อาลัย “จ่าก็อต สิริธิติ” ทหารที่บอก ถ้าเจอคลิปนี้ แสดงว่าเรารอด

อาลัย “จ่าก็อต สิริธิติ งามทอง” ทหารที่บอก ถ้าเจอคลิปนี้ แสดงว่าเรารอด หลังยืนยันอัตลักษณ์บุคคล พบเป็นผู้จบชีวิต

สื่อปูด ลูกชาย “โรนัลโด” ตัดสินใจออกจากอะคาเดมี “แมนยูฯ” เตรียมย้ายซบ “มาดริดฯ”

สื่อดังเผย ลูกชาย “โรนัลโด” ตัดสินใจย้ายออกอะคาเดมีของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมกลับไปซบอก เรอัล มาดริด

20 คําอวยพรปีใหม่ภาษาจีน 2023 พร้อมคำอ่านพร้อมทั้งคำแปล

คำอวยพรปีใหม่ภาษาจีน สั้นๆ เพื่อใช้สำหรับอวยพรสุขสันต์ปีใหม่ภาษาจีน สื่อแทนความปรารถนาดี ส่วนใหญ่จะเป็นคำอวยพรปีใหม่ภาษาจีน สั้นๆ เกี่ยวกับความสุข สุขภาพ ความร่ำรวย พร้อมทั้งความเจริญรุ่งเรือง

ไทย-กัมพูชา ถกร่วมมือทางเศรษฐกิจ ร่วมปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์

พล.อ.ประวิตร หารือ เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย หนุนส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ พลังงาน ร่วมปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่อเนื่อง

ส่องสเปก 5 มือถือราคาไม่เกิน 4,000 บาท ปี 2022-2023 รุ่นไหนน่าใช้

รวม 5 มือถือราคาไม่เกิน 4,000 บาท ยี่ห้อไหนดี ส่องสเปกเครื่องที่มีฟังก์ชันครบครน ฟีเจอร์น่าใช้ มีคุณสมบัติพื้นฐานรองรับการใช้งานต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ ชอบรุ่นไหนก็เลือกใช้กันได้เลย

ทำความรู้จัก ChatGPT  ปัญญาประดิษฐ์สุดฮอตของ OpenAI  

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัท OpenAI เปิดตัวแชทบอท ChatGPT ให้คนทั่วไปเข้าใช้งานได้ฟรี โดย ChatGPT เป็นแอปพลิเคชั่นที่ถูกออกแบบมาเพื่อเลียนแบบบทสนทนาของมนุษย์ โดยมีระบบการทำงานที่ขึ้นอยู่กับการโต้ตอบของผู้ใช้งาน ถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ ที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว 

 

แซม อัลต์แมน ผู้ร่วมก่อตั้งพร้อมทั้งซีอีโอของ OpenAI เผยว่า มีผู้ใช้งาน ChatGPT กว่าหนึ่งล้านคน หลังแชทบอทดังกล่าวเปิดตัวได้หนึ่งสัปดาห์ 

รอยเตอร์รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจของเอไอไฟแรง ChatGPT ดังต่อไปนี้ 

 

ใครเป็นเจ้าของ OpenAI? อิลอน มัสก์ เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่?

 

บริษัทวิจัยพร้อมทั้งพัฒนา OpenAI ถูกก่อตั้งเมื่อปี 2015 ในฐานะองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร โดย แซม อัลต์แมน นักลงทุนในซิลิคอนแวลลีย์ พร้อมทั้งอิลอน มัสก์ อภิมหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทรถไฟฟ้าเทสลา โดย OpenAI สามารถดึงดูดนักลงทุนได้อีกหลายราย ซึ่งรวมถึง ปีเตอร์ ธีล นักลงทุนในสตาร์ทอัพรายใหญ่ 

 

ต่อมาในปี 2019 กลุ่มผู้ก่อตั้ง OpenAI จัดตั้งองค์กรแบบแสวงหาผลประโยชน์เพื่อรับเงินลงทุนจากภายนอกเพิ่มเติม 

มัสก์ออกจากคณะกรรมการบริหารของบริษัทเมื่อปี 2018 พร้อมทั้งเข้าซื้อกิจการของทวิตเตอร์ (Twitter) สื่อสังคมออนไลน์ชื่อดัง เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา 

 

ต่อมาเมื่อ OpenAI ได้รับความสนใจสูง มัสก์ทวีตความเห็นว่า เอไอ ตัวนี้ “ดีจนน่ากลัว”  ต่อมา เขายังทวีตข้อความว่า เขาระงับไม่ให้ OpenAI เข้าถึงฐานข้อมูลของทวิตเตอร์ได้ชั่วคราว หลังทราบว่าบริษัท OpenAI ใช้ทวิตเตอร์ “ฝึกฝน” เครื่องมือเอไอของตน   

 

เอไอ ChatGPT ทำงานอย่างไร? 

 

OpenAI พบว่า เอไอ ChatGPT ถูกฝึกให้ใช้เทคนิคเรียนรู้ด้วยตนเองที่เรียกว่า Reinforcement Learning from Human Feedback หรือ RLHF  โดย ChatGPT สามารถลอกเลียนบทสนทนา ตอบคำถามต่อเนื่อง ยอมรับข้อผิดพลาด ท้าทายข้อสังเกตที่ผิด พร้อมทั้งปฏิเสธคำขอที่ไม่เหมาะสมได้ 

สำหรับการพัฒนา ChatGPT ในขั้นต้นนั้น มีการใช้มนุษย์ฝึกฝนบทสนทนากับเอไอตัวนี้ โดยให้มนุษย์รับบทเป็นทั้งผู้ใช้งานพร้อมทั้งผู้ช่วยเอไอ  

ทั้งนี้ ChatGPT เวอร์ชั่นที่เปิดให้สาธารณะเปิดใช้นั้น กำลังเรียนรู้เข้าใจคำถามจากผู้ใช้งานพร้อมทั้งตอบคำถามเชิงลึกที่มีลักษณะคล้ายกับข้อความเชิงบทสนทนาที่มนุษย์เขียนขึ้น 

 

ChatGPT ถูกใช้ทำอะไรได้บ้าง?

 

บอท ChatGPT สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น การตลาดดิจิทัล การสร้างเนื้อหาออนไลน์ การตอบคำถามลูกค้า หรือแม้แต่ช่วยแก้จุดบกพร่องของโค้ดเขียนโปรแกรมได้ 

นอกจากนี้ ChatGPT ยังสามารถตอบคำถามได้หลากหลายโดยเลียนแบบลักษณะการพูดของมนุษย์ได้ในเวลาเดียวกัน 

 

ChatGPT จะสร้างปัญหาหรือไม่? 

 

ทาง OpenAI ยอมรับว่า ChatGPT อาจตอบสนองผู้ใช้งานด้วยคำตอบที่ “ฟังดูมีเหตุผลแต่ไม่ถูกต้องหรือไม่เข้าท่า” พร้อมทั้งยอมรับว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นความท้าทายที่บริษัทต้องแก้ต่อไป 

 

ทั้งนี้ เทคโนโลยีเอไอยังอาจเผยแพร่อคติทางสังคมด้านต่าง ๆ เช่น ด้านเชื้อชาติ เพศ พร้อมทั้งวัฒนธรรม ได้ พร้อมทั้งก่อนหน้านี้ บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เช่น กูเกิล พร้อมทั้ง แอมะซอน ยอมรับว่า โครงการบางอย่างที่ทางบริษัททดลองใช้เอไอมีข้อจำกัดบางประการ พร้อมทั้งมี “ความเสี่ยงทางจริยธรรม”  โดยหลายบริษัทต้องให้มนุษย์เข้ามาจัดการแก้ปัญหาที่เกิดจากเอไอ 

ถึงกระนั้น การวิจัยเอไอก็ยังคงเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน พร้อมทั้งข้อมูลจากบริษัทติดตามเงินทุน PitchBook เผยว่า เมื่อปีที่แล้ว จำนวนเม็ดเงินร่วมลงทุนเพื่อพัฒนาเอไอพร้อมทั้งการลงทุนในบรรดาบริษัทปฏิบัติการเอไอ เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 13,000 ล้านดอลลาร์ พร้อมทั้งการลงทุนตั้งแต่เดือนม.ค. – ต.ค. ปีนี้ อยู่ที่ 6,000 ล้านดอลลาร์ 

 

สามารถลองใช้งานเอไอ ChatGPT ได้ที่: https://chat.openai.com/chat 

ที่มา: รอยเตอร์

ศาลสูงสหรัฐฯ คงคำสั่งสกัดผู้อพยพข้ามพรมแดน

ศาลสูงสหรัฐฯ คงกฎหมายสกัดกั้นผู้อพยพเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายกลับประเทศต่อไป เพื่อรับมือกับคลื่นผู้อพยพจากอเมริกากลางพร้อมทั้งอเมริกาใต้หลายพันคนที่หลั่งไหลเข้ามาอยู่บริเวณพรมแดนทางทิศใต้ของสหรัฐฯ ติดกับเม็กซิโก ตามรายงานของรอยเตอร์

ศาลสูงสหรัฐฯ มีมติ 5-4 ในวันอังคาร คงคำสั่งด้านสาธารณสุขของรัฐบาลกลาง ซึ่งเรียกว่า Title 42 ที่นำมาใช้ในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรน่า-19 หลังจากที่มีทางการ 19 รัฐในอเมริกาพบว่าการยกเลิกคำสั่งดังกล่าวอาจนำไปสู่การไหลทะลักเข้ามาของจำนวนผู้อพยพข้ามพรมแดนที่ติดกับสหรัฐฯ

ทั้งนี้ Title 42 เริ่มบังคับใช้เมื่อเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 2020 ในยุคอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงเริ่มต้นของการระบาดของไวรัสโคโรน่า-19 พร้อมทั้งประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ยังคงคำสั่งดังกล่าวมากว่า 1 ปีที่เข้ามาบริหารประเทศ แม้จะเคยให้คำมั่นว่าจะเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านผู้อพยพที่เข้มงวดในยุคทรัมป์ก็ตาม

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บันทึกตัวเลขผู้อพยพที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศได้ถึง 2.2 ล้านคนบริเวณพรมแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ ในปีงบประมาณ 2022 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อ 30 กันยายนที่ผ่านมา พร้อมทั้งเกือบครึ่งหนึ่งของผู้อพยพจำนวนนี้ถูกจับกุมพร้อมทั้งส่งตัวกลับประเทศบ้านเกิดหรือประเทศต้นทางภายใต้อำนาจของกฎหมาย Title 42

ที่มา: รอยเตอร์

การแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ-จีน ยกระดับความตึงเครียดในอาเซียน

ภาวะการแข่งขันอันดุเดือดระหว่างสหรัฐฯ พร้อมทั้งจีนที่ยังดำเนินอยู่นี้ กำลังเป็นปัจจัยการยกระดับความตึงเครียดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อสองมหาอำนาจพยายามสร้างอิทธิพลต่อนโยบายด้านเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ รวมทั้งกรณีข้อพิพาททางดินแดนในแถบทะเลจีนใต้ พร้อมทั้งประเด็นการมีอิสรภาพของไต้หวันด้วย

อิทธิพลของจีนในโลกนั้นมีความชัดเจนขึ้นระดับหนึ่งเมื่อความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership – RCEP) เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคมของ

ความตกลง RCEP ซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีจีนเป็นผู้ผลักดันจนได้สมาชิกเข้าร่วม 14 ประเทศ ที่ประกอบด้วย 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน พร้อมทั้งออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ พร้อมทั้งนิวซีแลนด์

ในการประชุมสุดยอดจีน-อาเซียนครั้งที่ 25 ซึ่งจัดขึ้นที่กัมพูชาเมื่อเดือนที่แล้ว นายกรัฐมนตรีหลี เค่อเฉียง ของจีนระบุในคำปราศรัยว่า ปริมาณการค้าระหว่างจีนพร้อมทั้งอาเซียนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 798,400 ล้านดอลลร์ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ไปแล้ว

นายกรัฐมนตรีหลี บอกว่า “เราได้ทำงานร่วมกันเพื่อให้มีการลงนามพร้อมทั้งบังคับใช้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่ทำให้เกิดการจัดตั้งเขตการค้าเสรีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นการผลักดันการพัฒนาการที่มีการเชื่อมต่อถึงกันพร้อมทั้งเปิดกว้างให้ก้าวไปอีกระดับหนึ่ง”

ถ้าหากว่า ฮันเตอร์ มาร์สตัน ผู้ที่กำลังศึกษาในระดับปริญญาเอก ที่ Australian National University เกี่ยวกับการแข่งขันของประเทศมหาอำนาจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้ความเห็นว่า ในเวลานี้อาจเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่า RCEP นั้นทำให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญต่ออาเซียนจริงหรือไม่

มาร์สตัน บอกกับผู้สื่อข่าว วีโอเอ ภาคภาษาจีนกลาง ว่า “การค้าระหว่างอาเซียนพร้อมทั้งจีนพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใน (ช่วง 10 เดือนแรกของ) ปี 2022 ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูกัน แต่สิ่งที่ยากก็คือ ไม่มีใครบอกได้ว่า การขยายตัวนี้เป็นเพราะ RCEP เป็นหลักจริงหรือไม่” พร้อมทั้งว่า “RCEP เพียงแค่ลดการกีดกันทางการค้าพร้อมทั้งทำให้การค้าขายมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ที่ผ่านมา ยังเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่า เรื่อง(ความตกลง)นี้ทำให้เกิดผลประโยชน์อันชัดเจนพร้อมทั้งเห็นผลทันทีแล้ว”

ในฝ่ายของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เปิดตัวกรอบเศรษฐกิจภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก (Indo-Pacific Economic Framework – IPEF) เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อหวังต้านแรงกระเพื่อมของ RCEP

แผนงานดังกล่าวซึ่งมีสมาชิกทั้งหมด 14 ประเทศ ซึ่งรวมถึง ออสเตรเลีย อินเดีย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้พร้อมทั้งญี่ปุ่น ตั้งเป้าที่จะยืนยันการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้พร้อมทั้งเพื่อนำเสนอตัวเองเป็นทางเลือกนอกเหนือจากแผน RCEP ของรัฐบาลกรุงปักกิ่งให้กับประเทศอื่น ๆ ด้วย

ปธน.ไบเดน กล่าวในระหว่างพิธีเปิดตัว IPEF ที่กรุงโตเกียวว่า “อนาคตของเศรษฐกิจศตวรรษที่ 21 นั้นส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในอินโด-แปซิฟิก – ภูมิภาคของเรา” พร้อมทั้งว่า “เราจะทำการเขียนกฎใหม่ ๆ ขึ้น”

เอียน เฉิน ศาสตราจารย์จาก Institute of Political Science แห่ง Sun Yat-sen University ในไต้หวัน แสดงความไม่แน่ใจว่า ว่า IPEF จะสามารถสร้างผลกระทบใด ๆ ต่อความเป็นจริงที่ว่าเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พึ่งพาจีนมาตลอดได้ในเร็ว ๆ นี้จริงหรือไม่

ศาสตราจารย์เฉิน บอกกับผู้สื่อข่าว วีโอเอ ภาคภาษาจีนกลาง ว่า ตนไม่คิดว่า แผนงานของสหรัฐฯ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระยะสั้น โดยพบว่า “IPEF ไม่ได้บังคับให้สมาชิกต้องผูกติดกับพันธกรณีแบบเข้มงวด ดังนั้น ประเทศต่าง ๆ จึงสามารถกำหนดเองว่า จะมีส่วนร่วมอย่างไรบ้าง พร้อมทั้งด้วยเงื่อนไขแบบหลวม ๆ นี้ จึงเป็นเรื่องยากที่จะไปให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการได้”.

 

จอช เคอร์แลนต์ซิค นักวิจัยอาวุโสด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จาก Council on Foreign Relations ไม่เห็นด้วยกับความคิดที่ว่า แผน IPEF ของปธน.ไบเดนนั้น เกิดขึ้นมาเพียงเพื่อแข่งกับ RCEP ของจีนเท่านั้น

เคอร์แลนต์ซิค บอกกับ วีโอเอ ภาคภาษาจีนกลาง ว่า “กรอบเศรษฐกิจภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก นั้นอาจเป็นคล้าย ๆ การตอบโต้การดำเนินแผนงานทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ของจีนในระดับภูมิภาค แต่โดยทั่วไปแล้ว เป็นการตอบโต้ข้อร้องเรียนที่ว่า สหรัฐฯ ไม่มีนโยบายด้านการค้าในภูมิภาคนี้เลยมากกว่า” พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า แผนงานนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการตอบโต้จีนเพียงอย่างเดียว

นักวิจัยยังกล่าวด้วยว่า “สหรัฐฯ นั้นได้ละทิ้งความเป็นผู้นำด้านการค้าพร้อมทั้งการมีส่วนร่วมทางการค้ากับเอเชียมาเป็นเวลานานแล้ว … แต่กรอบเศรษฐกิจภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ซึ่งเป็นเหมือนแผนความร่วมมือทางเศรษฐกิจแบบหลอก ๆ ไม่น่าจะช่วยอะไรได้มาก”

รายงานข่าวพบว่า ขณะที่ ข้อมูลหลายอย่างของ IPEF ยังไม่ได้การเปิดเผยออกมา ฮันเตอร์ มาร์สตัน จาก Australian National University คาดว่า ปธน.ไบเดน น่าจะออกมาประกาศแนวคิดริเริ่มทางเศรษฐกิจอื่น ๆ เพิ่มเติมในปี 2023 พร้อมทั้งบอกว่าด้วยว่า แม้ IPEF จะดูเป็นการเคลื่อนไหวเรื่องเชิงสัญลักษณ์มากกว่า การที่สมาชิกอาเซียน 7 ประเทศเข้าร่วมด้วยแสดงให้เห็นว่า การมีส่วนร่วมในภูมิภาคนี้ของสหรัฐฯ ยังคงเป็นเรื่องที่ประเทศต่าง ๆ สนใจอยู่มาก

ข้อมูลจากเอกสาร 2022 ASEAN Investment Report ชี้ว่า รัฐบาลกรุงวอชิงตันนั้นเป็นผู้นำด้านการลงทุนในภูมิภาคนี้ ด้วยเม็ดเงินที่เพิ่มขึ้น 41% มาที่ระดับ 40,000 ล้านดอลลาร์ในปี ค.ศ. 2021 ขณะที่ การลงทุนของจีนพุ่งสูงถึง 96% มาที่เกือบ 14,000 ล้านดอลลาร์ในปีเดียวกัน

ในประเด็นนี้ มาร์สตันมองว่า แม้สหรัฐฯ จะยังเป็นผู้นำในด้านการลงทุนในอาเซียน ภูมิภาคนี้กำลังกลายมาเป็นเป้าหมายการแข่งขันจากหลายขั้วเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว

พร้อมทั้งนอกเหนือจากความพยายามของกรุงวอชิงตันพร้อมทั้งกรุงปักกิ่งในการแย่งชิงความเป็นผู้มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจแล้ว นักวิเคราะห์บอกว่า ยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่ต้องจับตามองกันด้วย

อลัน หยาง ศาสตราจารย์จาก National Changchi University ในไต้หวัน บอกกับ วีโอเอ ภาคภาษาจีนกลางว่า ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บางประเทศกังวลว่า การที่ ส.ส.แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เยือนไต้หวันเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนั้นอาจเป็นจุดที่ทำให้จีนดำเนินการทางทหารมากขึ้น

ส่วน เคอร์แลนต์ซิค จาก Council on Foreign Relations บอกว่า การที่จีนเดินหน้าสั่งสมกำลังทหารในทะเลจีนใต้ พร้อม ๆ กับการที่กรุงวอชิงตันพยายามปิดกั้นจีนไม่ให้เข้าถึงชิปเซมิคอนดักเตอร์ล้ำสมัย ก็เป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงการเผชิญหน้าที่หนักหน่วงขึ้นระหว่างสองมหาอำนาจ ขณะที่ ประเด็นไต้หวันน่าจะเป็นเรื่องที่ต้องกังวลกันมากที่สุดในปีหน้าที่จะมาถึง

เคอร์แลนต์ซิค กล่าวสรุปว่า “สหรัฐฯ พร้อมทั้งจีนต่างกำลังเข้ามาร่วมวงกับไต้หวันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนอาจมุ่งไปสู่ความน่าจะเป็นที่จะกลายมาเป็นประเด็นขัดแย้งได้แล้ว”

 

ที่มา: วีโอเอ