ไมโครซอฟท์: อาชญากรไซเบอร์เดินหน้าช่วยรัสเซีย-จีน-อิหร่าน จู่โจมสหรัฐฯ หนักขึ้น

รายงานเกี่ยวกับภัยคุกคามด้านดิจิทัลโดยบริษัทไมโครซอฟท์ชี้ว่า รัสเซีย จีนพร้อมทั้งอิหร่านเดินหน้าพึ่งพาเครือข่ายอาชญากรเพื่อดำเนินปฏิบัติการแฮกข้อมูลพร้อมทั้งจารกรรมข้อมูลทางไซเบอร์จากฝ่ายตรงข้าม เช่น สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามรายงานของสำนักข่าวนานาชาติเอพี

ความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นระหว่างรัฐบาลเผด็จการพร้อมทั้งแฮกเกอร์ของแก๊งอาชญากรรมทั้งหลายกลายมาเป็นประเด็นที่หน่วยงานด้านความมั่นคงแห่งชาติพร้อมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ต่าง ๆ รู้สึกกังวลหนักขึ้นอย่างมาก

หนึ่งในตัวอย่างที่ไมโครซอฟท์อ้างถึงในรายงานฉบับนี้คือ กรณีที่นักวิเคราะห์พบว่า แก๊งแฮกเกอร์กลุ่มหนึ่งที่มีสายสัมพันธ์กับรัฐบาลอิหร่านทำการแทรกซึมเข้าไปในเว็บหาคู่ของอิสราเอลพร้อมทั้งขโมยข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้งานออกมาเพื่อเรียกค่าไถ่หรือนำไปขายต่อ ซึ่งไมโครซอฟท์สรุปว่า แฮกเกอร์มีแรงจูงใจ 2 ประการ นั่นคือ เพื่อทำให้อิสราเอลขายหน้าพร้อมทั้งเพื่อหาเงิน

อีกตัวอย่างเหตุการณ์หนึ่งที่มีการระบุในรายงานดังกล่าวคือ กรณีที่เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนระบุตัวเครือข่ายอาชญากรรมสัญชาติรัสเซียกลุ่มหนึ่งได้ว่า ทำการแทรกซึมเข้าไปในอุปกรณ์อิเลกทรอนิกกว่า 50 เครื่องของกองทัพยูเครนเมื่อเดือนมิถุนายน ซึ่งเชื่อกันว่า น่าจะเพื่อหาข้อมูลที่ช่วยให้รัสเซียรุกรานยูเครนได้สำเร็จ แต่ในกรณีนี้ ไม่พบแรงจูงใจด้านการเงินใด ๆ นอกจากค่าจ้างที่รัสเซียจ่ายให้เท่านั้น

ทอม เบิร์ท รองประธานบริษัทไมโครซอฟท์ ด้านความปลอดภัยพร้อมทั้งความเชื่อมั่นของลูกค้า บอกว่า การศึกษาชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่ประเทศอย่างเช่น รัสเซีย จีน อิหร่านพร้อมทั้งเกาหลีเหนือ หันมาร่วมมือกับอาชญากรไซเบอร์เพิ่มมากขึ้นเพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย

อย่างไรก็ดี เบิร์ทเปิดเผยว่า ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนที่จะยืนยันว่า รัสเซีย จีนพร้อมทั้งอิหร่านแบ่งปันทรัพยากรด้านนี้ระหว่างกัน หรือทำงานร่วมกับเครือขายอาชญากรกลุ่มเดียวกัน แต่ก็ชี้ว่า การที่รัฐบาลเหล่านี้เลือกมาพึ่ง “ทหารรับจ้าง” ทางไซเบอร์ที่เป็นเอกชนมากขึ้นแสดงให้เห็นว่า ศัตรูของสหรัฐฯ กำลังมุ่งใช้อินเทอร์เน็ตเป็นอาวุธจู่โจมหนักขึ้นแล้ว

ทั้งนี้ รายงานของไมโครซอฟท์พบว่า ปฏิบัติการส่วนใหญ่ที่รัสเซียมีส่วนร่วมนั้นมุ่งเน้นไปยังยูเครน โดยมีเป้าหมายการจู่โจมเป็นระบบของรัฐบาลพร้อมทั้งกองทัพ พร้อม ๆ กับการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนเพื่อหวังบ่อนทำลายแรงสนับสนุนของชาติพันธมิตรทั้งหลายของกรุงเคียฟ แต่ยูเครนก็มีการตอบโต้ด้วยปฏิบัติการทางไซเบอร์ด้วย ดังเช่นในกรณีของสัปดาห์ที่แล้วที่มีการทำให้ระบบของสื่อรัฐบาลมอสโกบางแห่งล่มไป

นอกจากนั้น ยังมีการพบว่า เครือข่ายอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ทำงานกับรัสเซีย จีนพร้อมทั้งอิหร่านยังพุ่งเป้าจู่โจมมายังผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกันด้วยการสร้างเว็บไซต์พร้อมทั้งบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ปลอมเพื่อปล่อยข้อมูลเท็จพร้อมทั้งข้อมูลที่ทำให้สังคมเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งปีนี้

นักวิเคราะห์ของไมโครซอฟท์ยังเห็นด้วยกับการประเมินของเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ ที่ว่า รัสเซียมุ่งจู่โจมแผนหาเสียงของรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ขณะที่ อิหร่านนั้นพยายามต่อต้านอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นหลัก

ทอม เบิร์ท รองประธานบริษัทไมโครซอฟท์ กล่าวเสริมว่า ทั้งรัสเซียพร้อมทั้งอิหร่านน่าจะเร่งเครื่องปฏิบัติการทางไซเบอร์ของตนในช่วงที่วันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ งวดเข้ามาอยู่นี้

ในส่วนของจีนนั้น รายงานของไมโครซอฟท์พบว่า ไม่ได้ยุ่งกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีเลย แต่มุ่งเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาคองเกรสพร้อมทั้งการเลือกตั้งในระดับรัฐพร้อมทั้งท้องถิ่นเป็นหลัก

ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งหลิว เพ็งหยู โฆษกประจำสถานทูตจีน กรุงวอชิงตัน บอกว่า คำกล่าวอ้างทั้งหมดนี้ไม่มีมูล พร้อมทั้งกล่าวหาสหรัฐฯ ว่า เป็นผู้ปล่อย “ข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับภัยคุกคามจากการแฮกของจีน” เสียเอง

รัสเซียพร้อมทั้งอิหร่านนั้นก็ปฏิเสธคำกล่าวหาว่า ตนใช้ปฏิบัติการทางไซเบอร์ที่มุ่งเป้ามายังชาวอเมริกัน ขณะที่ ตัวแทนของเกาหลีเหนือยังไม่ติดต่อผู้สื่อข่าวกลับมาก่อนจัดพิมพ์รายงานข่าวนี้เสร็จ

 

 

ที่มา: เอพี

 

 

 

รัสเซีย-จีน กระชับความสัมพันธ์ทางกลาโหม “อย่างมีนัยสำคัญ”

รัสเซียพร้อมทั้งจีนจัดการหารือทางการทหาร “อย่างมีนัยสำคัญ” เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ รมต.กลาโหมรัสเซีย แอนเดร เบลูซอฟ กล่าวในวันอังคาร ขณะที่รัฐบาลของทั้งสองประเทศเดินหน้าความเป็นหุ้นส่วนกัน “อย่างไม่มีขีดจำกัด”

รัฐบาลปักกิ่งพร้อมทั้งมอสโกยังได้ยกระดับการวิจารณ์ความพยายามของสหรัฐฯ ที่ขยายอิทธิพลในเอเชีย

กระทรวงกลาโหมโพสต์ลงเเพลตฟอร์มเทเลเเกรม โดยอ้างรมต.เบลูซอฟที่พบว่า “หน่วยต่าง ๆ ทางทหารของรัสเซียพร้อมทั้งจีนมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการประเมินสถานการณ์ที่ดำเนินไปในโลก”

โพสต์ระบุด้วยว่า จีนพร้อมทั้งรัสเซีย “มีความเข้าใจตรวจกันถึงสิ่งที่จำเป็นต้องทำในสถานการณ์ปัจจุบัน”

รมต.กลาโหมรัสเซีย บอกว่าเขาพร้อมทั้งรองประธานคณะกรรมการกลางด้านกลาโหมของจีน จาง ยู่เซียะ พบกันที่กรุงปักกิ่งเพื่อการเจรจาอย่าง “มีนัยสำคัญ”

กระทรวงกลาโหมจีนกล่าวหลังการพบกันของทั้งสองฝ่าย ว่ารัฐบาลปักกิ่งหวังว่าจะกระชับพร้อมทั้งขยายความสัมพันธ์ทางทหาร พร้อมทั้งรักษาระดับการหารือกันระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงต่อไป

การเยือนกรุงปักกิ่งของเบลูซอฟเกิดขึ้นขณะที่กองทัพจีนตั้งมั่นที่จะดำเนินการกดดันไต้หวันเพิ่มมากขึ้นถ้าจำเป็น หลังจากที่เพิ่งปฏิบัติการ ‘เกมส์สงคราม’ โดยจีนบอกว่าเป็นการเตือนไต้หวันเรื่อง “พฤติกรรมแบกแยกดินเเดน”

การกระทำของจีนทำให้รัฐบาลไต้หวันพร้อมทั้งสหรัฐฯ ออกมากล่าวประณาม

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 จีนพร้อมทั้งรัสเซียประกาศว่าจะสานความเป็นหุ้นส่วนกัน  “อย่างไม่มีขีดจำกัด” ในตอนที่ปธน.รัสเซียวลาดิเมียร์ ปูติน เดินทางไปปักกิ่ง

พร้อมทั้งจากนั้นไม่ถึง 3 สัปดาห์รัสเซียบุกยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ จนกลายเป็นสงครามภาคพื้นดินที่ทำให้มีคนจบชีวิตมากที่สุดในยุโรป ตั้งเเต่สงครามโลกครั้งที่ 2 

เมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้ ปูตินพร้อมทั้งปธน.จีน สี จิ้นผิง ให้คำมั่นว่าจะให้เกิด “ยุคใหม่” ของความเป็นหุ้นส่วนกัน ระหว่างจีนพร้อมทั้งรัสเซีย ซึ่งเป็นคู่แข่งมหาอำนาจที่ใหญ่สุดของสหรัฐฯ​

โดยจีนพร้อมทั้งรัสเซียพยายามให้เห็นว่าสหรัฐฯ​ เป็นประเทศก้าวร้าวแห่งยุคสงครามเย็นที่ต้องการมีอำนาจสูงสุดพร้อมทั้งหว่านเมล็ดแห่งความโกลาหลทั่วโลก

เบลูซอฟบอกว่าปูตินพร้อมทั้งสีตกลงกันที่จะสร้างความลึกซึ้งของการเป็น “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์”

ถ้าหากว่า เบลูซอฟไม่ได้ให้ข้อมูล เขาได้เเต่พบว่า ตนมั่นใจว่า “การทำงานที่จะเกิดผลพร้อมทั้งการดำเนินการตามการตัดสินใจที่สำคัญพร้อมทั้งมีนำ้หนักกำลังรออยู่ข้างหน้า”

รัสเซียกล่าวในสัปดาห์ที่แล้วว่า กำลังยืนเคียงข้างจีนในประเด็นที่เกี่ยวกับเอเชีย ซึ่งรวมถึงคำวิจารณ์การขับเคลื่อนโดยสหรัฐฯ ที่จะขยายอิทธิพล พร้อมทั้ง “ความพยายามอย่างจงใจ” ที่จะโหมไฟต่อสถานการณ์รอบ ๆ ไต้หวัน​

สหรัฐฯ​บอกว่าจีนสนับสนุนการทำสงครามของรัสเซียในยูเครน ด้วยการส่งสินค้า เช่น อุปกรณ์ไมโครอิเล็กทรอลิกส์ ในการช่วยรัสเซียเพื่อผลิตอาวุธ

ด้านจีนพบว่าไม่ได้ส่งอาวุธให้กับกลุ่มใด พร้อมทั้งว่าการค้าตามปกติกับรัสเซียไม่ควรถูกจำกัดเเละขัดขวาง

ที่มา: รอยเตอร์

เสียงชาวอเมริกันที่ยังไม่ตัดสินใจ อาจกำหนดผู้ชนะการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ

ในการนับถอยหลังเดือนสุดท้ายก่อนชาวอเมริกันจะเข้าคูหาเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้งโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมทั้งคามาลา แฮร์ริส ต่างพยายามพุ่งเป้าหาเสียงไปยังผู้มีสิทธิ์กลุ่มเล็ก ๆ ที่บอกว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะเลือกผู้ใดในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้

ในเวลานี้ ชาวอเมริกันจำนวนหนึ่งได้ตัดสินใจแล้วว่า ต้องการเห็นใครก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทำเนียบขาวในการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าที่เริ่มขึ้นแล้วในพื้นที่หลายรัฐ

แต่ในเวลาเดียวกัน ยังมีผู้มีสิทธิ์ออกเสียงจำนวนหนึ่งที่เผยว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะกาบัตรเลือกทรัมป์หรือแฮร์ริส

 

แมรีเบ็ธ จิโอวาคคินิ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในนครนิวยอร์ก บอกกับ วีโอเอ ว่า เธอต้องการเข้าใจตัวตนของตัวแทนของทั้งสองพรรคให้มากกว่านี้ พร้อมทั้งมองว่า ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ทำให้ประชาชนรู้จักมากดีพอภายใต้บรรยากาศทางการเมืองในปัจจุบันที่ต่างจากอดีตโดยสิ้นเชิง

ข้อมูลจากการสำรวจความคิดเห็นประชาชนพบว่า ตัวเลขของผู้มีสิทธิ์ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใครนั้นคิดเป็นสัดส่วนราว 3% ของคณะผู้แทนเลือกตั้งปธน.

จอห์น จอห์นสัน นักวิชาการจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยมาร์เค็ต (Marquette University) ให้ความเห็นว่า ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงจำนวนมากยังไม่ได้หันมาสนใจการเลือกตั้งครั้งนี้มากนัก

 

จอห์นสันคิดว่า ถ้าจะมีการลองสุ่มเดินไปถามผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใครในตอนนี้ คำตอบที่จะได้กลับมาก็คือว่า ไม่ทราบ เพราะไม่ได้ติดตามการเมืองมากนัก ขณะที่ ผู้ที่อยู่ในแถบตะวันตกตอนกลางของสหรัฐฯ (มิดเวสต์) อาจไม่อยากบอกว่า จะเลือกใครพร้อมทั้งอาจเลี่ยงตอบด้วยการบอกว่า “ไม่รู้” ก็เป็นได้

ทาทิเช นเททา อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ (University of Massachusetts) ให้ความเห็นกับ วีโอเอ ด้วยว่า การหาเสียงเลือกตั้งของทั้งแฮร์ริสพร้อมทั้งทรัมป์นั้นต่างกำลังมุ่งหน้าไปยังกลุ่มที่บอกว่า “ยังไม่ตัดสินใจ” อย่างหนัก

 

อาจารย์นเททาบอกว่า จำนวนผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใครนั้นหดลงเรื่อย ๆ แล้ว พร้อมทั้งคนส่วนใหญ่น่าจะตัดสินใจได้ก่อนวันเลือกตั้ง ดังนั้นสิ่งที่จะส่งผลต่อทิศทางการเลือกตั้งก็คือ การเคลื่อนพลของทั้งพรรคเดโมแครตพร้อมทั้งพรรครีพับลิกันในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อดึงคะแนนจากผู้มีสิทธิ์ในสภาพการณ์แข่งขันที่สูสีกันอย่างสุด ๆ ในครั้งนี้

อย่างไรก็ดี ดาร์เรลล์ เวสต์ นักวิชาการอาวุโสจากสถาบันบรู๊กกิงส์ (Brookings Institution) บอกว่า ทั้งทรัมป์พร้อมทั้งแฮร์ริสต่างกำลังเผชิญความท้าทายที่ต่างกันในการทำให้ชาวอเมริกันเทคะแนนให้ตน

 

เวสต์บอกกับ วีโอเอ ว่า ทรัมป์ต้องทำให้ชาวอเมริกันเชื่อว่า ตนเป็นคนที่เคารพกฎหมาย ไม่ได้เป็นคนบ้าหรือชอบความวุ่นวาย ขณะที่ แฮร์ริสซึ่งมีประสบการณ์น้อยกว่าต้องทำให้ผู้มีสิทธิ์เชื่อว่า เธอผู้ที่นำเสนอนโยบายเสรีที่ไม่สุดโต่งมากนักเมื่อเทียบกับเมื่อตอนเข้ารับตำแหน่งรองประธานาธิบดีใหม่ ๆ คือ คน ๆ เดียวกับที่ชาวอเมริกันจะได้เห็น ถ้าเธอได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี

ส่วน จอห์น จอห์นสัน นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยมาร์เค็ต กล่าวเสริมว่า ทรัมป์ที่ชาวอเมริกันรู้จักดีกว่านั้นก็มีทั้งข้อได้เปรียบพร้อมทั้งความเสียเปรียบในการดึงคะแนนเสียงจากผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจ

จอห์นสันบอกว่า เพราะโดนัลด์ ทรัมป์ หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ประชาชนส่วนใหญ่จึงจำภาพของเขาได้ดี ทำให้เหลือสัดส่วนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเพียงหลักเดียวที่ทั้งสองพรรคต้องเร่งทำงานอย่างหนักเพื่อดึงให้คนกลุ่มนี้ลงคะแนนให้

นั่นเป็นเพราะ ตัวเลขผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจที่ว่ากันว่า มีเพียงไม่มากนี้ คือ ปัจจัยที่อาจจะชี้ชะตาว่า ใครจะเป็นผู้ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ ในพื้นที่รัฐที่เรียกว่า swing state หรือรัฐที่ทั้งสองพรรคมีโอกาสคว้าชัยชนะซึ่งการแข่งขันระหว่างสองผู้ท้าชิงนั้นยังคู่คี่แบบหายใจรดต้นคอกันอยู่

 

ที่มา: วีโอเอ

องค์กรเด็กแห่งยูเอ็นเผยมีเยาวชนพลัดถิ่น 4 แสนคนในเลบานอน

เด็กกว่า 4 แสนรายในเลบานอนต้องกลายเป็นเยาวชนพลัดถิ่นภายในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางสงครามพร้อมทั้งวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ตามรายงานของสำนักข่าวนานาชาติเอพี ที่อ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การ UNICEF ของสหประชาชาติ

ที่ผ่านมา อิสราเอลยกระดับปฏิบัติการต่อกลุ่มติดอาวุธเฮซบอลลาห์ที่อยู่ในเลบานอน ซึ่งรวมถึงการบุกภาคพื้นดิน หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายยิงตอบโต้กัน ช่วงสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในกาซ่า

การต่อสู้ในเลบานอนได้ทำให้คน 1 ล้าน 2 แสนคนออกจากที่อยู่ของตน โดนส่วนมากหนีเข้าไปในกรุงเบรุต พร้อมทั้งเมืองอื่น ๆ ทางตอนเหนือในช่วง 3 สัปดาห์ที่การต่อสู้รุนเเรงขึ้น

เท็ด ชายบัน รองผู้อำนวยการบริหารของ UNICEF หรือกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ ที่ทำงานด้านมนุษยธรรม ได้เดินทางไปเยือนโรงเรียนที่เป็นสถานที่พักพิงต่อครอบครัวผู้พลัดถิ่น

“สิ่งที่กระทบใจผมคือสงครามนี้ดำเนินมา 3 สัปดาห์ พร้อมทั้งมีเด็กจำนวนมากมายได้รับผลกระทบ” ชายบันกล่าวต่อเอพีที่กรุงเบรุต

“เรากำลังนั่งอยู่ที่นี่ตรงนี้ เด็ก 1 ล้าน 2 แสน ถูกพรากโอกาสทางศึกษา โรงเรียนรัฐของพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงได้ พร้อมทั้งได้รับความเสียหายจากสงคราม หรือถูกใช้เป็นที่พักพิง” เขากล่าว พร้อมทั้งเเสดงความกังวลต่อ ผลกระทบที่เกิดต่อประชากรกลุ่มเสี่ยงอื่น ๆ เช่น ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียพร้อมทั้งปาเลสไตน์

มีผู้จบชีวิตในเลบานอนจำนวน กว่า 2,300 คน จากการจู่โจมของอิสราเอล โดยร้อยละ 75 จบชีวิตในช่วงเดือนที่ผ่านมาตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข

ชายบันแห่งองค์กร UNICEF บอกว่าในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เด็กกว่า 100 คนจบชีวิต พร้อมทั้งกว่า 800 คนบาดเจ็บ

เขาบอกว่า เด็กพลัดถิ่นอยู่กันอย่างแออัด ซึ่งห้องเรียนของโรงเรียนแต่ละห้องเป็นที่อาศัยของคน 3 – 4 ครอบครัว

สถานพักพิงเป็นที่อาศัยของคนประมาณ 1,000 คน โดยมีห้องน้ำเพียง 12 ห้อง ซึ่งบางห้องใช้ไม่ได้

พร้อมทั้งประชาชนบางครอบครัวตั้งเต็นท์ข้างถนนหรือตามชายหาดเป็นที่อาศัย

ผู้บริหาร UNICEF รายนี้บอกว่า เด็ก ๆ เผชิญกับความรุนเเรง ตลอดจนเสียงกระสุนปืน พร้อมทั้งรู้สึกหวาดกลัว

ในเวลาเดียวกัน สถานที่ให้การดูเเลทางการเเพทย์เบื้องต้นกว่า 100 ไม่สามารถดำเนินการได้ ส่วนโรงพยาบาล 12 แห่งไม่สามารถให้บริการได้ หรือใช้ได้เพียงบางส่วน

นอกจากนั้น ระบบน้ำประาสำหรับประชาชนยังได้รับความเสียหายด้วย พร้อมทั้งกระทบคนเกือบ 350,000 คน ซึ่ง UNICEF กำลังทำงานเพื่อซ่อมเเซมสถานที่เหล่านี้กับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น

ชายบัน เรียกร้องให้ระบบพื้นฐานสำหรับประชาชนได้รับการปกป้อง พร้อมทั้งขอให้เกิดข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอนพร้อมทั้งกาซ่า

เขาบอกว่า การขอความช่วยเหลือเร่งด่วนมูลค่า 108 ล้านดอลลาร์ ได้รับเงินเเล้วเพียง 8% ช่วง 3 สัปดาห์ที่เกิดการยกระดับความรุนเเรง

ที่มา: เอพี

สหรัฐฯ อาจหยุดให้การสนับสนุนอิสราเอล หากไม่เปิดทางความช่วยเหลือมนุษยธรรม

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ เตือนอิสราเอลให้เร่งเปิดทางการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในกาซ่าโดยเร็วเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงความเสี่ยงเกี่ยวกับการสนับสนุนทางทหารจากกรุงวอชิงตันให้กรุงเทลอาวีฟ ตามรายงานของสำนักข่าวนานาชาติรอยเตอร์

แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ พร้อมทั้งลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ร่วมกันส่งจดหมายไปยังฝ่ายอิสราเอลที่ผู้สื่อข่าวของ Axios เผยแพร่ออกมาทางแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) ในวันอังคาร พร้อมทั้งมีเนื้อหาว่า “เราขอแจ้งมาเพื่อย้ำถึงความกังวลอย่างหนักของรัฐบาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซ่า พร้อมทั้งขอให้รัฐบาลของท่านลงมือทำการต่าง ๆ ที่ยั่งยืนพร้อมทั้งเร่งด่วนในเดือนนี้ เพื่อเปลี่ยนแปลงทิศทาง(ของสถานการณ์)นี้”

นอกจากสื่อ Axios แล้ว ผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ Israeli News 12 ยังรายงานเกี่ยวกับเนื้อหาของจดหมายนี้ ขณะที่ แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับประเด็นนี้ 2 รายยืนยันเนื้อหาของตัวจดหมายดังกล่าวแล้วด้วย

รอยเตอร์ติดต่อกระทรวงต่างประเทศพร้อมทั้งเพนตากอนเพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับจดหมายที่ว่า แต่ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ ขณะจัดทำรายงานข่าวนี้ พร้อมทั้งผู้สื่อข่าวก็ไม่สามารถติดต่อตัวแทนของรัฐบาลอิสราเอลเพื่อขอความเห็นใด ๆ ด้วย

กรุงวอชิงตันพยายามกดดันอิสราเอลให้เร่งทำการต่าง ๆ เพื่อเปิดทางการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในกาซ่า นับตั้งแต่อิสราเอลเปิดศึกทำสงครามกับกลุ่มติดอาวุธฮามาสเมื่อต้นเดือนตุลาคมของปีที่แล้ว แต่รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็ยังไม่ได้ดำเนินมาตรการจำกัดความช่วยเหลือทางทหารใด ๆ เลย

รายงานเกี่ยวกับคำเตือนของสหรัฐฯ นี้มีออกมาขณะที่กองกำลังอิสราเอลกำลังขยายปฏิบัติการเข้าไปในพื้นที่ตอนเหนือของกาซ่า ท่ามกลางความกังวลในด้านการแจกจ่ายความช่วยเหลือต่าง ๆ ให้กับพลเรือนในพื้นที่การสู้รบที่ไม่สามารถเข้าถึงอาหาร น้ำดื่มพร้อมทั้งยารักษาโรคได้

รอยเตอร์รายงานเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า เสบียงอาหารสำหรับการแจกจ่ายในกาซ่าร่อยหรอลงอย่างมาก นับตั้งแต่ทางการอิสราเอลประกาศกฎด้านศุลกากรใหม่เพื่อควบคุมการขนส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม พร้อม ๆ กับทำการลดการนำส่งความช่วยเหลือโดยภาคธุรกิจทั้งหลายด้วย

ในส่วนของจดหมายจากสองรัฐมนตรีสหรัฐฯ นี้ รายงานข่าวเปิดเผยว่า มีการลงข้อมูลขั้นตอนที่อิสราเอลต้องดำเนินการภายใน 30 วัน ซึ่งรวมถึง การเปิดทางให้รถบรรทุกขนส่งความช่วยเหลือเข้าไปในกาซ่าได้วันละ 350 คันเป็นอย่างต่ำ การสั่งหยุดการสู้รบเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการขนส่งเสบียงต่าง ๆ พร้อมทั้งการยกเลิกคำสั่งอพยพชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ที่ไม่ได้ต้องมีปฏิบัติการทางทหารด้วย

จดหมายฉบับนี้ยังระบุด้วยว่า “ความล้มเหลวในการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างยั่งยืนที่จะดำเนินการพร้อมทั้งคงไว้ซึ่งมาตรการเหล่านี้อาจมีผลต่อนโยบายของสหรัฐฯ … พร้อมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้องของสหรัฐฯ ได้” โดยมีการอ้างถึงมาตรา 620i ของกฎหมาย Foreign Assistance Act ที่ห้ามไม่ให้มีการส่งความช่วยเหลือทางทหารไปให้ประเทศที่ขัดขวางการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของสหรัฐฯ พร้อมทั้งยังอ้างถึงบันทึก National Security Memorandum ของปธน.ไบเดน ที่ออกมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์พร้อมทั้งสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศต้องรายงานให้กับสภาคองเกรสรับทราบว่า ได้รับการรับรองอันน่าเชื่อถือได้จากอิสราเอลแล้วหรือไม่ว่า จะไม่ใช้อาวุธที่สหรัฐฯ ส่งให้ในการทำการใด ๆ ก็ตามที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎหมายของสหรัฐฯ

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ เคยกล่าวไว้ว่า อิสราเอลอาจละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศด้านมนุษยธรรมด้วยการใช้อาวุธที่สหรัฐฯ ส่งมอบให้ในการทำปฏิบัติการทางทหารในกาซ่า

สงครามระหว่างอิสราเอลพร้อมทั้งฮามาสที่ดำเนินมากว่าปีนี้เริ่มต้นขึ้น หลังฮามาสจู่โจมเข้าใส่ภาคใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมพร้อมทั้งทำให้มีผู้จบชีวิตราว 1,200 คน ทั้งยังมีการจับตัวประกันไปกว่า 250 คนด้วย ก่อนอิสราเอลจะจู่โจมโต้กลับเข้าไปในกาซ่า โดยมีชาวปาเลสไตน์จบชีวิตไปแล้วกว่า 42,300 คน ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขกาซ่า

 

อิสราเอลรุกจู่โจมทางเหนือของเลบานอน

ในวันอังคาร สำนักงานด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอนเรียกร้องให้มีการเปิดการสอบสวนกรณีการจู่โจมทางอากาศของอิสราเอลในวันจันทร์ที่ทำให้มีผู้คนในพื้นที่ภาคเหนือของเลบานอนจบชีวิตอย่างน้อย 22 คน

เจเรมี ลอเรนซ์ โฆษกของสำนักงานสิทธมนุษยชนยูเอ็น บอกกับผู้สื่อข่าวที่นครเจนีวาว่า ได้รับรายงานที่พบว่า มีผู้หญิง 12 คนพร้อมทั้งเด็ก 2 คนจบชีวิตในการจู่โจมดังกล่าวที่หมู่บ้านไอโต

ในเวลาเดียวกัน กองทัพอิสราเอลเปิดเผยในวันอังคารด้วยว่า ได้เปิดสัญญาณไซเรนเตือนภัยในแคว้นไฮฟา โดยระบบป้องกันการจู่โจมทางอากาศของตนสามารถสกัดจรวดหลายลูกที่ถูกยิงมาจากเลบานอนไว้ได้

 

ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพีพร้อมทั้งเอเอฟพี

แคนาดาขับนักการทูตอินเดียออกจากประเทศ ปมโยงใยการสังหารผู้นำซิกข์

รัฐบาลเเคนาดาสั่งให้นักการทูตอินเดีย 6 คนออกนอกประเทศ ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงตำแหน่ง High Commissioner ผู้ทำหน้าที่เทียบเท่าเอกอัครราชทูต โดยกล่าวหาบุคคลเหล่านี้ว่าเชื่อมโยงกับการสังหารผู้นำชาวซิกข์แบ่งแยกดินเเดน

พวกเขายังถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับความพยายามที่พุ่งเป้าไปยังชาวอินเดียที่เห็นต่างจากรัฐบาลนิวเดลีในแคนาด

ก่อนหน้าในวันเดียวกัน อินเดียทำเช่นเดียวกัน ด้วยการไล่เจ้าหน้าที่การทูตระดับสูงของเเคนาดา 6 คน ซึ่งประกอบด้วยตำแหน่งรักษาการ High Commissioner กลับเเคนาดา

อินเดียออกแถลงการณ์ที่พบว่าได้ถอนคณะทูตออกจากเเคนาดา ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยของคนเหล่านั้น ซึ่งตรงข้ามกับข่าวที่แคนาดาไล่คณะทูตอินเดียออกจากประเทศ

ความขัดเเย้งล่าสุดสะท้อนถึงความเสื่อมถอยครั้งใหญ่ในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ต่างอยู่ในกลุ่มเครือจักรภพ

ทั้งสองประเทศอยู่ในความตึงเครียดหลังจากที่เมื่อปีที่เเล้วนายกรัฐมนตรีแคนาดาจัสติน ทรูโด  บอกว่าตนมีหลักฐานที่โยงกลุ่มชาวอินเดียกับลอบสังหาร ฮาร์ดิบ ซิงห์ นิจจาร์ ผู้นำชาวซิกข์ ในแผ่นดินแคนาดา

ทรูโดกล่าวในเเถลงการณ์ว่า ในตอนนี้มี “หลักฐานที่ชัดเจนพร้อมทั้งน่าเชื่อ ว่ากลุ่มคนของรัฐบาลอินเดีย เกี่ยวข้องพร้อมทั้งยังคงดำเนินการที่สร้างภัยคุกคามต่อความปลอดภัยสาธารณะ”

ผู้นำเเคนาดาบอกว่า คนเหล่านี้ยังดำเนินปฏิบัติการลับด้านข้อมูลข่าวสาร ที่รวมถึงยุทธวิธีต่าง ๆ พร้อมทั้งการบังคับขู่เข็ญ ที่พุ่งเป้าไปยังชาวแคนาดาจากเอเชียใต้พร้อมทั้งมีผู้ถูกข่มขู่พร้อมทั้งใช้ความรุนเเรง ตอลดจนถูกสังหาร

“นี่เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้” ทรูโดกล่าว พร้อมทั้งเสริมว่าอินเดียทำผิดพลาดอย่างยิ่งที่พัวพันกับการกระทำผิดทางอาญาในแคนาดา

ที่ผ่านมา อินเดียปฏิเสธข้อกล่าวหาของทรูโด พร้อมทั้งในวันจันทร์ รัฐบาลนิวเดลี ปฏิเสธท่าทีของทรูโดพร้อมทั้งกล่าวหาผู้นำแคนาดากลับว่ามีเหตุผลทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง

สำนักงานตำรวจของเเคนาดา กล่าวที่งานเเถลงข่าวก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลอินเดียดำเนินการอย่างกว้างขวางที่พุ่งเป้าไปยังชาวอินเดียที่เห็นต่างจากรัฐ รวมถึงการสังหารพร้อมทั้งการข่มขู่

ตำรวจกล่าวด้วยว่ารัฐบาลนิวเดลีเคยใช้ขบวนการอาชญากรรมจัดการคนในชุมชนอินเดียในแคนาดาพร้อมทั้งเเทรกเเซงกระบวนการทางประชาธิปไตย

บริเกตต์ กอวิน ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแคนาดา พบว่าขบวนการอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องมีชื่อว่า ‘กลุ่มบิชนอย’

เธอบอกว่า ทางการเเคนาดาเชื่อว่า ‘บิชนอย’ เชื่อมโยงกับกับบุคคลของรัฐบาลอินเดีย

องค์การสืบสวนสอบสวนเเห่งชาติของอินเดียพบว่า ลอว์เรนซ์ บิชนอยเป็นหัวหน้าขององค์กรอาชญากรรม เขากำลังถูกจำคุกในภาคตะวันตกของอินเดียระหว่างรอการดำเนินคดีในข้อหาก่อวินาศกรรม

ทนายของบิชนอย ที่ใช้ชื่อสั้น ๆ ว่า ราจานี บอกว่า “สิ่งใดที่เกิดขึ้นจะต้องถูกเปิดเผย”

กระทรวงการต่างประเทศเเคนาดาบอกว่า หลังจากที่พิจารณาอย่างถี่ถ้วนเเล้ว จึงตัดสินใจขับนักการทูตอินเดียออกจากประเทศ  เนื่องจากตำรวจมีหลักฐาน “เพียงพอ ชัดเจนพร้อมทั้งเป็นรูปธรรม”

ที่มา: รอยเตอร์

ปธ.สภา ย้ำ ต้องมีคนมาร้อง แม้เรื่อง 2 ปี แต่หากยังเป็น กมธ.ปัจจุบัน ก็สอบได้

“วันนอร์” ประธานสภาฯ ย้ำ ต้องมีคนมาร้อง สภาถึงเดินหน้าสอบ ชี้ แม้เรื่องเก่า 2 ปี แต่หากยังเป็น กมธ.ปัจจุบัน ก็สอบได้ เผย สั่งอาญา 2 เคส พวกแอบอ้าง ปัดตั้งกรรมการกลางสอบ ชี้ ทำตามขั้นตอน

รวบผัวเมียชำแหละชิ้นส่วนรถ ขายมือสองตลาดมืด ซุกทะเบียนในสระข้างบ้าน

ตร.อุทัยธานี รวบผัวเมียชำแหละชิ้นส่วนรถ ขายมือสองตลาดมืด เจอทะเบียนกว่า 40 คันในสระข้างบ้าน คาดมูลค่าความเสียหายกว่า 40 ล้านบาท

พลังประชารัฐ ย้ำไม่อุ้มคนผิดหากเอี่ยวตบทรัพย์ รอพิสูจน์ ยังไม่รู้เสียงใคร

พลังประชารัฐ แถลงชัด ไม่อุ้มคนผิดหากเอี่ยวตบทรัพย์ “บอสพอล ดิไอคอน” หากคนในพรรคทำผิดกฎหมาย “ลุงป้อม” กำชับต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ขับออกหรือไม่ขึ้นอยู่กับความผิด ย้ำ รอพิสูจน์ ยังไม่รู้เสียงใคร

ตำรวจแจ้งข้อหา “ติ๊ก ชิโร่” เมาแล้วขับ ผลเลือดพบเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

“ติ๊ก ชิโร่-ภรรยา” ร่วมวางดอกไม้จันทน์ส่งดวงวิญญาณ “น้องเมจิ” เป็นครั้งสุดท้าย ปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อ ผกก.คันนายาว เผยแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ เนื่องจากผลการตรวจเลือดพบว่า มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ก่อน พงส.ปล่อยตัวชั่วคราว โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ประกันตัว