอกว่าห้องพักของเพนอยู่ในสภาพ ‘เละเทะ’ โดยมีสิ่งของพร้อมทั้งเฟอร์นิเจอร์แตกหักอยู่ในห้อง พร้อมทั้งพบสารกดประสาทส่วนกลาง อาหารเสริมชูกำลัง พร้อมทั้งยาบางชนิดที่ซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป 

อัยการอาร์เจนตินาบอกว่า มีเครื่องดื่มเเอลกอฮอล พร้อมทั้งสารเสพติดอยู่ในห้องด้วย

ทีมเจ้าหน้าที่นิติเวช รายงานว่า ที่สวนของโรงเเรมบริเวณที่พบศพของนักร้องรายนี้ มีขวดเหล้า โทรศัพท์ พร้อมทั้งไฟแช็คอยู่

ผลการชันสูตรศพ เเสดงให้เห็นถึงเลือดออกภายใน พร้อมทั้งการบาดเจ็บรุนเเรง 25 แห่ง เช่นที่กระโหลกศีรษะ เเขนขาพร้อมทั้งท้อง ซึ่งมักพบในเหตุการณ์ที่ผู้จบชีวิตตกจากที่สูงเช่นนี้ ตามข้อมูลของฝ่ายอัยการ

อัยการบอกว่าความบาดเจ็บเหล่านี้เพียงพอที่จะทำให้เกิดการจบชีวิต พร้อมทั้งไม่น่าจะมีบุคคลที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้อง ในเวลาเดียวกันพบว่าเป็นการจบชีวิต “ที่น่าสงสัย” เพราะน่าจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดพร้อมทั้งแอลกอฮอล

อัยการบอกว่าการที่ไม่พบการบาดเจ็บจากการขัดขืนที่มือ ชี้ให้เห็นว่าเขาอาจจะตกลงมาขณะที่หมดสติ

ผลการตรวจสารในเลือดน่าจะใช้เวลาหลายสัปดาห์จากนี้ ตามรายงานของเอพี

ที่มา: เอพี

สหรัฐฯ เตือนถึงภัย AI ที่เพิ่มขึ้นจากภาพการละเมิดเด็ก

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังพยายามตามล่าผู้ต้องสงสัยที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในการสร้างหรือดัดแปลงภาพการละเมิดทางเพศที่มีเด็กเป็นเหยื่อ ท่ามกลางความกังวลว่าเทคโนโลยีนี้จะทำให้เกิดการนำเสนอเนื้อหาผิดกฎหมายมากขึ้น

ที่ผ่านมาในปีนี้ กระทรวงฯ ได้ดำเนินการทางอาญา 2 คดี ต่อผู้ต้องหาในมูลความผิดที่ใช้ AI สำหรับเนื้อหาที่ละเมิดทางเพศต่อเยาวชน

หัวหน้าหน่วยอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์พร้อมทั้งทรัพย์สินทางปัญญาของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เจมส์ ซิลเวอร์ บอกว่า “สิ่งที่เรากังวลคือการทำให้เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ” เขาคาดว่าน่าจะเกิดกรณีลักษณะเดียวกันเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต

เจ้าหน้าที่ผู้นี้บอกว่ากระทรวงต้องการหยุดยั้งพร้อมทั้งป้องกันการกระทำเหล่านี้

แม้การปราบปรามเนื้อหาละเมิดทางเพศต่อเด็กโดยใช้ AI เป็นหัวข้อที่ค่อนข้างใหม่ ทางด้านกฎหมายในสหรัฐฯ  ซิลเวอร์บอกว่า ในกรณีที่ผู้กระทำผิดอาจรอดข้อหาเกี่ยวกับเนื้อหาละเมิดเด็ก แต่อาจไม่สามารถพ้นข้อหาผลิตพร้อมทั้งเผยเเพร่สื่อลามก

เมื่อ 2 ปีที่เเล้วศาลสูงสหรัฐฯ ตัดสินว่ากฎหมายรัฐบาลกลางฉบับหนึ่ง ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ โดยกฎหมายดังกล่าวตั้งข้อหาอาญาต่อการเเสดงภาพซึ่งรวมถึงที่ถูกสร้างขึ้นจากคอมพิวเตอร์ พร้อมทั้งเป็นภาพที่มีลักษณธของกิจกรรมทางเพศของผู้เยาว์

นักรณรงค์ด้านความปลอดภัยของเด็กพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายอัยการของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ กล่าวด้วยว่า ผู้กระทำผิดใช้ AI เป็นเครื่องมือเปลี่ยนรูปทั่วไปของเด็ก ๆ ให้กลายเป็นสื่ออนาจาร

บุคลากรเหล่านี้เตือนว่าการเเพร่ข้อเนื้อหาที่ผลิตโดย AI ทำให้เจ้าหน้าที่รักษากฎหมายทำงานยากขึ้นในการระบุตัวเหยื่อ

ศูนย์ปกป้องเยาวชน National Center for Missing and Exploited Children ซึ่งเป็นองค์กรไม่เเสวงหาผลกำไร พบว่าโดยเฉลี่ยแต่ละเดือน หน่วยงานของเขาจะได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้ AI ที่มีเหยื่อเป็นเด็กประมาณ 450 ครั้ง 

สำหรับการฉวยประโยชน์จากเด็กทางอินเตอร์เน็ตโดยรวม รอยเตอร์รายงานว่า ตัวเลขการเเจ้งเหตุอยู่ที่ 3 ล้านกรณี ต่อเดือนเมื่อปีที่เเล้ว

ที่มา: รอยเตอร์

อิสราเอลยืนยันปฏิบัติการสังหารผู้นำฮามาสในกาซ่า

อิสราเอลยืนยันในวันพฤหัสบดีว่า ได้สังหาร ยาห์ยา ซินวาร์ ผู้นำกลุ่มฮามาส ในปฏิบัติการจู่โจมครั้งล่าสุดในฉนวนกาซ่าที่พุ่งเป้าจัดการกับสมาชิก 3 คนของกลุ่มติดอาวุธนี้

ทั้งนี้ อิสราเอลรายงานด้วยว่า ไม่มีสัญญาณว่า มีตัวประกันอยู่ในอาคารที่เป็นเป้าการจู่โจมที่ได้สังหารนักรบกลุ่มติดอาวุธทั้ง 3 คนสำเร็จ

ซินวาร์ เป็นผู้นำการจู่โจมใส่อิสราเอลเมื่อ 7 ตุลาคมของปีที่แล้วซึ่งเป็นชนวนของสงครามในกาซ่าที่ดำเนินมากว่าปีนี้ โดยซินวาร์ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าฮามาส หลังการลอบสังหารอดีตผู้นำของกลุ่มซึ่งก็คือ อิสมาอิล ฮานิเยห์ เมื่อเดือนสิงหาคม ในกรุงเตหะราน

อิหร่านกล่าวโทษว่า อิสราเอลคือผู้อยู่เบื้องหลังการสังหารฮานิเยห์

มีรายงานว่า พบเงินสด เอกสารประจำตัวพร้อมทั้งอาวุธข้าง ๆ ศพของสมาชิกฮามาสทั้ง 3 คน ขณะที่ สื่ออิสราเอลเปิดเผยว่า กองกำลังกำลังอิสราเอลไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เพื่อดำเนินปฏิบัติการลอบสังหารพร้อมทั้งไม่ได้รับทราบรายงานข่าวกรองใด ๆ ที่ชี้ว่า ซินวาร์อยู่ในอาคารดังกล่าว

ซินวาร์ซึ่งเกิดในค่ายผู้อพยพในเมืองคานยูนิสของฉนวนกาซ่า เป็นสมาชิกระดับต้น ๆ ตั้งแต่เมื่อมีการก่อตั้งกลุ่มฮามาสในปี 1987 โดยต่อมาได้ก้าวขึ้นมารับผิดชอบหน่วยงานติดอาวุธของกลุ่มที่ทำหน้าที่จัดการกับสายลับของอิสราเอล

อิสราเอลเคยจับกุมตัวซินวาร์ได้เมื่อปลายคริสต์ทศวรรษที่ 1980 โดยในเวลานั้น เขายอมรับว่า ลงมือสังหารผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ร่วมมือกับกลุ่มติดอาวุธนี้ไป 12 คนซึ่งทำให้ซินวาร์ได้รับฉายา “นักฆ่าแห่งคานยูนิส” โดยอิสราเอลสั่งจำคุกเขาตลอดชีวิต 4 รอบจากการกระทำผิดหลายข้อหา

แต่หลังรอดชีวิตจากการเป็นมะเร็งในสมองเมื่อปี 2008 เพราะได้รับการรักษาจากแพทย์ของอิสราเอล นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู มีคำสั่งปล่อยตัวซินวาร์จากเรือนจำในปี 2011 ก่อนจะถูกแลกตัวกับนายทหารคนหนึ่งของอิสราเอลที่ถูกฮามาสจับตัวเป็นนักโทษไว้ได้ก่อนหน้า

เมื่อกลับไปยังกาซ่าได้ ซินวาร์ได้กลับคืนสู่กลุ่มฮามาสพร้อมทั้งไต่เต้าอย่างรวดเร็วจนขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งผู้นำ พร้อมชื่อเสียงด้านความโหดเหี้ยม พร้อมทั้งกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ประกาศให้อยู่ในรายชื่อกลุ่ม “ผู้ก่อการร้ายระดับโลก” ในปี 2015

รายงานข่าวพบว่า ซินวาร์เป็นผู้นำปฏิบัติการของฮามาสในกาซ่า พร้อมทั้งทำงานร่วมกับฮานิเยห์ในการนำพากลุ่มให้เข้าหาอิหร่านพร้อมทั้งกลุ่มตัวแทนอื่น ๆ ในตะวันออกกลาง พร้อม ๆ กับการเสริมสร้างศักยภาพทางทหารของฮามาสไปด้วย

ในเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ตอนเหนือของกาซ่ารายงานในวันพฤหัสบดีด้วยว่า การจู่โจมทางอากาศของอิสราเอลเข้าใส่โรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งถูกเปลี่ยนมาเป็นศูนย์หลบภัยของชาวปาเลสไตน์ผู้พลัดถิ่น ทำให้มีผู้จบชีวิตอย่างน้อย 14 คนที่รวมถึงเด็ก 5 คนด้วย

แต่อิสราเอลพบว่า การจู่โจมของตนพุ่งเป้าไปยังนักรบฮามาสพร้อมทั้งกลุ่มอิสลามิกจิฮัดหลายสิบคนที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงเรียนแห่งดังกล่าว

ฟาเรส อาบู ฮัมซา หัวหน้าหน่วยฉุกเฉินพื้นที่ภาคเหนือของกระทรวงสาธารสุขกาซ่า ยืนยันตัวเลขผู้จบชีวิต พร้อมทั้งบอกว่า มีผู้คนอีกหลายสิบคนที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมเปิดเผยว่า “ผู้หญิงพร้อมทั้งเด็กหลายคนมีอาการเจ็บสาหัส” ด้วย

กลุ่มฮามาสเปิดฉากจู่โจมภาคใต้ของอิสราเอลเมื่อต้นเดือนตุลาคมของปีที่แล้วซึ่งส่งผลให้มีผู้จบชีวิตราว 1,200 คนพร้อมทั้งมีการจับตัวประกันไปกว่า 250 คน ก่อนอิสราเอลจะจู่โจมโต้กลับเข้าไปในกาซ่าจนถึงบัดนี้ที่ทำให้มีชาวปาเลสไตน์จบชีวิตกว่า 42,400 คนแล้ว โดยกว่าครึ่งนั้นเป็นผู้หญิงพร้อมทั้งเด็ก ตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่สาธารสุขกาซ่า

 

การนำส่งความช่วยเหลือให้ชาวกาซ่า

ในการประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นเมื่อวันพุธ นักการทูตทั้งหลายได้รับแจ้งรายงานล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซ่าที่เลวร้ายลงเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือซึ่งอิสราเอลเดินหน้ายกระดับปฏิบัติการทางทหารอยู่

จอยซ์ มซูยา รักษาการหัวหน้าโครงการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมยูเอ็นแจ้งต่อที่ประชุมว่า “ไม่มีความช่วยเหลือด้านอาหารเข้าไปยังภาคเหนือของกาซ่าตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมถึง 15 ตุลาคม เมื่อมีการอนุญาตให้นำส่งสิ่งของไม่มากเข้าไปได้เท่านั้น พร้อมทั้งเสบียงสิ่งของจำเป็นทั้งหมดเพื่อการใช้ชีวิตให้อยู่รอดก็เริ่มหมดลงแล้ว”

มซูยายังกล่าวด้วยว่า “ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม มีการประสานการเคลื่อนย้าย(ความช่วยเหลือ)เพียง 1 เที่ยวจากทั้งหมด 54 เที่ยวที่เข้าไปยังภาคเหนือ(ของกาซ่า) ผ่านจุดตรวจข้ามแดน อัล ราชิด ด้วยการอำนวยความสะดวกโดยทางการอิสราเอล ขณะที่ การนำส่งอีก 4 เที่ยวถูกขัดขวางในช่วงต้นก่อนจะไปถึงที่หมายได้” พร้อมทั้งว่า “85% ของการนำส่งนั้นถูกปฏิเสธพร้อมทั้งที่เหลือก็ถูกสกัดไว้หรือยกเลิก เนื่องจากประเด็นด้นความปลอดภัยหรือโลจิสติกส์”

สมาชิกคณะมนตรีฯ ที่เข้าร่วมประชุมต่างประณามสถานการณ์ดังกล่าวรวมทั้งประเด็นคำสั่งอพยพของอิสราเอลด้วย พร้อมทั้งหลายคนบอกว่า ถึงเวลาแล้วที่คณะมนตรีฯ จะพิจารณา “เครื่องมือ” ทั้งหลายที่มีเพื่อบังคับใช้มติที่มีออกมา ซึ่งหมายถึงการลงโทษทางเศรษฐกิจต่าง ๆ

การประชุมนัดนี้เกิดขึ้นหลังสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องให้อิสราเอลเพิ่มการนำส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้กับชาวปาเลสไตน์ในกาซ่าภายในเดือนหน้า มิฉะนั้นกรุงวอชิงตันอาจตัดความช่วยเหลือทางทหารเพื่อสนับสนุนการสู้รบกับกลุ่มฮามาส

 

 

 

ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี เอเอฟพีพร้อมทั้งรอยเตอร์

กองทัพอิสราเอลกำจัดผบ.เฮซบอลลาห์ในเลบานอน

กองทัพอิสราเอลรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ได้สังหารผู้บัญชาการของกลุ่มเฮซบอลลาห์ในภาคใต้ของเลบานอนแล้ว พร้อม ๆ กับประกาศคำสั่งอพยพรอบใหม่สำหรับประชาชนในพื้นที่เบกาแวลลีย์ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเบรุตไปทางตะวันออกราว 30 กิโลเมตร

กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ระบุตัว ฮุสเซน อวาดา ว่าเป็นผู้บัญชาการของเฮซบอลลาห์ที่ถูกสังหารในปฏิบัติการล่าสุดของตน พร้อมทั้งบอกว่า อวาดาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการยิงจรวดข้ามชายแดนมายังอิสราเอลด้วย

ในส่วนของคำสั่งอพยพนั้น อิสราเอลได้ดำเนินการดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องสำหรับประชาชนในหลายพื้นที่ของเลบานอนมาแล้ว โดยบอกว่า คนในพื้นที่ดังกล่าวต้องย้ายที่อยู่เพื่อความปลอดภัยเนื่องจากบริเวณเหล่านั้นอยู่ใกล้กับจุดที่ตั้งของกลุ่มเฮซบอลลาห์ พร้อมทั้งคำสั่งอพยพทั้งหลายมักออกมาก่อนที่อิสราเอลจะทำการจู่โจมทางอากาศ

คำสั่งล่าสุดที่อิสราเอลประกาศออกมาในวันพฤหัสบดีครอบคลุมพื้นที่เขตซาราอีน ทามนีน พร้อมทั้งซาฟรี

ในเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่เลบานอนออกมาประณามปฏิบัติการจู่โจมทางอากาศของอิสราเอลเมื่อวันพุธที่สังหารผู้คนไป 16 คนในเมืองนาบาทีเอห์ ทางใต้ของประเทศ โดยหนึ่งในผู้จบชีวิตคือนายกเทศมนตรีของเมือง พร้อมทั้งการจู่โจมนี้ยังทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 50 คนด้วย

เจ้าหน้าที่เลบานอนบอกว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นข้อพิสูจน์ว่า แผนการของอิสราเอลที่ว่าเพื่อกำจัดกลุ่มติดอาวุธเฮซบอลลาห์นั้นได้ขยายวงมายังพื้นที่ต่าง ๆ ของเลบานอนแล้วด้วย แม้กองทัพอิสราเอลจะยืนยันว่า ฝ่ายตนทำการจู่โจมเป้าหมายหลายสิบแห่งของเฮซบอลลาห์ในพื้นที่เมืองนาบาทีเอห์จริง

จีนีน เฮนนิส-พลาสชาร์ต ผู้ประสานงานพิเศษในเลบานอนของสหประชาชาติ บอกว่า การจู่โจมของอิสราเอล “เกิดขึ้นหลังมีเหตุการณ์อื่น ๆ ที่พลเรือนพร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนมากมายทั่วเลบานอนตกเป็นเป้า” พร้อมทั้งว่า “ความเดือดร้อนของพลเรือนยกระดับถึงจุดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว”

เฮนนิส-พลาสชาร์ตระบุในแถลงการณ์ด้วยว่า “ถึงเวลาที่ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายต้องหยุดการยิงในทันทีพร้อมทั้งเปิดประตูให้กับทางออกทางการทูตที่คำนึงถึงความต้องการของพลเรือนพร้อมทั้งจะสามารถส่งเสริมความมั่นคงของภูมิภาคได้”

 

ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี เอเอฟพีพร้อมทั้งรอยเตอร์

เกาหลีเหนือแก้ไขรธน.ให้พบว่า เกาหลีใต้เป็น ‘รัฐปรปักษ์’

เกาหลีเหนือยืนยันในวันพฤหัสบดีว่า เพิ่งทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปลี่ยนแปลงคำจำกัดความของเกาหลีใต้ให้เป็น “รัฐปรปักษ์” เป็นครั้งแรก โดยการเปิดเผยเรื่องนี้มีออกมาหลังกรุงเปียงยางสั่งระเบิดถนนพร้อมทั้งรางรถไฟเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านทางใต้ไป

ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่า เกาหลีเหนือมีความตั้งใจที่จะยกระดับความเป็นอริกับเกาหลีใต้ให้หนักขึ้น ที่อาจนำไปสู่การปะทะกันที่แนวชายแดนของสองประเทศที่มีความตึงเครียดอยู่แล้ว แม้ว่าหลายฝ่ายจะเชื่อว่า เปียงยางยังไม่น่าจะทำการจู่โจมแบบเต็มรูปแบบใด ๆ เนื่องจากสรรพกำลังทางทหารที่แข็งแกร่งกว่าของกองทัพกรุงโซลผนวกกับของสหรัฐฯ ที่เป็นพันธมิตรใกล้ชิด

สื่อ KCNA ของรัฐบาลเกาหลีเหนือรายงานในวันพฤหัสบดีว่า การทำลายส่วนเหนือของถนนเชื่อมต่อสองเกาหลีพร้อมทั้งรางรถไฟไปนั้นเป็น “มาตรการที่ชอบธรรมพร้อมทั้งหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งต้องดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีที่กำหนดชัดเจนว่า สาธารณรัฐเกาหลี เป็น “รัฐปรปักษ์””

กระทรวงรวมชาติในกรุงโซลประณามการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญนี้ของเกาหลีเหนือให้มาเรียกเกาหลีใต้ว่าเป็นรัฐปรปักษ์ พร้อมทั้งเรียกการกระทำนี้ว่าเป็น “การต่อต้านชาติพร้อมทั้งต่อต้านการรวมชาติ” อย่างหนึ่ง พร้อมพบว่า รัฐบาลเกาหลีใต้จะโต้ตอบการยั่วยุต่าง ๆ ของเกาหลีเหนืออย่างจริงจัง พร้อมทั้งเดินหน้าอย่างแน่วแน่ให้มีการรวมชาติอย่างสันติบนพื้นฐานของหลักการด้านเสรีภาพพร้อมทั้งประชาธิปไตย”

รัฐสภาเกาหลีเหนือที่เป็นเหมือนสภาตรายางเปิดประชุมเป็นระยะเวลา 2 วันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่สื่อรัฐเปียงยางไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่มีการพูดในที่ประชุมดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เรียกร้องระหว่างร่วมประชุมรัฐสภาให้มีการแก้ไขกฎหมายสูงสุดของประเทศเพื่อประกาศให้เกาหลีใต้มีสถานะเป็นศัตรูสำคัญ พร้อมทั้งยกเลิกเป้าหมายการรวมชาติเกาหลีโดยสันติ รวมทั้งปรับแก้คำจำกัดความเกี่ยวกับอาณาเขตพร้อมทั้งอธิปไตยของเกาหลีเหนือด้วย

ทั้งนี้ รายงานของ KCNA ในวันพฤหัสบดีไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญที่มีการแก้ไขนี้ ยกเว้นแต่ประเด็นเกาหลีใต้

อันกิต พานดา ผู้เชี่ยวชาญจาก Carnegie Endowment for International Peace ในสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า เกาหลีเหนือน่าจะกำลังทำการทบทวนแผนงานโฆษณาชวนเชื่อของตนเพื่อหาวิธีที่เหมาะสมในการเปิดเผยข้อมูลการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก่อนที่จะมีการยืนยันทุกอย่างออกมาในอนาคต

ทั้งนี้ คำสั่งของคิมเมื่อเดือนมกราคมให้มีการแก้ไขกฎหมายสูงสุดของประเทศทำให้ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติหลายรายแปลกใจมาก เพราะนี่เป็นเหมือนการประกาศยกเลิกแนวความคิดที่จะประสานสองประเทศที่ต้องแยกจากกันในสงครามเมื่อราว 70 ปีก่อนพร้อมทั้งยังเป็นการละทิ้งความฝันของบรรพบุรุษที่ปรารถนาจะได้เห็นการรวมชาติอย่างสันติภายใต้เงื่อนไขของเกาหลีเหนือ

ผู้เชี่ยวชาญบางคนมองว่า คิมน่าจะมุ่งเป้ากีดกันอิทธิพลทางวัฒนธรรมของเกาหลีใต้พร้อมทั้งยกระดับการปกครองแบบราชวงศ์ของตระกูลคิม ขณะที่ บางรายบอกว่า ผู้นำเปียงยางน่าจะต้องการช่องทางทางกฎหมายเพื่อใช้อาวุธนิวเคลียร์กับเกาหลีใต้ด้วยการประกาศให้เพื่อนบ้านนี้เป็นศัตรูต่างชาติไปเสีย แทนที่จะเป็นหุ้นส่วนของแผนงานรวมชาติ

เลฟ-เอริค อีสลีย์ ศาสตราจารย์ด้านศึกษานานาชาติจากมหาวิทยาลัยอีฮวา ในกรุงโซล กล่าวเสริมว่า “เกาหลีเหนือล้าหลังตามเกาหลีใต้ไม่ทันอย่างมากเสียจนทำให้มองว่า การแลกเปลี่ยนทางสังคมหรือการบูรณการภาคการเงินนั้น ดูจะเป็นหนทางสู่การรวมชาติด้วยการดูดกลืนเสียแล้ว” พร้อมทั้งว่า “การที่เปียงยางปฏิเสธการรวมชาติเกาหลีก็เป็นยุทธศาสตร์เพื่อความอยู่รอดของรัฐบาลพร้อมทั้งเพื่อคงไว้ซึ่งอำนาจการควบคุมประเทศ นี่ไม่ใช่เป็นเพียงนิมิตหมายที่ไม่ดีต่อประชาธิปไตยเท่านั้น แต่ยังอาจกลายมาเป็นคตินิยมที่ใช้จูงใจให้เกิดการใช้กำลังทหารรุกรานกรุงโซลได้ด้วย”

 

 

ที่มา: เอพี

‘เซเลนสกี’ นำเสนอ ‘แผนแห่งชัยชนะ’ แก่พันธมิตรนาโต้-อียู

ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวในวันพฤหัสบดีว่า กุญแจสู่การยุติสงครามของรัสเซียในยูเครนพร้อมกับการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกก็คือ ความสามัคคีของชาติยุโรป การกดดันรัสเซียต่อไปพร้อมทั้งการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ยูเครน

เซเลนสกีกล่าวในช่วงเยือนกรุงบรัสเซลส์เพื่อขึ้นพูดต่อหน้าที่ประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) พร้อมทั้งร่วมประชุมกับรัฐมนตรีกลาโหมนาโต้ ว่า “รัสเซียจะหันหน้าเข้าหาการทูต ต่อเมื่อมองเห็นว่า ไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยการใช้กำลังแล้ว”

การประชุมต่าง ๆ ในบรัสเซลส์คือ เวทีล่าสุดที่ผู้นำยูเครนใช้ในการนำเสนอ “แผนแห่งชัยชนะ” ของตนให้กับพันธมิตรชาติตะวันตก

ในระหว่างขึ้นกล่าวต่อหน้าที่ประชุมรัฐสภายูเครนเมื่อวันพุธ เซเลนสกี เผยโครงร่างแผนการที่จะยุติปฏิบัติการรุกรานของรัสเซียที่ดำเนินมาถึง 32 เดือนนี้ซึ่งรวมถึง คำเรียกร้องให้นาโต้เชิญยูเครนเข้าร่วมกลุ่มโดยไม่มีเงื่อนไข พร้อมทั้งการเคลื่อนกำลังป้องปรามที่ไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อต้านการรุกรานของรัสเซีย

มาร์ค รุตเทอ เลขาธิการนาโต้ กล่าวในวันพุธว่า การก้าวขึ้นมาเป็นสมาชิกองค์กรนี้ของยูเครนที่จะเกิดขึ้นในที่สุดเป็นเรื่องที่ “ย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว” เมื่อเวลาที่เหมาะสมมาถึง แต่เพราะกรุงเคียฟยังไม่สามารถเข้ามาร่วมกลุ่มได้ในช่วงที่ยังทำสงครามอยู่ รุตเทอจึงปฏิเสธที่จะประเมินว่า การเป็นสมาชิกของยูเครนนั้นจะเกิดขึ้นได้จริงเมื่อใด

 

การสู้รบที่ยังดำเนินต่อไป

กองทัพยูเครนเปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า ได้ยิงโดรนที่รัสเซียส่งมาจู่โจมในช่วงคืนก่อนหน้าตกลงไป 22 ลำจากทั้งหมด 56 ลำ

กองทัพอากาศยูเครนพบว่า การสกัดโดรนที่ว่านั้นเกิดขึ้นในน่านฟ้าเหนือเกือบ 10 เขตปกครอง เช่น เชอร์นิฮิฟ เคียฟ มีโคลาอิฟ โอเดสซาพร้อมทั้งซูมี โดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรายงานว่า การจู่โจมนี้ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่ออาคารพร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงาน รวมทั้งยานพาหนะต่าง ๆ แต่ไม่มีการระบุถึงการจบชีวิตหรือการได้รับบาดเจ็บของผู้คน

ในเวลาเดียวกัน กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวในวันพฤหัสบดีว่า ได้ยิงโดรนยูเครนตกลง 6 ลำเหนือแคว้นโอร์โยล พร้อมทั้ง 4 ลำเหนือแคว้นเคิร์สก รวมทั้ง 3 ลำที่เหนือแคว้นบริแยงสก์ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ในแคว้นเหล่านี้ไม่ได้รายงานเหตุความเสียหายหรือตัวเลขผู้จบชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บใด ๆ

 

 

ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี เอเอฟพีพร้อมทั้งรอยเตอร์

กองทัพอิสราเอลเร่งตรวจสอบกรณีปฏิบัติการสังหารผู้นำฮามาสในกาซ่า

อิสราเอลเปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า กำลังเดินหน้าตรวจสอบว่า การจู่โจมในกาซ่าได้สังหาร ยาห์ยา ซินวาร์ ผู้นำกลุ่มฮามาสสำเร็จแล้วจริงหรือไม่

กองทัพอิสราเอลระบุในแถลงการณ์ว่า “ในเวลานี้ ยังไม่สามารถยืนยันอัตลักษณ์ของสมาชิกกลุ่มก่อการร้าย(ที่ถูกสังหาร)ได้”

สิ่งที่อิสราเอลยืนยันได้ในเวลานี้คือ ไม่มีสัญญาณว่า มีตัวประกันอยู่ในอาคารที่เป็นเป้าการจู่โจมครั้งล่าสุดที่เชื่อว่า มีนักรบกลุ่มติดอาวุธนี้อยู่ 3 คน

ซินวาร์ เป็นผู้นำการจู่โจมใส่อิสราเอลเมื่อ 7 ตุลาคมของปีที่แล้วซึ่งเป็นชนวนของสงครามในกาซ่าที่ดำเนินมากว่าปีนี้ โดยซินวาร์ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าฮามาส หลังการลอบสังหารอดีตผู้นำของกลุ่มซึ่งก็คือ อิสมาอิล ฮานิเยห์ เมื่อเดือนสิงหาคม ในกรุงเตหะราน

อิหร่านกล่าวโทษว่า อิสราเอลคือผู้อยู่เบื้องหลังการสังหารฮานิเยห์

ในเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ตอนเหนือของกาซ่ารายงานในวันพฤหัสบดีด้วยว่า การจู่โจมทางอากาศของอิสราเอลเข้าใส่โรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งถูกเปลี่ยนมาเป็นศูนย์หลบภัยของชาวปาเลสไตน์ผู้พลัดถิ่น ทำให้มีผู้จบชีวิตอย่างน้อย 14 คนที่รวมถึงเด็ก 5 คนด้วย

แต่อิสราเอลพบว่า การจู่โจมของตนพุ่งเป้าไปยังนักรบฮามาสพร้อมทั้งกลุ่มอิสลามิกจิฮัดหลายสิบคนที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงเรียนแห่งดังกล่าว

ฟาเรส อาบู ฮัมซา หัวหน้าหน่วยฉุกเฉินพื้นที่ภาคเหนือของกระทรวงสาธารสุขกาซ่า ยืนยันตัวเลขผู้จบชีวิต พร้อมทั้งบอกว่า มีผู้คนอีกหลายสิบคนที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมเปิดเผยว่า “ผู้หญิงพร้อมทั้งเด็กหลายคนมีอาการเจ็บสาหัส” ด้วย

กลุ่มฮามาสเปิดฉากจู่โจมภาคใต้ของอิสราเอลเมื่อต้นเดือนตุลาคมของปีที่แล้วซึ่งส่งผลให้มีผู้จบชีวิตราว 1,200 คนพร้อมทั้งมีการจับตัวประกันไปกว่า 250 คน ก่อนอิสราเอลจะจู่โจมโต้กลับเข้าไปในกาซ่าจนถึงบัดนี้ที่ทำให้มีชาวปาเลสไตน์จบชีวิตกว่า 42,400 คนแล้ว โดยกว่าครึ่งนั้นเป็นผู้หญิงพร้อมทั้งเด็ก ตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่สาธารสุขกาซ่า

กองทัพอิสราเอลรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ได้สังหารผู้บัญชาการของกลุ่มเฮซบอลลาห์ในภาคใต้ของเลบานอนแล้ว พร้อม ๆ กับประกาศคำสั่งอพยพรอบใหม่สำหรับประชาชนในพื้นที่เบกาแวลลีย์ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเบรุตไปทางตะวันออกราว 30 กิโลเมตร

กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ระบุตัว ฮุสเซน อวาดา ว่าเป็นผู้บัญชาการของเฮซบอลลาห์ที่ถูกสังหารในปฏิบัติการล่าสุดของตน พร้อมทั้งบอกว่า อวาดาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการยิงจรวดข้ามชายแดนมายังอิสราเอลด้วย

ในส่วนของคำสั่งอพยพนั้น อิสราเอลได้ดำเนินการดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องสำหรับประชาชนในหลายพื้นที่ของเลบานอนมาแล้ว โดยบอกว่า คนในพื้นที่ดังกล่าวต้องย้ายที่อยู่เพื่อความปลอดภัยเนื่องจากบริเวณเหล่านั้นอยู่ใกล้กับจุดที่ตั้งของกลุ่มเฮซบอลลาห์ พร้อมทั้งคำสั่งอพยพทั้งหลายมักออกมาก่อนที่อิสราเอลจะทำการจู่โจมทางอากาศ

คำสั่งล่าสุดที่อิสราเอลประกาศออกมาในวันพฤหัสบดีครอบคลุมพื้นที่เขตซาราอีน ทามนีน พร้อมทั้งซาฟรี

ในเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่เลบานอนออกมาประณามปฏิบัติการจู่โจมทางอากาศของอิสราเอลเมื่อวันพุธที่สังหารผู้คนไป 16 คนในเมืองนาบาทีเอห์ ทางใต้ของประเทศ โดยหนึ่งในผู้จบชีวิตคือนายกเทศมนตรีของเมือง พร้อมทั้งการจู่โจมนี้ยังทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 50 คนด้วย

เจ้าหน้าที่เลบานอนบอกว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นข้อพิสูจน์ว่า แผนการของอิสราเอลที่ว่าเพื่อกำจัดกลุ่มติดอาวุธเฮซบอลลาห์นั้นได้ขยายวงมายังพื้นที่ต่าง ๆ ของเลบานอนแล้วด้วย แม้กองทัพอิสราเอลจะยืนยันว่า ฝ่ายตนทำการจู่โจมเป้าหมายหลายสิบแห่งของเฮซบอลลาห์ในพื้นที่เมืองนาบาทีเอห์จริง

จีนีน เฮนนิส-พลาสชาร์ต ผู้ประสานงานพิเศษในเลบานอนของสหประชาชาติ บอกว่า การจู่โจมของอิสราเอล “เกิดขึ้นหลังมีเหตุการณ์อื่น ๆ ที่พลเรือนพร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนมากมายทั่วเลบานอนตกเป็นเป้า” พร้อมทั้งว่า “ความเดือดร้อนของพลเรือนยกระดับถึงจุดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว”

เฮนนิส-พลาสชาร์ตระบุในแถลงการณ์ด้วยว่า “ถึงเวลาที่ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายต้องหยุดการยิงในทันทีพร้อมทั้งเปิดประตูให้กับทางออกทางการทูตที่คำนึงถึงความต้องการของพลเรือนพร้อมทั้งจะสามารถส่งเสริมความมั่นคงของภูมิภาคได้”

 

การนำส่งความช่วยเหลือให้ชาวกาซ่า

ในการประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นเมื่อวันพุธ นักการทูตทั้งหลายได้รับแจ้งรายงานล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซ่าที่เลวร้ายลงเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือซึ่งอิสราเอลเดินหน้ายกระดับปฏิบัติการทางทหารอยู่

จอยซ์ มซูยา รักษาการหัวหน้าโครงการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมยูเอ็นแจ้งต่อที่ประชุมว่า “ไม่มีความช่วยเหลือด้านอาหารเข้าไปยังภาคเหนือของกาซ่าตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมถึง 15 ตุลาคม เมื่อมีการอนุญาตให้นำส่งสิ่งของไม่มากเข้าไปได้เท่านั้น พร้อมทั้งเสบียงสิ่งของจำเป็นทั้งหมดเพื่อการใช้ชีวิตให้อยู่รอดก็เริ่มหมดลงแล้ว”

มซูยายังกล่าวด้วยว่า “ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม มีการประสานการเคลื่อนย้าย(ความช่วยเหลือ)เพียง 1 เที่ยวจากทั้งหมด 54 เที่ยวที่เข้าไปยังภาคเหนือ(ของกาซ่า) ผ่านจุดตรวจข้ามแดน อัล ราชิด ด้วยการอำนวยความสะดวกโดยทางการอิสราเอล ขณะที่ การนำส่งอีก 4 เที่ยวถูกขัดขวางในช่วงต้นก่อนจะไปถึงที่หมายได้” พร้อมทั้งว่า “85% ของการนำส่งนั้นถูกปฏิเสธพร้อมทั้งที่เหลือก็ถูกสกัดไว้หรือยกเลิก เนื่องจากประเด็นด้นความปลอดภัยหรือโลจิสติกส์”

สมาชิกคณะมนตรีฯ ที่เข้าร่วมประชุมต่างประณามสถานการณ์ดังกล่าวรวมทั้งประเด็นคำสั่งอพยพของอิสราเอลด้วย พร้อมทั้งหลายคนบอกว่า ถึงเวลาแล้วที่คณะมนตรีฯ จะพิจารณา “เครื่องมือ” ทั้งหลายที่มีเพื่อบังคับใช้มติที่มีออกมา ซึ่งหมายถึงการลงโทษทางเศรษฐกิจต่าง ๆ

การประชุมนัดนี้เกิดขึ้นหลังสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องให้อิสราเอลเพิ่มการนำส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้กับชาวปาเลสไตน์ในกาซ่าภายในเดือนหน้า มิฉะนั้นกรุงวอชิงตันอาจตัดความช่วยเหลือทางทหารเพื่อสนับสนุนการสู้รบกับกลุ่มฮามาส

กลุ่มฮามาสเปิดฉากจู่โจมภาคใต้ของอิสราเอลเมื่อ 7 ตุลาคมของปีที่แล้วซึ่งส่งผลให้มีผู้จบชีวิตราว 1,200 คนพร้อมทั้งมีการจับตัวประกันไปกว่า 250 คน ก่อนอิสราเอลจะจู่โจมโต้กลับเข้าไปในกาซ่าจนถึงบัดนี้ที่ทำให้มีชาวปาเลสไตน์จบชีวิตกว่า 42,400 คนแล้ว โดยกว่าครึ่งนั้นเป็นผู้หญิงพร้อมทั้งเด็ก ตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่สาธารสุขกาซ่า

 

 

 

ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี เอเอฟพีพร้อมทั้งรอยเตอร์

ตำรวจท่องเที่ยว ตรวจสอบเหตุป่วนห้างที่ขอนแก่น พร้อมระงับเหตุ

ตำรวจท่องเที่ยวขอนแก่น ตรวจสอบเหตุป่วนห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว พร้อมระงับเหตุ

ปลัดเกษตรฯ มอบนโยบาย เพิ่มศักยภาพนาแปลงใหญ่-ศูนย์ข้าวชุมชน ยกระดับสู่ครัวโลก

“ปลัดกระทรวงเกษตรพร้อมทั้งสหกรณ์” เปิดสัมมนาพร้อมมอบนโยบายวิจัยนำ-นวัตกรรมเสริม เพิ่มศักยภาพนาแปลงใหญ่พร้อมทั้งศูนย์ข้าวชุมชน เชื่อมโยงการยกระดับการผลิตข้าวไทยให้ปลอดภัยสู่ครัวโลก