เกาหลีเหนือแก้ไขรธน.ให้พบว่า เกาหลีใต้เป็น ‘รัฐปรปักษ์’

เกาหลีเหนือยืนยันในวันพฤหัสบดีว่า เพิ่งทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปลี่ยนแปลงคำจำกัดความของเกาหลีใต้ให้เป็น “รัฐปรปักษ์” เป็นครั้งแรก โดยการเปิดเผยเรื่องนี้มีออกมาหลังกรุงเปียงยางสั่งระเบิดถนนพร้อมทั้งรางรถไฟเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านทางใต้ไป

ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่า เกาหลีเหนือมีความตั้งใจที่จะยกระดับความเป็นอริกับเกาหลีใต้ให้หนักขึ้น ที่อาจนำไปสู่การปะทะกันที่แนวชายแดนของสองประเทศที่มีความตึงเครียดอยู่แล้ว แม้ว่าหลายฝ่ายจะเชื่อว่า เปียงยางยังไม่น่าจะทำการจู่โจมแบบเต็มรูปแบบใด ๆ เนื่องจากสรรพกำลังทางทหารที่แข็งแกร่งกว่าของกองทัพกรุงโซลผนวกกับของสหรัฐฯ ที่เป็นพันธมิตรใกล้ชิด

สื่อ KCNA ของรัฐบาลเกาหลีเหนือรายงานในวันพฤหัสบดีว่า การทำลายส่วนเหนือของถนนเชื่อมต่อสองเกาหลีพร้อมทั้งรางรถไฟไปนั้นเป็น “มาตรการที่ชอบธรรมพร้อมทั้งหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งต้องดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีที่กำหนดชัดเจนว่า สาธารณรัฐเกาหลี เป็น “รัฐปรปักษ์””

กระทรวงรวมชาติในกรุงโซลประณามการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญนี้ของเกาหลีเหนือให้มาเรียกเกาหลีใต้ว่าเป็นรัฐปรปักษ์ พร้อมทั้งเรียกการกระทำนี้ว่าเป็น “การต่อต้านชาติพร้อมทั้งต่อต้านการรวมชาติ” อย่างหนึ่ง พร้อมพบว่า รัฐบาลเกาหลีใต้จะโต้ตอบการยั่วยุต่าง ๆ ของเกาหลีเหนืออย่างจริงจัง พร้อมทั้งเดินหน้าอย่างแน่วแน่ให้มีการรวมชาติอย่างสันติบนพื้นฐานของหลักการด้านเสรีภาพพร้อมทั้งประชาธิปไตย”

รัฐสภาเกาหลีเหนือที่เป็นเหมือนสภาตรายางเปิดประชุมเป็นระยะเวลา 2 วันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่สื่อรัฐเปียงยางไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่มีการพูดในที่ประชุมดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เรียกร้องระหว่างร่วมประชุมรัฐสภาให้มีการแก้ไขกฎหมายสูงสุดของประเทศเพื่อประกาศให้เกาหลีใต้มีสถานะเป็นศัตรูสำคัญ พร้อมทั้งยกเลิกเป้าหมายการรวมชาติเกาหลีโดยสันติ รวมทั้งปรับแก้คำจำกัดความเกี่ยวกับอาณาเขตพร้อมทั้งอธิปไตยของเกาหลีเหนือด้วย

ทั้งนี้ รายงานของ KCNA ในวันพฤหัสบดีไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญที่มีการแก้ไขนี้ ยกเว้นแต่ประเด็นเกาหลีใต้

อันกิต พานดา ผู้เชี่ยวชาญจาก Carnegie Endowment for International Peace ในสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า เกาหลีเหนือน่าจะกำลังทำการทบทวนแผนงานโฆษณาชวนเชื่อของตนเพื่อหาวิธีที่เหมาะสมในการเปิดเผยข้อมูลการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก่อนที่จะมีการยืนยันทุกอย่างออกมาในอนาคต

ทั้งนี้ คำสั่งของคิมเมื่อเดือนมกราคมให้มีการแก้ไขกฎหมายสูงสุดของประเทศทำให้ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติหลายรายแปลกใจมาก เพราะนี่เป็นเหมือนการประกาศยกเลิกแนวความคิดที่จะประสานสองประเทศที่ต้องแยกจากกันในสงครามเมื่อราว 70 ปีก่อนพร้อมทั้งยังเป็นการละทิ้งความฝันของบรรพบุรุษที่ปรารถนาจะได้เห็นการรวมชาติอย่างสันติภายใต้เงื่อนไขของเกาหลีเหนือ

ผู้เชี่ยวชาญบางคนมองว่า คิมน่าจะมุ่งเป้ากีดกันอิทธิพลทางวัฒนธรรมของเกาหลีใต้พร้อมทั้งยกระดับการปกครองแบบราชวงศ์ของตระกูลคิม ขณะที่ บางรายบอกว่า ผู้นำเปียงยางน่าจะต้องการช่องทางทางกฎหมายเพื่อใช้อาวุธนิวเคลียร์กับเกาหลีใต้ด้วยการประกาศให้เพื่อนบ้านนี้เป็นศัตรูต่างชาติไปเสีย แทนที่จะเป็นหุ้นส่วนของแผนงานรวมชาติ

เลฟ-เอริค อีสลีย์ ศาสตราจารย์ด้านศึกษานานาชาติจากมหาวิทยาลัยอีฮวา ในกรุงโซล กล่าวเสริมว่า “เกาหลีเหนือล้าหลังตามเกาหลีใต้ไม่ทันอย่างมากเสียจนทำให้มองว่า การแลกเปลี่ยนทางสังคมหรือการบูรณการภาคการเงินนั้น ดูจะเป็นหนทางสู่การรวมชาติด้วยการดูดกลืนเสียแล้ว” พร้อมทั้งว่า “การที่เปียงยางปฏิเสธการรวมชาติเกาหลีก็เป็นยุทธศาสตร์เพื่อความอยู่รอดของรัฐบาลพร้อมทั้งเพื่อคงไว้ซึ่งอำนาจการควบคุมประเทศ นี่ไม่ใช่เป็นเพียงนิมิตหมายที่ไม่ดีต่อประชาธิปไตยเท่านั้น แต่ยังอาจกลายมาเป็นคตินิยมที่ใช้จูงใจให้เกิดการใช้กำลังทหารรุกรานกรุงโซลได้ด้วย”

 

 

ที่มา: เอพี

‘เซเลนสกี’ นำเสนอ ‘แผนแห่งชัยชนะ’ แก่พันธมิตรนาโต้-อียู

ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวในวันพฤหัสบดีว่า กุญแจสู่การยุติสงครามของรัสเซียในยูเครนพร้อมกับการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกก็คือ ความสามัคคีของชาติยุโรป การกดดันรัสเซียต่อไปพร้อมทั้งการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ยูเครน

เซเลนสกีกล่าวในช่วงเยือนกรุงบรัสเซลส์เพื่อขึ้นพูดต่อหน้าที่ประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) พร้อมทั้งร่วมประชุมกับรัฐมนตรีกลาโหมนาโต้ ว่า “รัสเซียจะหันหน้าเข้าหาการทูต ต่อเมื่อมองเห็นว่า ไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยการใช้กำลังแล้ว”

การประชุมต่าง ๆ ในบรัสเซลส์คือ เวทีล่าสุดที่ผู้นำยูเครนใช้ในการนำเสนอ “แผนแห่งชัยชนะ” ของตนให้กับพันธมิตรชาติตะวันตก

ในระหว่างขึ้นกล่าวต่อหน้าที่ประชุมรัฐสภายูเครนเมื่อวันพุธ เซเลนสกี เผยโครงร่างแผนการที่จะยุติปฏิบัติการรุกรานของรัสเซียที่ดำเนินมาถึง 32 เดือนนี้ซึ่งรวมถึง คำเรียกร้องให้นาโต้เชิญยูเครนเข้าร่วมกลุ่มโดยไม่มีเงื่อนไข พร้อมทั้งการเคลื่อนกำลังป้องปรามที่ไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อต้านการรุกรานของรัสเซีย

มาร์ค รุตเทอ เลขาธิการนาโต้ กล่าวในวันพุธว่า การก้าวขึ้นมาเป็นสมาชิกองค์กรนี้ของยูเครนที่จะเกิดขึ้นในที่สุดเป็นเรื่องที่ “ย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว” เมื่อเวลาที่เหมาะสมมาถึง แต่เพราะกรุงเคียฟยังไม่สามารถเข้ามาร่วมกลุ่มได้ในช่วงที่ยังทำสงครามอยู่ รุตเทอจึงปฏิเสธที่จะประเมินว่า การเป็นสมาชิกของยูเครนนั้นจะเกิดขึ้นได้จริงเมื่อใด

 

การสู้รบที่ยังดำเนินต่อไป

กองทัพยูเครนเปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า ได้ยิงโดรนที่รัสเซียส่งมาจู่โจมในช่วงคืนก่อนหน้าตกลงไป 22 ลำจากทั้งหมด 56 ลำ

กองทัพอากาศยูเครนพบว่า การสกัดโดรนที่ว่านั้นเกิดขึ้นในน่านฟ้าเหนือเกือบ 10 เขตปกครอง เช่น เชอร์นิฮิฟ เคียฟ มีโคลาอิฟ โอเดสซาพร้อมทั้งซูมี โดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรายงานว่า การจู่โจมนี้ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่ออาคารพร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงาน รวมทั้งยานพาหนะต่าง ๆ แต่ไม่มีการระบุถึงการจบชีวิตหรือการได้รับบาดเจ็บของผู้คน

ในเวลาเดียวกัน กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวในวันพฤหัสบดีว่า ได้ยิงโดรนยูเครนตกลง 6 ลำเหนือแคว้นโอร์โยล พร้อมทั้ง 4 ลำเหนือแคว้นเคิร์สก รวมทั้ง 3 ลำที่เหนือแคว้นบริแยงสก์ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ในแคว้นเหล่านี้ไม่ได้รายงานเหตุความเสียหายหรือตัวเลขผู้จบชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บใด ๆ

 

 

ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี เอเอฟพีพร้อมทั้งรอยเตอร์

กองทัพอิสราเอลเร่งตรวจสอบกรณีปฏิบัติการสังหารผู้นำฮามาสในกาซ่า

อิสราเอลเปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า กำลังเดินหน้าตรวจสอบว่า การจู่โจมในกาซ่าได้สังหาร ยาห์ยา ซินวาร์ ผู้นำกลุ่มฮามาสสำเร็จแล้วจริงหรือไม่

กองทัพอิสราเอลระบุในแถลงการณ์ว่า “ในเวลานี้ ยังไม่สามารถยืนยันอัตลักษณ์ของสมาชิกกลุ่มก่อการร้าย(ที่ถูกสังหาร)ได้”

สิ่งที่อิสราเอลยืนยันได้ในเวลานี้คือ ไม่มีสัญญาณว่า มีตัวประกันอยู่ในอาคารที่เป็นเป้าการจู่โจมครั้งล่าสุดที่เชื่อว่า มีนักรบกลุ่มติดอาวุธนี้อยู่ 3 คน

ซินวาร์ เป็นผู้นำการจู่โจมใส่อิสราเอลเมื่อ 7 ตุลาคมของปีที่แล้วซึ่งเป็นชนวนของสงครามในกาซ่าที่ดำเนินมากว่าปีนี้ โดยซินวาร์ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าฮามาส หลังการลอบสังหารอดีตผู้นำของกลุ่มซึ่งก็คือ อิสมาอิล ฮานิเยห์ เมื่อเดือนสิงหาคม ในกรุงเตหะราน

อิหร่านกล่าวโทษว่า อิสราเอลคือผู้อยู่เบื้องหลังการสังหารฮานิเยห์

ในเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ตอนเหนือของกาซ่ารายงานในวันพฤหัสบดีด้วยว่า การจู่โจมทางอากาศของอิสราเอลเข้าใส่โรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งถูกเปลี่ยนมาเป็นศูนย์หลบภัยของชาวปาเลสไตน์ผู้พลัดถิ่น ทำให้มีผู้จบชีวิตอย่างน้อย 14 คนที่รวมถึงเด็ก 5 คนด้วย

แต่อิสราเอลพบว่า การจู่โจมของตนพุ่งเป้าไปยังนักรบฮามาสพร้อมทั้งกลุ่มอิสลามิกจิฮัดหลายสิบคนที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงเรียนแห่งดังกล่าว

ฟาเรส อาบู ฮัมซา หัวหน้าหน่วยฉุกเฉินพื้นที่ภาคเหนือของกระทรวงสาธารสุขกาซ่า ยืนยันตัวเลขผู้จบชีวิต พร้อมทั้งบอกว่า มีผู้คนอีกหลายสิบคนที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมเปิดเผยว่า “ผู้หญิงพร้อมทั้งเด็กหลายคนมีอาการเจ็บสาหัส” ด้วย

กลุ่มฮามาสเปิดฉากจู่โจมภาคใต้ของอิสราเอลเมื่อต้นเดือนตุลาคมของปีที่แล้วซึ่งส่งผลให้มีผู้จบชีวิตราว 1,200 คนพร้อมทั้งมีการจับตัวประกันไปกว่า 250 คน ก่อนอิสราเอลจะจู่โจมโต้กลับเข้าไปในกาซ่าจนถึงบัดนี้ที่ทำให้มีชาวปาเลสไตน์จบชีวิตกว่า 42,400 คนแล้ว โดยกว่าครึ่งนั้นเป็นผู้หญิงพร้อมทั้งเด็ก ตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่สาธารสุขกาซ่า

กองทัพอิสราเอลรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ได้สังหารผู้บัญชาการของกลุ่มเฮซบอลลาห์ในภาคใต้ของเลบานอนแล้ว พร้อม ๆ กับประกาศคำสั่งอพยพรอบใหม่สำหรับประชาชนในพื้นที่เบกาแวลลีย์ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเบรุตไปทางตะวันออกราว 30 กิโลเมตร

กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ระบุตัว ฮุสเซน อวาดา ว่าเป็นผู้บัญชาการของเฮซบอลลาห์ที่ถูกสังหารในปฏิบัติการล่าสุดของตน พร้อมทั้งบอกว่า อวาดาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการยิงจรวดข้ามชายแดนมายังอิสราเอลด้วย

ในส่วนของคำสั่งอพยพนั้น อิสราเอลได้ดำเนินการดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องสำหรับประชาชนในหลายพื้นที่ของเลบานอนมาแล้ว โดยบอกว่า คนในพื้นที่ดังกล่าวต้องย้ายที่อยู่เพื่อความปลอดภัยเนื่องจากบริเวณเหล่านั้นอยู่ใกล้กับจุดที่ตั้งของกลุ่มเฮซบอลลาห์ พร้อมทั้งคำสั่งอพยพทั้งหลายมักออกมาก่อนที่อิสราเอลจะทำการจู่โจมทางอากาศ

คำสั่งล่าสุดที่อิสราเอลประกาศออกมาในวันพฤหัสบดีครอบคลุมพื้นที่เขตซาราอีน ทามนีน พร้อมทั้งซาฟรี

ในเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่เลบานอนออกมาประณามปฏิบัติการจู่โจมทางอากาศของอิสราเอลเมื่อวันพุธที่สังหารผู้คนไป 16 คนในเมืองนาบาทีเอห์ ทางใต้ของประเทศ โดยหนึ่งในผู้จบชีวิตคือนายกเทศมนตรีของเมือง พร้อมทั้งการจู่โจมนี้ยังทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 50 คนด้วย

เจ้าหน้าที่เลบานอนบอกว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นข้อพิสูจน์ว่า แผนการของอิสราเอลที่ว่าเพื่อกำจัดกลุ่มติดอาวุธเฮซบอลลาห์นั้นได้ขยายวงมายังพื้นที่ต่าง ๆ ของเลบานอนแล้วด้วย แม้กองทัพอิสราเอลจะยืนยันว่า ฝ่ายตนทำการจู่โจมเป้าหมายหลายสิบแห่งของเฮซบอลลาห์ในพื้นที่เมืองนาบาทีเอห์จริง

จีนีน เฮนนิส-พลาสชาร์ต ผู้ประสานงานพิเศษในเลบานอนของสหประชาชาติ บอกว่า การจู่โจมของอิสราเอล “เกิดขึ้นหลังมีเหตุการณ์อื่น ๆ ที่พลเรือนพร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนมากมายทั่วเลบานอนตกเป็นเป้า” พร้อมทั้งว่า “ความเดือดร้อนของพลเรือนยกระดับถึงจุดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว”

เฮนนิส-พลาสชาร์ตระบุในแถลงการณ์ด้วยว่า “ถึงเวลาที่ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายต้องหยุดการยิงในทันทีพร้อมทั้งเปิดประตูให้กับทางออกทางการทูตที่คำนึงถึงความต้องการของพลเรือนพร้อมทั้งจะสามารถส่งเสริมความมั่นคงของภูมิภาคได้”

 

การนำส่งความช่วยเหลือให้ชาวกาซ่า

ในการประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นเมื่อวันพุธ นักการทูตทั้งหลายได้รับแจ้งรายงานล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซ่าที่เลวร้ายลงเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือซึ่งอิสราเอลเดินหน้ายกระดับปฏิบัติการทางทหารอยู่

จอยซ์ มซูยา รักษาการหัวหน้าโครงการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมยูเอ็นแจ้งต่อที่ประชุมว่า “ไม่มีความช่วยเหลือด้านอาหารเข้าไปยังภาคเหนือของกาซ่าตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมถึง 15 ตุลาคม เมื่อมีการอนุญาตให้นำส่งสิ่งของไม่มากเข้าไปได้เท่านั้น พร้อมทั้งเสบียงสิ่งของจำเป็นทั้งหมดเพื่อการใช้ชีวิตให้อยู่รอดก็เริ่มหมดลงแล้ว”

มซูยายังกล่าวด้วยว่า “ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม มีการประสานการเคลื่อนย้าย(ความช่วยเหลือ)เพียง 1 เที่ยวจากทั้งหมด 54 เที่ยวที่เข้าไปยังภาคเหนือ(ของกาซ่า) ผ่านจุดตรวจข้ามแดน อัล ราชิด ด้วยการอำนวยความสะดวกโดยทางการอิสราเอล ขณะที่ การนำส่งอีก 4 เที่ยวถูกขัดขวางในช่วงต้นก่อนจะไปถึงที่หมายได้” พร้อมทั้งว่า “85% ของการนำส่งนั้นถูกปฏิเสธพร้อมทั้งที่เหลือก็ถูกสกัดไว้หรือยกเลิก เนื่องจากประเด็นด้นความปลอดภัยหรือโลจิสติกส์”

สมาชิกคณะมนตรีฯ ที่เข้าร่วมประชุมต่างประณามสถานการณ์ดังกล่าวรวมทั้งประเด็นคำสั่งอพยพของอิสราเอลด้วย พร้อมทั้งหลายคนบอกว่า ถึงเวลาแล้วที่คณะมนตรีฯ จะพิจารณา “เครื่องมือ” ทั้งหลายที่มีเพื่อบังคับใช้มติที่มีออกมา ซึ่งหมายถึงการลงโทษทางเศรษฐกิจต่าง ๆ

การประชุมนัดนี้เกิดขึ้นหลังสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องให้อิสราเอลเพิ่มการนำส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้กับชาวปาเลสไตน์ในกาซ่าภายในเดือนหน้า มิฉะนั้นกรุงวอชิงตันอาจตัดความช่วยเหลือทางทหารเพื่อสนับสนุนการสู้รบกับกลุ่มฮามาส

กลุ่มฮามาสเปิดฉากจู่โจมภาคใต้ของอิสราเอลเมื่อ 7 ตุลาคมของปีที่แล้วซึ่งส่งผลให้มีผู้จบชีวิตราว 1,200 คนพร้อมทั้งมีการจับตัวประกันไปกว่า 250 คน ก่อนอิสราเอลจะจู่โจมโต้กลับเข้าไปในกาซ่าจนถึงบัดนี้ที่ทำให้มีชาวปาเลสไตน์จบชีวิตกว่า 42,400 คนแล้ว โดยกว่าครึ่งนั้นเป็นผู้หญิงพร้อมทั้งเด็ก ตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่สาธารสุขกาซ่า

 

 

 

ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี เอเอฟพีพร้อมทั้งรอยเตอร์

ตำรวจท่องเที่ยว ตรวจสอบเหตุป่วนห้างที่ขอนแก่น พร้อมระงับเหตุ

ตำรวจท่องเที่ยวขอนแก่น ตรวจสอบเหตุป่วนห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว พร้อมระงับเหตุ

ปลัดเกษตรฯ มอบนโยบาย เพิ่มศักยภาพนาแปลงใหญ่-ศูนย์ข้าวชุมชน ยกระดับสู่ครัวโลก

“ปลัดกระทรวงเกษตรพร้อมทั้งสหกรณ์” เปิดสัมมนาพร้อมมอบนโยบายวิจัยนำ-นวัตกรรมเสริม เพิ่มศักยภาพนาแปลงใหญ่พร้อมทั้งศูนย์ข้าวชุมชน เชื่อมโยงการยกระดับการผลิตข้าวไทยให้ปลอดภัยสู่ครัวโลก

สถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิพร้อมทั้งสถาบันเครือสารสาสน์จัดประชุมวิชาการฉลอง 60 ปี

สถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิพร้อมทั้งสถาบันในเครือสารสาสน์ฉลองครบรอบ 60 ปี จัดงานประชุมวิชาการระดับชาติครั้งที่ 2 พร้อมทั้งกิจกรรมจิตอาสาทั่วประเทศ โดยมี นายชวน หลีกภัย ให้เกียรติเปิดงานพร้อมทั้งกล่าวปาฐกถาพิเศษ

“ดิไอคอน” เป็นเจ้าภาพจัดกฐินวัดดัง ล่าสุดเจ้าอาวาสแจ้งยกเลิกแล้ว

“ดิไอคอน” โผล่เป็นเจ้าภาพจัดกฐิน วัดตะปอนน้อย อ.ขลุง จ.จันทบุรี ล่าสุด เจ้าอาวาสทำหนังสือแจ้งความจำนงยกเลิกเจ้าภาพที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับดิไอคอนแล้ว โดยเป็นการจัดกฐินสามัคคีกันเอง

เซเลนสกีขอให้นาโต้เชิญยูเครนเข้าเป็นสมาชิกอย่างไม่มีเงื่อนไข

ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีกล่าวต่อสภายูเครน ว่าเขาเตรียมที่จะผลักดันให้ประเทศเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาเเอตเเลนติกเหนือ หรือนาโต้ ภายใต้ “แผนเเห่งชัยชนะ” ถ้าหากว่า เลขาธิการใหญ่นาโต้ มาร์ค รุตเทอ บอกว่ายังคงมีประเด็น “ที่ยาก” รออยู่ก่อนที่ยูเครนจะเข้าร่วมกลุ่ม

แอมะซอน-กูเกิล เร่งลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสนับสนุนศูนย์ข้อมูล-AI

บริษัทแอมะซอน (Amazon) เปิดเผยในวันพุธว่า กำลังทำการลงทุนในการพัฒนาเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็ก หลังบริษัทกูเกิล (Google) เพิ่งประกาศแผนงานแบบเดียวกันนี้ไปเมื่อสองวันก่อน โดยสองยักษ์ใหญ่จากวงการเทคโนโลยีตั้งเป้าหาแหล่งพลังงานไฟฟ้าใหม่ที่ไม่ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนเพื่อมาช่วยตอบรับความต้องการศูนย์ข้อมูลพร้อมทั้งปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่พุ่งสูงอย่างรวดเร็วในเวลานี้ ตามรายงานของเอพี

การเดินหน้าลงทุนในการผลิตพลังงานนิวเคลียร์ของสองบริษัทนี้มีออกมาไม่นานหลังบริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft) วางแผนจะจัดซื้อพลังงานจากโรงงานไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ Three Mile Island ที่เคยถูกปิดไปแต่จะมีการเปิดใช้งานขึ้นใหม่ เพื่อนำมาใช้สนับสนุนการทำงานศูนย์ข้อมูลของตนเอง

ที่ผ่านมา บริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีทั้งสามบริษัทเดินหน้าลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์พร้อมทั้งพลังงานลมเพื่อจุดประสงค์เดียวกันนี้มาก่อน พร้อมทั้งทั้งหมดบอกว่า การก้าวเข้าสู่วงการพลังงานนิวเคลียร์นี้มีเป้าหมายทั้งช่วยสนับสนุนธุรกิจของตน ควบคู่ไปกับการมุ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นต้นเหตุของภาวะโลกร้อนด้วย

เอพีรายงานว่า ความต้องการพลังงานไฟฟ้าทั่วโลกพุ่งสูงจนทำสถิติใหม่ในปีที่แล้ว เมื่ออาคารพร้อมทั้งพาหนะต่าง ๆ หันมาใช้ไฟฟ้ามากขึ้น ส่งผลให้โครงข่ายพลังงานต่าง ๆ ต้องทำงานหนักขึ้นอย่างมาก โดยความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมากนี้มาจากการเดินหน้าพัฒนาศูนย์ข้อมูลพร้อมทั้ง AI นั่นเอง

สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency) คาดการณ์ว่า ตัวเลขรวมของการใช้งานพลังงานไฟฟ้าของศูนย์ข้อมูลทั้งหลายนั้นน่าจะพุ่งเกินระดับ 1,000 เทราวัตต์ชั่วโมงภายในปี 2026 หรือเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าจากสถิติในปี 2022

ตัวเลขประเมินพบว่า พลังงาน 1 เทราวัตต์ชั่วโมงนั้นสามารถจ่ายไฟให้กับบ้านจำนวน 70,000 หลังเป็นเวลา 1 ปี

 

ที่มา: เอพี