ข่าวด่วนวันนี้
thailandtvhd.com
“สมศักดิ์” จับมือ อสส.บังคับใช้ ก.ม.ยาเสพติด หวังยึดทรัพย์ได้มากขึ้น
สหรัฐฯ ส่งบี-52 บินเหนือคาบสมุทรเกาหลี ตอบโต้โสมแดงยิงขีปนาวุธ
กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เครื่องบินของสหรัฐฯ พร้อมทั้งเกาหลีใต้ ร่วมซ้อมปฏิบัติการทางทหารที่เรียกว่า “การขยายการป้องปราม” ต่อเกาหลีเหนือ ซึ่งจัดขึ้นในเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันตนเองทางอากาศของเกาหลีใต้ ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะเจจู
ถือเป็นการแสดงแสนยานุภาพทางการทหารครั้งล่าสุดของชาติพันธมิตรสองประเทศนี้ เพื่อตอบโต้ต่อท่าทีคุกคามพร้อมทั้งการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือที่มีจำนวนครั้งมากที่สุดในปีนี้
เมื่อเดือนที่แล้ว เจ้าหน้าที่ทหารของสหรัฐฯ พร้อมทั้งเกาหลีใต้ บรรลุความตกลงเพิ่มศักยภาพของของสหรัฐฯ ในการร่วมปกป้องด้านความปลอดภัยต่อเกาหลีใต้ รวมถึงการเพิ่มปฏิบัติการซ้อมรบร่วมกันพร้อมทั้งประจำการยุทโธปกรณ์ด้านยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้ รวมถึง เครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกล พร้อมทั้งเรือบรรทุกเครื่องบิน
ในแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุถึงความตกลงดังบอกว่า “สหรัฐฯ พร้อมทั้งเกาหลีใต้จะยังคงเพิ่มปฏิบัติการทางทหารร่วมกัน เพื่อตอบโต้ต่อภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์พร้อมทั้งขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือ”
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ เกาหลีเหนือเพิ่งทดสอบยิงขีปนาวุธวิถีโค้งพิสัยกลางสองลูก ซึ่งพบว่าเป็นส่วนหนึ่งของ “การทดสอบขั้นสุดท้ายครั้งความสำคัญ” ซึ่งจะทำให้กรุงเปียงยางสามารถส่งดาวเทียมสอดแนมดวงแรกขึ้นไปโคจรรอบโลกได้ในเร็ววันนี้
สื่อของทางการเกาหลีเหนือยังได้เผยแพร่รูปภาพประกอบรายงานการทดสอบขีปนาวุธดังกล่าว แสดงให้เห็นภาพขาวดำความละเอียดต่ำของกรุงโซลพร้อมทั้งเมืองอินชอนในเกาหลีใต้ พร้อมพบว่าเป็นภาพที่ถ่ายจากดาวเทียมตัวอย่างซึ่งถูกนำมาใช้ในการทดสอบครั้งนี้
สื่อแห่งนี้ยังระบุในรายงานด้วยว่า การทดสอบที่เกิดขึ้นมีจุดประสงค์ที่จะ “ประเมินความสามารถของการถ่ายภาพด้วยดาวเทียม พร้อมทั้งระบบส่งถ่ายข้อมูล พร้อมทั้งระบบควบคุมภาคพื้นดินด้วย” พร้อมทั้งว่า การเตรียมการสำหรับดาวเทียมสอดแนมนั้นจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนเมษายนของปีหน้า โดยอ้างข้อมูลจากสำนักงานพัฒนากิจการด้านอวกาศแห่งชาติของเกาหลีเหนือ
เดฟ ชเมร์เลอร์ นักวิจัยอาวุโสจาก James Martin Center for Nonproliferation Studies ในกรุงวอชิงตัน ให้ความเห็นว่า ความละเอียดของภาพถ่ายดาวเทียมดังกล่าวนั้นต่ำกว่าภาพถ่ายดาวเทียมเชิงพาณิชย์ที่มีอยู่ทั่ว ๆ ไป แต่นี่ก็เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า เกาหลีเหนือนั้นกำลังดำเนินโครงการพัฒนาในด้านนี้อยู่แน่ ๆ
พร้อมทั้งในวันอังคาร คิม โย จอง เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือ พร้อมทั้งน้องสาวของผู้นำสูงสุด คิม จอง อึน เผยแพร่บทบรรณาธิการที่กล่าวจู่โจมนักวิเคราะห์เกาหลีใต้ที่ตั้งคำถามถึงความก้าวหน้าของโครงการดาวเทียมสอดแนมของเกาหลีเหนือ โดยเปรียบบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารเหล่านั้นเป็น “นกกระจอกที่พูดไม่หยุด” “อันธพาลทางการทหาร” พร้อมทั้ง “ผู้เชี่ยวชาญหุ่นเชิด” รวมทั้งอ้างว่า เกาหลีเหนือสามารถถ่ายภาพดาวเทียมที่มีความละเอียดสูงได้ทันทีหากต้องการ
คิม โย จอง กล่าวด้วยว่า เร็ว ๆ นี้เกาหลีเหนืออาจทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลในวิถีโคจรแบบปกติซึ่งต่างจากที่เคยทดสอบมาครั้งก่อน ๆ ที่มักเป็นแบบวิถีโค้งชันเพื่อหลีกเลี่ยงการบินต่ำผ่านประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ วิถีการโคจรแบบปกตินั้นอาจถือเป็นการยั่วยุมากกว่าเดิมเพราะอาจมีทิศทางที่มุ่งไปยังดินแดนของสหรัฐฯ โดยตรง พร้อมทั้งยังอาจเป็นการแสดงให้เห็นว่ากรุงเปียงยางได้พัฒนาเทคโนโลยีด้านขีปนาวุธก้าวหน้าไปอีกขั้น ซึ่งรวมถึงการพัฒนาจรวดที่สามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์จู่โจมเป้าหมายระยะไกลด้วย
ที่มา: วีโอเอ
ทัพเรือศรีลังกาช่วยชีวิตชาวโรฮีนจาลอยกลางทะเลกว่า 100 ชีวิต
กองทัพเรือศรีลังกาพบเรือดังกล่าวลอยอยู่ห่างจากฝั่งราว 3.5 ไมล์ทะเล จากนั้นได้ส่งเรือของกองทัพไปลากเรือนั้นเข้ามายังท่าเรือทางภาคเหนือประเทศ แล้วส่งมอบเรื่องต่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไป จากการเปิดเผยของโฆษกกองทัพเรือศรีลังกา นาวาเอก กายาน วิกกรัมสุริยา ต่อสำนักข่าวนานาชาติรอยเตอร์
แถลงการณ์ของกองทัพเรือศรีลังกาพบว่า มีพลเมืองเมียนมาร์ 104 คนบนเรือลำเล็กนั้นซึ่งเชื่อว่าเดินทางมาจากเมียนมาร์พร้อมทั้งมุ่งหน้าไปยังอินโดนีเซียแต่ประสบปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้องในขณะที่กำลังเกิดคลื่นลมแรงทำให้ต้องลอยโดยไร้จุดหมาย
โฆษกกองทัพเรือศรีลังกาเผยว่า มีสตรี 39 คน พร้อมทั้งเด็ก 23 คนบนเรือดังกล่าว พร้อมทั้งมีชายวัย 80 ปีหนึ่งคน สตรี 1 คนพร้อมทั้งบุตรของเธออีก 2 คนที่ต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเนื่องจากอาการป่วย
ในแต่ละปี มีชาวโรฮีนจาจำนวนมากที่หลบหนีความรุนแรงในเมียนมาร์พร้อมทั้งความยากลำบากในค่ายผู้ลี้ภัยที่ชายแดนบังกลาเทศ ด้วยการลงเรือไม้เก่า ๆ เพื่อหาทางไปยังประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มาเลเซียพร้อมทั้งอินโดนีเซีย
จำนวนผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจายิ่งเพิ่มขึ้นในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา เนื่องจากเหตุรัฐประหารในเมียนมาร์พร้อมทั้งสภาพความเป็นอยู่ตามค่ายผู้ลี้ภัยที่ย่ำแย่ลง
ทั้งนี้ เมื่อปี 2018 มีชาวโรฮีนจามากกว่า 730,000 คนหลบหนีออกจากเมียนมาร์ไปยังชายแดนบังกลาเทศสืบเนื่องจากการปราบปรามชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในเมียนมาร์ พร้อมทั้งมีรายงานการสังหารหมู่ ทำทรมาน รวมทั้งข่มขืนสตรีชาวโรฮีนจาจำนวนมาก
ที่มา: รอยเตอร์
แชมป์โลกกลับบ้าน! ชาวอาร์เจนฯ แห่ต้อนรับสุดยิ่งใหญ่
ลีโอเนล เมสซี กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินาพร้อมทั้งนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำฟุตบอลโลกที่กาตาร์ เดินลงจากเครื่องบินพร้อมชูถ้วยฟุตบอลโลกให้ประชาชนให้ยลโฉม ก่อนที่สมาชิกในทีมพร้อมทั้งคณะเจ้าหน้าที่ต่างขึ้นรถบัสเปิดประทุนเพื่อแห่ถ้วยรางวัลอันยิ่งใหญ่นี้ขณะมุ่งหน้าไปตามท้องถนนในเมืองหลวงของอาร์เจนตินา
นักเตะทีมฟ้าขาวที่ต่างมีเหรียญรางวัลคล้องคอผลัดกันชูถ้วยพร้อมทั้งโบกมือให้แฟนฟุตบอลที่มารอรับ ท่ามกลางแสงแฟลชจากโทรศัพท์มือถือหลายพันเครื่องพร้อมเสียงตะโกนร้องรำทำเพลง เสียงกลองพร้อมทั้งเสียงพลุตลอดเส้นทางที่รถบัสแล่นผ่านไป
ฮีโร่ทัพนักเตะฟ้าขาวหยุดพักที่อาคารสมาคมฟุตบอลอาร์เจนตินาไม่ไกลจากสนามบิน จากนั้นจะเดินทางต่อไปยังอนุสาวรีย์โอเบลิโซ ในย่านใจกลางกรุงบัวโนสไอเรส เพื่อเฉลิมฉลองแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่สามกับประชาชนจำนวนหลายแสนคนที่นั่น
ในวันอังคาร เมสซีทักทายประชาชนอาร์เจนตินาผ่านทางอินสตาแกรมด้วยการโพสต์รูปภาพของตนนอนกอดถ้วยฟุตบอลโลกสีทองพร้อมข้อความว่า “สวัสดีตอนเช้า”
ทีมชาติอาร์เจนตินา นำโดยซูเปอร์สตาร์ลูกหนังแห่งยุค ลีโอเนล เมสซี คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก กาตาร์ 2022 ได้สำเร็จ เมื่อสามารถยิงลูกจุดโทษเอาชนะฝรั่งเศส 4-2 หลังจากเสมอกันอย่างดุเดือด 3-3 ในช่วง 120 นาทีรวมต่อเวลาพิเศษ เมื่อวันอาทิตย์
ถือเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 3 ของอาร์เจนตินาพร้อมทั้งเป็นครั้งแรกในรอบ 36 ปี รวมทั้งยังเป็นแชมป์สมัยแรกของเมสซี ที่ทำให้เขาสามารถก้าวขึ้นไปยืนในจุดเดียวกับตำนานนักเตะจากชาติเดียวกันอย่าง มาราโดนา ได้
ที่มา: รอยเตอร์