ข่าวด่วนวันนี้
thailandtvhd.com
หมู่บ้านซานตาคลอสที่ฟินแลนด์ จัดงานเลี้ยงส่งลุงซานต้าเดินทางส่งความสุขรอบโลก
“ตรีนุช” จี้สรรหา อ.ก.ค.ศ.ห้ามเล่นพวก
สั่นสู้คริสต์มาส! พายุฤดูหนาวถล่มสหรัฐฯ กระทบ 200 ล้านชีวิต
ทาง National Weather Service ซึ่งเป็นสำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติสหรัฐฯ พบว่า ประชาชนมากกว่า 200 ล้านคนในอเมริกา อยู่ในพื้นที่ที่มีคำเตือนเรื่องสภาวะอากาศจากภาวะอากาศหนาวเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา เนื่องจากปรากฏการณ์บอมบ์ ไซโคลน (bomb cyclone) ซึ่งเป็นภาวะความกดอากาศลดต่ำอย่างรวดเร็วในพายุที่รุนแรง
มีรายงานเหตุไฟฟ้าดับ กระทบกับบ้านเรือนพร้อมทั้งอาคารสำนักงาน 1.4 ล้านแห่ง อ้างอิงจากข้อมูลของเว็บไซต์ PowerOutage ที่ติดตามรายงานปัญหาด้านระบบสาธารณูปโภค ที่รัฐเทนเนสซี ประกาศมาตรการประหยัดพลังงานในแนชวิลล์ พร้อมทั้งเมมฟิส เมื่อวันศุกร์ เพื่อรับมือกับอากาศที่หนาวเย็นจัดในสุดสัปดาห์
เที่ยวบินมากกว่า 4,500 เที่ยวทั้งในพร้อมทั้งออกนอกสหรัฐฯ ยกเลิกเมื่อวันศุกร์ อ้างอิงจากเว็บไซต์ FlightAware ซ้ำเติมนักเดินทางที่จะกลับบ้านไปฉลองเทศกาลวันหยุดกับครอบครัว
ไม่เพียงแค่ในสหรัฐฯ เพราะพายุใหญ่ทำให้สายการบิน WestJet ยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดที่สนามบิน Toronto Pearson International Airport ของแคนาดา เมื่อวันศุกร์ พร้อมทั้งที่เม็กซิโก ผู้อพยพยังปักหลักรอคอยที่พรมแดนสหรัฐฯ ท่ามกลางอากาศหนาวจัด เพื่อรอคำตัดสินจากศาลสูงสหรัฐฯ ว่าจะยกเลิกมาตรการจำกัดการเข้าเมืองของผู้ลี้ภัยหรือไม่
นอกจากนี้ มีรายงานอุบัติเหตุบนท้องถนนที่แคนซัส ซิตี้ รัฐมิสซูรี มีผู้จบชีวิต 1 คนเมื่อวันพฤหัสบดีจากถนนลื่นหิมะ ที่ชิคาโกมีคนขับรถบาดเจ็บ 1 คนจากเหตุถนนลื่นจนรถพุ่งลงไปในบ่อน้ำ มีรายงานอุบัติเหตุรถพุ่งชนกันหลายคันในรัฐมิชิแกนในวันศุกร์ มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 2 คน
ภายใต้อากาศที่หนาวเย็น ยังมีความอบอุ่นจากผู้คนที่ช่วยเหลือกัน เมื่อนักรณรงค์จำนวนหนึ่งเข้าช่วยเหลือคนไร้บ้าน 170 คนในวันศุกร์ ที่ดีทรอยต์ ให้ได้พักในศูนย์พักพิงในพื้นที่ เช่นเดียวกับที่ชิคาโกที่หน่วยงานไม่แสวงหาผลกำไร สร้างเต็นท์ให้กับคนไร้บ้านในช่วงหน้าหนาวปีนี้ พร้อมทั้งที่พอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ทางการได้เปิดศูนย์พักพิงฉุกเฉิน 5 แห่งรองรับผู้ประสบภัย
สำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติสหรัฐฯ คาดการณ์ว่านี่จะเป็นคริสต์มาสที่หนาวเย็นที่สุดในรอบกว่า 20 ปี สำหรับฟิลาเดเฟีย ซึ่งต้องย้ายมาจัดการเรียนการสอนออนไลน์ในวันศุกร์ทั้งหมด
พายุฤดูหนาวกระทบทั่วทุกหัวระแหง ไม่เว้นแต่ชนเผ่าพื้นเมือง Oglala Sioux Tribe ที่ทางการท้องถิ่นต้องพึ่งพาการขี่ม้าเพื่อลำเลียงสิ่งของจำเป็นไปตามบ้านเรือนที่อยู่ห่างไกล
ส่วนที่นิวยอร์ก ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก แคธี โฮคูล ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเช้าวันศุกร์ จากาวะน้ำแข็ง น้ำท่วม หิมะ พร้อมทั้งอากาศหนาวเย็นเยือกแข็งพร้อม ๆ กัน
ที่มา: เอพี
คลอดแล้ว! รายงานสืบสวนเหตุบุกรัฐสภาสหรัฐฯ ชี้ ‘ทรัมป์’ เป็นตัวจุดชนวน
รายงานฉบับนี้เป็นบทสรุปของการสืบสวนนาน 18 เดือน ต่อทรัมป์พร้อมทั้งเหตุจู่โจมดังกล่าว โดยเบนนี ธอมป์สัน ส.ส. สหรัฐฯ จากรัฐมิสซิสซิปปี พร้อมทั้งประธานคณะกรรมการสืบสวน ระบุในรายงานฉบับนี้ว่า ทรัมป์เป็น “ตัวจุดชนวน” เหตุครั้งนี้
รายงานยาว 814 หน้านี้ ถูกจัดทำหลังคณะกรรมการเก็บข้อมูลจากพยานกว่า 1,000 คน จัดการไต่สวน 10 ครั้ง พร้อมทั้งได้เอกสารมากว่า 1 ล้านหน้า โดยพยานต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งผู้ใกล้ชิดของทรัมป์ ไปจนถึงเจ้าหน้าที่รักษากฎหมาย พร้อมทั้งผู้ก่อเหตุจลาจลบางส่วน บอกว่า ทรัมป์กระทำการโดย “ไตร่ตรองล่วงหน้า” หลายสัปดาห์ก่อนเกิดเหตุ พร้อมทั้งความพยายามพลิกผลการเลือกตั้งของทรัมป์มีอิทธิพลโดยตรงต่อผู้สนับสนุนของเขาที่กระทำเหตุรุนแรง
รายงานฉบับนี้พบว่า ทรัมป์เพียงผู้เดียวเป็นต้นเหตุหลักของเหตุบุกอาคารรัฐสภาดังกล่าว
คณะกรรมการสืบสวนที่ประกอบด้วย ส.ส. สหรัฐฯ จากทั้งพรรคเดโมแครตพร้อมทั้งพรรครีพับลิกัน จำนวนเก้าคนนี้ สรุปว่า เหตุบุกอาคารรัฐสภาเป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง พร้อมทั้ง ”ทำให้ชีวิตของสมาชิกสภาตกอยู่ในความเสี่ยง”
ในบทคำแนะนำของรายงานดังกล่าว คณะกรรมการทั้งเก้าคนบอกว่า รัฐสภาสหรัฐฯ ควรพิจารณาห้ามทรัมป์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในอนาคต โดยแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวในบทนำของรายงานว่า รายงานฉบับนี้ควรเป็น “กระบอกเสียงถึงชาวอเมริกันทุกคน ให้ปกป้องประชาธิปไตยของเรา พร้อมทั้งลงคะแนนเสียงให้กับผู้ที่รับผิดชอบต่อหน้าที่ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญเท่านั้น”
รายงานฉบับนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการไต่สวนของคณะกรรมการเป็นส่วนใหญ่ โดยบรรยายถึงแผนการที่ทรัมป์พร้อมทั้งที่ปรึกษาของเขาใช้เพื่อพยายามแก้ผลการเลือกตั้งที่โจ ไบเดน เป็นฝ่ายชนะ โดยทรัมป์กดดันไปยังเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง เจ้าหน้าที่ระดับรัฐ รวมไปถึงอดีตรอง ปธน. ไมค์ เพนซ์ เพื่อให้เดินตามแผนดังกล่าว หรือให้ละเมิดกฎหมายไปเลย
รายงานดังกล่าวเผยว่า ในช่วงสองเดือนระหว่างหลังการเลือกตั้งพร้อมทั้งเหตุบุกอาคารัฐสภาสหรัฐฯ “ปธน. ทรัมป์ หรือบุคคลที่ใกล้ชิดของเขา มีส่วนร่วมในกิจกรรมอย่างน้อย 200 ครั้ง ทั้งในที่สาธารณะพร้อมทั้งเป็นการส่วนตัว เพื่อเข้าถึง กดดัน หรือประณามสมาชิกสภาระดับรัฐ หรือเจ้าหน้าที่เลือกตั้งระดับรัฐหรือระดับท้องถิ่นให้พลิกผลการเลือกตั้งระดับรัฐ”
คณะกรรมการสืบสวนพบว่า ข้ออ้างของทรัมป์ว่ามีการทุจริตการเลือกตั้งนั้นตรงกับสิ่งที่ผู้สนับสนุนของเขาคิด พร้อมทั้งมีการใช้สื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่แนวคิดดังกล่าว เป็นการโหมกระแสความไม่เชื่อมั่นต่อรัฐบาลมากขึ้น
รายงานกล่าวต่อว่า ทรัมป์เองยังแทบไม่หยุดผู้สนับสนุนของเขา เมื่อกลุ่มผู้สนับสนุนใช้ความรุนแรงบุกเข้าอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เพื่อขัดขวางการรับรองชัยชนะเลือกตั้งของไบเดน
รายงานฉบับยาวนี้ถูกเผยแพร่ขณะที่ทรัมป์ตั้งเป้าลงชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ อีกครั้ง พร้อมทั้งเขากำลังเผชิญการสืบสวนหลายคดีจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ รวมถึงเหตุบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ พร้อมทั้งเหตุพบเอกสารชั้นความลับในบ้านพักตากอากาศของเขาที่รัฐฟลอริดา
ในเวลาเดียวกัน ทรัมป์กำลังตกในที่นั่งลำบากทางการเมืองที่สุดนับตั้งแต่เขาชนะเลือกตั้งเมื่อปี 2016 เนื่องจากคณะกรรมการสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงคะแนนให้เผยแพร่เอกสารการเสียภาษีของทรัมป์ ซึ่งเขาพยายามเก็บเป็นความลับมาตลอดหลายปี พร้อมทั้งสมาชิกพรรครีพับลิกันยังโทษทรัมป์ว่าเป็นต้นเหตุให้ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของพรรคต่ำกว่าที่ควรจะเป็นด้วย
ทางด้านอดีตผู้นำสหรัฐฯ กล่าวในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ของเขาว่า รายงานฉบับนี้ “เลือกข้างเป็นอย่างมาก” พร้อมทั้งอ้างว่า รายงานดังกล่าวไม่ได้ระบุคำพูดของเขาในวันเกิดเหตุ ที่เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนของเขาประท้วง “รักชาติอย่างสันติ”
ถ้าหากว่า รายงานฉบับนี้กล่าวถึงคำพูดดังกล่าวของทรัมป์ พร้อมทั้งยังระบุเพิ่มด้วยว่า หลังจากนั้น ทรัมป์ได้กล่าวถึงเหตุการณ์เท็จของการเลือกตั้ง พร้อมทั้งใช้คำพูดยั่วยุให้ฝูงชน “สู้เต็มพิกัด”
ที่มา: เอพี
ระทึก! เกิดเหตุยิงศูนย์ชาวเคิร์ดในปารีส ตาย 3 เจ็บ 3
อัยการกรุงปารีสบอกว่า ผู้ต้องสงสัยเพิ่งถูกปล่อยตัวจากเรือนจำหลังเคยก่อเหตุจู่โจมผู้อพยพที่อาศัยในเต็นท์ โดยเจ้าหน้าที่สืบสวนคาดว่า การก่อเหตุยิงครั้งนี้อาจมีประเด็นการเหยียดเชื้อชาติเป็นแรงจูงใจ
เกิดเหตุชุลมุนในย่านดังกล่าวขึ้นหลังเกิดเหตุเพียงไม่กี่ชั่วโมง โดยชาวเคิร์ดตะโกนข้อความต่อต้านรัฐบาลตุรกี จนตำรวจยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายฝูงชนที่วุ่นวายพร้อมทั้งจุดไฟเผาถังขยะ
ทั้งนี้ กองทัพบกตุรกีได้ต่อสู้กับกลุ่มชาวเคิร์ดติดอาวุธที่เกี่ยวข้องกับองค์กร Kurdistan Workers’ Party ซึ่งเป็นองค์กรก่อการร้ายในตุรกี ยุโรป พร้อมทั้งสหรัฐฯ พร้อมทั้งก่อเหตุรุนแรงในตุรกีมาแล้วตั้งแต่ 1984
เจอราลด์ ดาร์มานิน รัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายในของฝรั่งเศส พบว่า มือปืนพุ่งเป้าไปที่ชาวต่างชาติอย่างชัดเจน แต่ขณะนี้ตำรวจยังไม่มีหลักฐานว่า ผู้ต้องสงสัยตั้งใจจู่โจมชาวเคิร์ดโดยเฉพาะหรือไม่ โดยในคืนวันศุกร์นี้ ดาร์มานินจะจัดประชุมพิเศษเพื่อประเมินภัยคุกคามต่อชุมชนชาวเคิร์ดในฝรั่งเศส
ชุมชนชาวเคิร์ดในกรุงปารีสตกใจกับเหตุดังกล่าวมาก พร้อมทั้งบอกว่า ตำรวจเตือนพวกเขามาก่อนหน้านี้แล้วถึงภัยคุกคามต่อชุมชนของตน ขณะที่ประชาชนพร้อมทั้งร้านค้าในบริเวณดังกล่าวก็อกสั่นขวัญแขวนต่อเหตุครั้งนี้เช่นกัน ซึ่งเกิดชึ้นในช่วงที่ชาวกรุงปารีสอยู่ในช่วงเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส
อเล็กซานดรา คอร์เดบาร์ด นายกเทศมนตรีเขต 10 ของกรุงปารีส บอกว่า เหตุยิงนี้เกิดขึ้นในช่วงกลางวันที่ศูนย์วัฒนธรรมชาวเคิร์ด ร้านอาหาร พร้อมทั้งร้านทำผมที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว
ทางด้านพนักงานก่อสร้างที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวเผยกับทางเอพีว่า เขาเห็นผู้ก่อเหตุพกปืนสั้นขนาดเล็ก มุ่งหน้าไปที่ศูนย์วัฒนธรรม ก่อนจะไปยังร้านอาหารพร้อมทั้งร้านทำผม ทำร้ายบุคคลสามคน ก่อนที่ผู้ที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวสองคนจะเข้ามาขัดขวางพร้อมทั้งหยุดเขา
ลอว์เร เบคคัว อัยการกรุงปารีส พบว่า เหยื่อที่ถูกยิงนั้นจบชีวิตแล้วสามคน บาดเจ็บสาหัสหนึ่งคน พร้อมทั้งบาดเจ็บปานกลางอีกสองคน ขณะที่ผู้ต้องสงสัยได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า
เบคคัวกล่าวต่อว่า ยังไม่มีการพบว่าแรงจูงใจครั้งนี้เกี่ยวกับการก่อการร้ายหรือไม่ ก่อนหน้านี้ ผู้ต้องสงสัยรายนี้เคยเผชิญหน้ากับตำรวจแล้วอย่างน้อยสองครั้ง โดยเคยจู่โจมผู้อพยพในเตนท์ทางตะวันออกของกรุงปารีสเมื่อปีที่แล้ว พร้อมทั้งเคยถูกจับในอีกคดีหนึ่งที่ชานเมืองกรุงปารีสไม่นานมานี้ ถ้าหากว่า อัยการกรุงปารีสไม่ได้ลงข้อมูลของทั้งสองคดี
ในเวลาเดียวกัน รัฐมนตรีกิจการภายในของฝรั่งเศสเผยว่า ผู้ก่อเหตุเคยฝึกยืงปืนมาก่อน พร้อมทั้งมีอาวุธที่ลงทะเบียนจำนวนหนึ่ง เขาเป็นชาวฝรั่งเศส พร้อมทั้งไม่ได้อยู่ในรายชื่อเฝ้าระวังของผู้ที่มีความคิดสุดโต่ง พร้อมทั้งยังไม่พบว่าเขามีส่วนร่วมกับการเคลื่อนไหวแนวขวาจัด หรือการเคลื่อนไหวทางการเมืองอื่น ๆ
ที่มา: เอพี
‘เมตา’ ควัก $725 ล้าน ยอมความคดีฉาว ‘เคมบริดจ์ อนาลิติกา’
ในเงื่อนไขการยอมความที่ได้รับการเปิดเผยในวันพฤหัสบดี ถือเป็นการยุติคดีความที่ดำเนินมายาวนานตั้งแต่ปี 2018 จากกรณีเฟซบุ๊กอนุญาตให้บริษัทที่ปรึกษาด้านการเมือง เคมบริดจ์ อนาลิติกา ของอังกฤษ แอบเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้เฟสบุ๊กราว 87 ล้านคนอย่างไม่เหมาะสม พร้อมทั้งถือว่าเป็นคดีความที่เมตาจ่ายเงินยอมความสูงสุดเท่าที่เคยมีมา
แต่ในแถลงการณ์ของเมตา พบว่าทางบริษัทไม่ได้กระทำความผิดใด ๆ การยอมความครั้งนี้ทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของชุมชนพร้อมทั้งผู้ถือหุ้น พร้อมทั้งตลอด 3 ปีที่ผ่านมาทางบริษัทได้ปรับปรุงการจัดการด้านความเป็นส่วนตัวพร้อมทั้งปรับใช้โปรแกรมความเป็นส่วนตัวที่ครอบคลุม
ทั้งนี้ Cambridge Analytica นำข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้เฟซบุ๊กไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ในการออกแบบการรณรงค์ทางการเมืองที่หวังผลให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี ค.ศ. 2016 ประเด็นนี้ได้นำไปสู่การสอบสวนพร้อมทั้งการดำเนินคดีเรื่องประเด็นความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์
ที่มา: รอยเตอร์
จีนคาดยอดติดเชื้ออาจทะยานแตะ 37 ล้านคนต่อวัน
คณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติจีน (National Health Commission-NHC) ระบุในการประชุมเมื่อวันพุธว่า ในช่วง 20 วันแรกของเดือนธันวาคม ชาวจีน 248 ล้านคน หรือราว 18% ของประชากรจีนทั้งประเทศ มีแนวโน้มที่จะติดเชื้อไวรัสโคโรน่า-19 อ้างอิงจากผู้ที่เกี่ยวข้องในประเด็นดังกล่าวที่เปิดเผยกับบลูมเบิร์ก ซึ่งหากได้รับการยืนยันว่าเป็นจำนวนที่ถูกต้องแม่นยำ อัตราการติดเชื้อระดับนี้จะแซงหน้ายอดติดเชื้อรายวันสูงสุดเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ ที่ราว 4 ล้านคน
การปรับเปลี่ยนมาตรการควบคุมไวรัสโคโรน่าอย่างรวดเร็ว ได้นำไปสู่การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่ากลายพันธุ์โอมิครอน ในกลุ่มประชากรที่มีระดับภูมิคุ้มกันธรรมชาติที่ต่ำ ประชาชนในมณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน พร้อมทั้งกรุงปักกิ่งเมืองหลวง พบผู้ติดเชื้อเกินกว่าครึ่งหนึ่ง ตามข้อมูลของ NHC
ทั้งนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่า NHC นั้นมีเกณฑ์การประเมินตัวเลขผู้ติดเชื้ออย่างไร ในช่วงที่จีนสั่งจุดตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรน่าแบบพีซีอาร์ที่กระจายไปทั่วประเทศในเดือนนี้ อัตราการติดเชื้อที่แท้จริงดูเป็นเรื่องยากที่จะกำหนดในประเทศอื่นๆ ช่วงการระบาดใหญ่เช่นกัน เพราะการหาชุดตรวจเชื้อเป็นของหายากพร้อมทั้งถูกแทนที่ด้วยชุดตรวจหาเชื้อได้เองที่บ้าน ซึ่งมักไม่ได้รับการส่งต่อข้อมูลดังกล่าวมายังรัฐบาลหรือหน่วยงานส่วนกลาง
ทาง NHC ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อบลูมเบิร์กสอบถามเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวในช่วงเวลาที่รายงานข่าวนี้
ตอนนี้ชาวจีนพึ่งพาชุดตรวจแบบรู้ผลได้เองที่บ้าน พร้อมทั้งไม่รายงานผลว่าติดเชื้อให้กับทางการ ขณะที่รัฐบาลจีนยุติการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการไปแล้วเมื่อกลางสัปดาห์
เฉิน ชิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ จากบริษัทที่ปรึกษาด้านข้อมูล MetroDataTech วิเคราะห์ข้อมูลการค้นหาข้อมูลออนไลน์ คาดว่าคลื่นการระบาดระลอกล่าสุดของจีน จะพุ่งสูงช่วงกลางเดือนธันวาคมปีนี้ไปจนถึงปลายเดือนมกราคมปีหน้าในหลายเมืองทั่วประเทศ พร้อมทั้งว่าการเปิดประเทศพร้อมทั้งผ่อนคลายมาตรการคุมไวรัสโคโรน่าเป็นสาเหตุให้มีผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นหลายสิบล้านคนในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะที่เซินเจิ้น เซี่ยงไฮ้ พร้อมทั้งฉงชิ่ง
ยอดจบชีวิตที่หายไป
ถ้าหากว่า ในการประชุมของคณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติจีน ไม่ได้ระบุถึงยอดผู้จบชีวิตจากไวรัสโคโรน่า แต่ได้กล่าวถึงการจำกัดความของการจบชีวิตจากไวรัสโคโรน่า-19 ขึ้นมาใหม่ แม้จะยอมรับว่าการจบชีวิตเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อการระบาดพุ่งสูง แต่ได้เน้นย้ำเพียงว่าผู้จบชีวิตจากโรคปอดบวมเพราะติดเชื้อไวรัสโคโรน่าจึงจะนับว่าเป็นยอดจบชีวิตจากโรคนี้
ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันที่ 37 ล้านคน เมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมานี้ เป็นตัวเลขที่แตกต่างจากตัวเลขทางการที่ 3,049 คนที่ทางการจีนรายงานในวันเดียวกันนี้ พร้อมทั้งยังสูงกว่าสถิติโลกที่เคยมีมาในช่วงการระบาดใหญ่ เพราะเมื่อวันที่ 19 มกราคมปีนี้ ยอดติดเชื้อรายวันทั่วโลกแตะระดับ 4 ล้านคนในวันดังกล่าว พร้อมทั้งเป็นสถิติสูงสุดของโลก โดยเป็นผลมาจากไวรัสโคโรน่ากลายพันธุ์โอมิครอนที่ระบาดในแอฟริกาใต้
ระดับการติดเชื้อที่ทางการจีนประเมิน ยังเน้นย้ำถึงความท้าทายที่จีนกำลังเผชิญหลังจากยุตินโยบายไวรัสโคโรน่าเป็นศูนย์ที่กีดกันไวรัสไม่ให้แพร่ระบาดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้โรงพยายามในเมืองใหญ่ของจีน รวมทั้งกรุงปักกิ่งพร้อมทั้งนครเซี่ยงไฮ้ เต็มไปด้วยผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล พร้อมทั้งสถานที่เผาศพต้องรับมือกับผู้จบชีวิตที่รอประกอบพิธีที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ที่มา: บลูมเบิร์ก
ซานต้าเป็นงง! ช้างไทยร่วมแจกของขวัญช่วงคริสต์มาส
รอยเตอร์รายงานบรรยากาศควาญช้างในชุดซานตาคลอสนำทีมช้างไปเยี่ยมเยือนเด็ก ๆ ที่โรงเรียนประถมศึกษาในจังหวัดอยุธยา ในการส่งมอบลูกโป่งเป็นของขวัญให้กับเด็ก ๆ นักเรียนราว 2,000 คนที่แต่งตัวชุดคริสต์มาสเข้ากับเทศกาล พร้อมทั้งเป็นธรรมเนียมที่เกิดขึ้นทุกปีที่โรงเรียนแห่งนี้
เด็ก ๆ มาต่อแถวรอคิวพี่ช้างเรนเดียร์จำแลง ที่โถงของโรงเรียน เพื่อรอชมขบวนพาเหรดช่วงคริสต์มาส พร้อมทั้งช้างที่รับบทรูดอล์ฟไทยสไตล์ ค่อย ๆ เยื้องย่างเข้ามาหาเด็ก ๆ พร้อมทั้งใช้งวงหยิบก้านลูกโป่ง ตุ๊กตา พร้อมทั้งของเล่นหลากหลาย มามอบให้เด็กน้อยอย่างบรรจง เรียกร้อยยิ้มพร้อมทั้งเสียงหัวเราะในเทศกาลแห่งความสุขปีนี้
ที่มา: รอยเตอร์
‘เมสซี’ ตี ‘ไข่’ แตก สร้างสถิติยอดไลค์มากที่สุดบน อินสตาแกรม
เมสซีได้นำทีมชาติอาร์เจนตินาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในรอบ 36 ปี โดยการเอาชนะทีมชาติฝรั่งเศสในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้แกลเลอรีภาพ หรือภาพชุดการเฉลิมฉลองแชมป์ฟุตบอลโลกที่เมสซีได้นำไปโพสท์นั้น มีผู้ใช้งานเข้ามาคลิกไลค์มากกว่า 72 ล้านคน ณ ตอนบ่ายของวันศุกร์ตามเวลาในสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ ภาพที่ได้รับการคลิกไลค์มากที่สุดบนอินสตาแกรม คือภาพสต็อกของไข่ฟองหนึ่ง บนพื้นหลังสีขาว โดยผู้ใช้ที่ใช้ชื่อบัญชีว่า @world_record_egg เป็นผู้โพสท์เอาไว้ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ.2019 ซึ่งได้รับการคลิกไลค์ไปมากที่สุด 55.7 ล้านครั้ง
เมสซีโพสท์ข้อความไว้ใต้ชุดภาพทั้ง 10 ภาพว่า “แชมเปียนของโลก! ผมได้แต่ฝันถึงวันนี้ ผมอยากได้มาก ผมไม่อยากเชื่อเลย” หนึ่งในภาพเหล่านั้น คือภาพของเมสซีชูถ้วยรางวัลทองคำฟีฟ่าเวิร์ลด์คัพ พร้อมทั้งภาพการเฉลิมฉลองกับเพื่อนร่วมทีม
“ผมขอขอบคุณครอบครัวของผม พร้อมทั้งทุก ๆ คนที่สนับสนุนผมพร้อมทั้งคนที่เชื่อมั่นในพวกเรา เราได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งแล้วว่าชาวอาร์เจนตินา เมื่อเราสู้ด้วยกัน พร้อมทั้งเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เราสามารถไปให้ถึงเป้าหมายได้”
กินเนส เวิร์ลด์ เรคคอร์ดส์ (Guinness World Records) ได้รวบรวมสถิติที่เมสซีได้ทำเอาไว้หลังจากรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก โดยพบว่า นักเตะชาวอาร์เจนตินาวัย 35 ปี เป็นนักเตะที่ลงเล่นในฟุตบอลโลกมากที่สุดในโลก ทั้งหมด 26 ครั้ง เอาชนะสถิติที่เคยทำไว้โดย โลธาร์ มัทเธอุส (Lothar Matthaus) นักเตะทีมชาติเยอรมนี
เมสซีเป็นนักฟุตบอลที่มีผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่ง พร้อมทั้งได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลก ถึง 7 ครั้ง เขาคว้าแชมป์ โคปา อเมริกา (Copa America) พร้อมทั้งแชมป์การแข่งฟุตบอลลีคต่าง ๆ 11 ครั้ง อีกทั้งยังคว้าชัยแชมเปียนส์ลีค (Champions League) ได้อีก 4 ครั้ง แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยได้มาก่อนคือ ถ้วยทองคำฟุตบอลโลก จนกระทั่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่เขาทำประตูให้อาร์เจนตินาได้ 2 ประตู ก่อนที่อาร์เจนตินาจะชนะฝรั่งเศสในการยิงลูกโทษ ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเกมการแข่งขันฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศที่น่าตื่นเต้นพร้อมทั้งเมามันที่สุดเท่าที่เคยมีมา