ข่าวด่วนวันนี้
thailandtvhd.com
2 ราศีดวงดีขั้นสุด หมอลักษณ์เผย ทำมาค้าขึ้น หยิบจับอะไรรวยๆ
ฆ่าได้ หยามไม่ได้ “พิม” เตรียมอัดความปากแจ๋วของ “กิ๊ฟ” ใน “ดงดอกไม้”
ไทม์ไลน์ ร.ล.สุโขทัย เครื่องขัดข้องน้ำทะลัก จมทะเลนอกฝั่งประจวบคีรีขันธ์
ไม่มือเปล่าแล้ว “ทีมชาติอังกฤษ” ได้รางวัลสำคัญจากศึกฟุตบอลโลก 2022
แรงล้ำหน้าไปอีกขั้น “Toyota Gazoo Racing Team”นำรถ e-fuel พร้อมทั้งพลังงานไฮโดรเจน สร้างประวัติศาสตร์
ซากหนอนทะเลอายุ 455 ล้านปี พบในโมร็อกโก
“ฟาร์มผึ้งกลางเมือง” หนทางช่วยแมลง สิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งแหล่งอาหารโลก
วิลเลียม ฮาห์น ศาสตราจารย์คุณวุฒิด้านชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ในกรุงวอชิงตัน กล่าวด้วยเหตุผลข้างต้น การทำฟาร์มผึ้งพันธุ์ตะวันตก (Western honeybee) ที่ถูกนับว่าเป็นสัตว์ที่มีเกษตรกรนำมาเลี้ยงอยู่บ้างมักจะถูกเลี้ยงในกล่อง เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยรักษาให้จำนวนประชากรผึ้งของโลกไม่ลดลงเหมือนประชากรผึ้งที่ใช้ชีวิตอยู่ตามธรรมชาติ
ศาสตราจารย์ฮาห์น เล่าย้อนให้ฟังถึงความสนใจของเขาในการเลี้ยงผึ้ง ว่า “แรกเริ่มมีเพื่อนร่วมงานที่สนใจการเลี้ยงผึ้งในเมือง (urban beekeeping) เลยได้ทดลองเลี้ยงผึ้งหนึ่งรัง แต่ปรากฏว่า ในปีแรกประสบความล้มเหลว ก่อนที่จะเลี้ยงได้สำเร็จในช่วงไม่กี่ปีหลังจากนั้น”
ทั้งนี้ ผึ้งพันธุ์ตะวันตก คือ ผึ้งน้ำหวาน (Honeybees) ที่คาดว่า น่าจะถูกนำเข้ามายังสหรัฐฯ จากทวีปยุโรปเป็นครั้งแรกในช่วงราวปี 1622
ศาสตราจารย์ฮาห์น อธิบายว่า กล่องเลี้ยงผึ้งที่ใช้นั้นประกอบด้วยกล่องทึบที่มีตะแกรงมุ้งลวดวางอยู่ข้างใต้ เพื่อใช้ระบายอากาศ พร้อมทั้งป้องกันไม่ให้น้ำผึ้งถูกขโมยไป พร้อมทั้งในบางช่วงของปีที่ผึ้งไม่สามารถหาน้ำหวานจากเกสรดอกไม้มาเก็บไว้ในรังได้ พวกมันก็จะไปขโมยน้ำหวานจากนิคมผึ้งอื่น ๆ ที่อ่อนแอกว่ามาเก็บไว้ในรังแบบกล่องนี้ที่มีการปกป้องคุ้มครองได้ดีกว่าแทน
สำหรับในสหรัฐฯ การที่ประชากรผึ้งทำการผสมเกสร ถือว่ามีประโยชน์มากกว่าเพียงแค่การผลิตน้ำผึ้งออกมา
ในส่วนของโครงสร้างภายในรังผึ้งแบบกล่องนี้ จะมีของเหลวลักษณะเหนียว ที่เรียกกันว่า กาวผึ้ง (propolis) ซึ่งเป็นยางไม้ที่ผึ้งเก็บมาเพื่อใช้สร้างตัวรังสำหรับกักเก็บน้ำผึ้ง ส่วนน้ำผึ้งที่ได้จากหลอดรวงที่ปิดแล้วจะเรียกว่า “capped honey” เป็นส่วนที่คนเราสามารถรับประทานได้ด้วย
ในส่วนวรรณะของผึ้งภายในนิคมหนึ่ง ๆ นั้นจะประกอบด้วย ผึ้งงาน ผึ้งตัวผู้ พร้อมทั้งผึ้งนางพญา โดยผึ้งตัวผู้จะมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าผึ้งงาน พร้อมทั้งพวกมันมีหน้าที่เพียงอย่างเดียว คือ การผสมพันธุ์กับผึ้งนางพญา พร้อมทั้งเมื่อทำหน้าที่นั้นเสร็จสมบูรณ์ ผึ้งตัวผู้จะตายลงทันที
ศาสตราจารย์ฮาห์น บอกว่า จำนวนของผึ้งแต่ละวรรณะจะแตกต่างกันออกไป โดยในแต่ละนิคมผึ้งมักมีผึ้งนางพญาเพียงตัวเดียว มีผึ้งงานจำนวนมากกว่า 40,000 ตัว ส่วนจำนวนของผึ้งตัวผู้จะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของปี โดยภายในรังอาจจะมีหลายพันตัวหรืออาจจะไม่มีสักตัว ก็เป็นไปได้
ในภาวะที่ปกติ ผึ้งนางพญาที่มีความสมบูรณ์ จะทำการวางไข่พร้อมทั้งหลั่งสารฟีโรโมนเพื่อสื่อสารกับสมาชิกภายในรัง เมื่อผึ้งตัวอื่น ๆ รับรู้ได้ถึงความเป็นปกติ ก็จะทำหน้าที่ของตนต่อไป ซึ่งรวมถึงการปกป้องรังของตนเองจากผู้บุกรุกพร้อมทั้งศัตรูผึ้ง
ศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาท่านนี้ให้ความเห็นทิ้งท้ายว่า ในภาพรวมระดับโลกนั้น แมลงผสมเกสรที่อยู่กันเป็นกลุ่มนั้นกำลังเผชิญกับปัญหาจำนวนที่ลดลงอยู่จริง แต่ผึ้งพันธุ์ตะวันตกที่มีเกษตรกรเลี้ยงกันอยู่ทั่วไม่ได้รอดพ้นจากภัยคุกคามทั้งหมดเสียทีเดียว เพียงแต่ปัญหาต่าง ๆ นั้นเป็นเรื่องคล้าย ๆ กับการทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์ทั่ว ๆ ไป เช่น ปัญหาจากพร้อมทั้งศัตรูที่ล่าผึ้งเป็นอาหาร รวมทั้ง เรื่องเชื้อโรค ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องจัดการให้ได้เท่านั้นเอง
ที่มา: วีโอเอ
ยูเอ็นชี้ 1 ใน 3 ของธารน้ำแข็งหลักของโลกจะอันตรธานภายในปี 2050
การศึกษาที่ได้รับการเผยแพร่ออกมาเมื่อไม่นานมานี้ ทำขึ้นโดยองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ พร้อมทั้งวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ภายใต้ความร่วมมือกับสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) โดยการวิจัยนี้มุ่งศึกษาธารน้ำแข็งในแหล่งมรดกโลก 50 แห่งขององค์การยูเนสโก
แหล่งมรดกโลกดังกล่าวเป็นที่ตั้งของธารน้ำแข็ง 18,600 แห่ง ครอบคลุมระยะทางประมาณ 66,000 กิโลเมตร พร้อมทั้งคิดเป็นอัตราส่วนเกือบ 10% ของธารน้ำแข็งบนโลก
นักวิจัยบอกว่า ธารน้ำแข็งตามแหล่งมรดกโลกเหล่านี้ได้ละลายหายไปอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปี 2000 เนื่องจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่ทำให้อุณหภูมิโลกที่อุ่นขึ้น
นอกจากนี้ นักวิจัยยังมีรายงานว่า ปัจจุบันธารน้ำแข็งดังกล่าวสูญเสียน้ำแข็งปีละ 58,000 ล้านตัน หรือเทียบเท่ากับปริมาณน้ำที่ประเทศฝรั่งเศสพร้อมทั้งสเปนใช้รวมกันในปีหนึ่ง ๆ ซึ่งมีส่วนที่ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 5% อีกด้วย
ทั้งนี้ ธารน้ำแข็งในแหล่งมรดกโลกนั้น รวมไปถึงธารน้ำแข็งที่สูงที่สุดในโลก ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับยอดเขาเอเวอเรสต์ในเทือกเขาหิมาลัย ที่เขตพรมแดนของประเทศเนปาลพร้อมทั้งจีน นอกจากนี้ ยังมีธารน้ำแข็งที่ยาวที่สุดที่พบในอลาสกา พร้อมทั้งธารน้ำแข็งสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ของแอฟริกา ซึ่งรวมถึงอุทยานแห่งชาติคิลิมันจาโรพร้อมทั้งภูเขาเคนยา ส่วนธารน้ำแข็งในยุโรปพร้อมทั้งละตินอเมริกาก็ดูเหมือนว่ากำลังจะละลายหายไปด้วยเช่นกัน
รายงานการศึกษานี้มีข้อสรุปว่า ธารน้ำแข็งในแหล่งมรดกโลกมีแนวโน้มที่จะละลายหายไปในอีก 28 ปีข้างหน้า แม้ว่าจะมีความพยายามในการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิก็ตาม โดยนักวิจัยกล่าวด้วยว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่จะรักษาธารน้ำแข็งในพื้นที่ 2 ใน 3 ที่เหลือไว้ได้ หากอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม
นอกจากการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนลงอย่างมากแล้ว ยูเนสโกยังสนับสนุนให้มีการจัดตั้งกองทุนระหว่างประเทศเพื่อการเฝ้าระวังพร้อมทั้งอนุรักษ์ธารน้ำแข็งอีกด้วย โดยกองทุนดังกล่าวจะทำหน้าที่ให้การสนับสนุนงานวิจัยที่มีเนื้อหาครอบคลุมกว้างขวาง พร้อมทั้งเป็นหน่วยงานส่งเสริมเครือข่ายการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด รวมทั้ง ทำหน้าที่ดำเนินมาตรการเตือนภัยล่วงหน้าพร้อมทั้งลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติด้วย
รายงานนี้ได้รับการเผยแพร่ออกมาเพียงสามวันก่อนการประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศแห่งสหประชาชาติ (COP27) ที่เมืองชาร์ม เอล-ชีค ประเทศอียิปต์ ซึ่ง ออเดรย์ อาซูเลย์ (Audrey Azoulay) ผู้อำนวยการใหญ่ของยูเนสโกบอกว่า รายงานดังกล่าว “เป็นการเรียกร้องให้มีการดำเนินการในเรื่องนี้” พร้อมทั้งเธอได้ทวีตข้อความออกมาว่า “มีเพียงการลดระดับการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลงอย่างรวดเร็วเท่านั้นที่จะสามารถช่วยธารน้ำแข็งพร้อมทั้งความหลากหลายทางชีวภาพอันแสนพิเศษซึ่งต้องพึ่งพาธารน้ำแข็งเหล่านั้น”
ที่มา: รอยเตอร์
อุปทานเมล็ดธัญพืช-เมล็ดพืชน้ำมันตึงตัวจ่อดันภาวะเงินเฟ้ออาหารพุ่ง
ในเวลานี้ มีการคาดการณ์ว่า ผลผลิตทางการเกษตร เช่น ข้าวพร้อมทั้งข้าวสาลี น่าจะไม่ออกมามากเพียงพอที่จะเติมเต็มพื้นที่ในคลังสินค้าที่ร่อยหรอลงไปได้ อย่างน้อยในช่วงครึ่งแรกของปี ค.ศ. 2023 ขณะที่ พืชผลที่ใช้ในการผลิตน้ำมันสำหรับการบริโภคก็กำลังเผชิญกับปัญหาสภาวะอากาศที่ไม่เป็นใจในแถบละตินอเมริกาพร้อมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่
โอเล ฮูอี ผู้อำนวยการแผนกให้คำปรึกษาจาก IKON Commodities ซึ่งเ ป็นบริษัทนายหน้าซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรในนครซิดนีย์ ออสเตรเลีย ให้ความเห็นว่า ความต้องการของตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์พืชผลต่าง ๆ ยังมีอยู่สูงกว่าอุปทาน ขณะที่ สถานการณ์โดยรวมยังดูไม่ดี โดยเฉพาะในส่วนของเมล็ดธัญพืชพร้อมทั้งเมล็ดพืชน้ำมัน
ในเวลาเดียวกัน ราคาข้าวสาลี ข้าวโพด พร้อมทั้งน้ำมันปาล์ม ในตลาดซื้อขายล่วงหน้าปรับลดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว แต่ยังคงถือว่าแพงอยู่ในตลาดค้าปลีก โดยภาวการณ์อุปทานตึงตัวในปีหน้าน่าจะทำให้ราคาของผลิตภัณฑ์เหล่านี้อยู่ในระดับสูงต่อไปด้วย
ทำไมเรื่องนี้จึงเป็นประเด็นสำคัญ
ราคาอาหารที่พุ่งไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อไม่นานมานี้ทำให้ประชาชนทั่วโลกต้องประสบปัญหาความทุกข์ยากถ้วนหน้า โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศยากจนในทวีปแอฟริกาพร้อมทั้งทวีปเอเชียที่เผชิญภาวะอดอยากพร้อมทั้งภาวะทุพโภชนาการอยู่แล้ว
ในปีนี้ ต้นทุนการนำเข้าอาหารทั่วโลกยังปรับขึ้นจนใกล้ถึงระดับสูงสุดที่เกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์ จนทำให้ประเทศที่มีฐานะยากจนต้องลดการบริโภคลงอย่างมากด้วย
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ราคาข้าวสาลีที่ตลาดซื้อขายล่วงหน้าชิคาโกปรับขึ้นไปถึง 13.64 ดอลลาร์ต่อ 1 บุชเชล (bushel) ซึ่งเป็นราคาที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา หลังรัสเซียส่งกองทัพรุกรานยูเครนซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกธัญพืชหลักรายหนึ่งของโลก พร้อมทั้งส่งผลให้ปริมาณผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในตลาดหดตัวลงจากที่หดหายไปก่อนหน้าเพราะปัญหาสภาวะอากาศไม่เป็นใจพร้อมทั้งผลกระทบจากมาตรการจำกัดต่าง ๆ หลังการผ่อนคลายการควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรน่า-19
นอกจากนั้น ราคาข้าวโพดพร้อมทั้งถั่วเหลืองก็ไต่ขึ้นมาถึงระดับสูงที่สุดในรอบทศวรรษด้วย ขณะที่ ราคาน้ำมันปาล์มในตลาดอ้างอิงของมาเลเซียปรับขึ้นไปถึงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมีนาคมเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ราคาข้าวสาลีได้ลดลงมาจนถึงระดับเดียวกับที่มีการซื้อขายก่อนเกิดสงครามในยูเครน พร้อมทั้งราคาน้ำมันปาล์มก็ลดลงไปถึงราว 40% ท่ามกลางความกลัวเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย รวมทั้งผลกระทบจากมาตรการจำกัดเนื่องจากการควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรน่า-19 ในประเทศจีน พร้อมทั้งการยืดระยะเวลาของข้อตกลงระเบียงทะเลดำ (Black Sea corridor) เพื่อเปิดทางให้ยูเครนกลับมาส่งออกธัญพืชได้อีกครั้ง
มองไปข้างหน้า ปี 2023
ปัญหาน้ำท่วมในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวสาลีที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก สร้างความเสียหายอย่างกว้างขวางต่อพืชผลซึ่งกำลังพร้อมที่จะมีการเก็บเกี่ยวพอดี ขณะที่ มีการคาดการณ์ว่า ภาวะแล้งจัดในอาร์เจนตินาจะทำให้ผลผลิตข้าวสาลีของประเทศหดหายได้ถึงเกือบ 40% ด้วย
สถานการณ์ทั้งหมดที่ว่านี้น่าจะทำให้ปริมาณข้าวสาลีในตลาดโลกลดลงอย่างมากในช่วงครึ่งแรกของปี ค.ศ. 2023
ยิ่งไปกว่านั้น สภาพฝนขาดช่วงในพื้นที่ลุ่มของสหรัฐฯ ซึ่งกำลังมีปัญหาอัตราการเพาะปลูกพืชฤดูหนาวลดถึงระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012 มา อาจทำให้อุปทานข้าวสาลีในช่วงครึ่งหลังของปีหน้ามีปัญหาหนักขึ้นอีกได้
ในส่วนของผลิตภัณฑ์ข้าวนั้น ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ราคาน่าจะยังอยู่ในระดับสูงต่อไป ตราบเท่าที่ภาษีส่งออกที่อินเดีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก ประกาศเรียกเก็บเมื่อต้นปีนี้ยังคงมีผลใช้งานต่อไป
ตัวแทนจากบริษัทผู้ค้าผลิตภัณฑ์การเกษตรแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ให้ความเห็นว่า “ปริมาณข้าวจากประเทศผู้ส่งออกส่วนใหญ่อยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ ยกเว้นเฉพาะอินเดียซึ่งเรียกเก็บภาษีส่งออกเพื่อลดปริมาณการจำหน่ายลง” พร้อมทั้งว่า “หากเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันในส่วนการผลิตของประเทศผู้ส่งออกหรือผู้นำเข้าลำดับต้น ๆ ขึ้น ทิศทางของราคาตลาดก็อาจมีการเหวี่ยงขึ้นได้”
สำหรับข้าวโพดพร้อมทั้งถั่วเหลืองนั้น ภาพรวมในอเมริกาใต้ยังดูสดใสสำหรับฤดูเก็บเกี่ยวในช่วงต้นปี 2023 แม้ว่า ภาวะอากาศแห้งในบางพื้นที่ของบราซิล ซึ่งเป็นผู้ส่งออกถั่วอันดับต้นของโลก อาจทำให้มีผู้รู้สึกกังวลอยู่บ้าง
ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ พบว่า ปริมาณอุปทานผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรหลัก ๆ ซึ่งรวมถึง ข้าวโพด ถั่วเหลือง พร้อมทั้งข้าวสาลี น่าจะคงตึงตัวอยู่ตลอดปีหน้า โดยมีการคาดว่า อุปทานข้าวโพดจะลดลงถึงระดับต่ำสุดในรอบทศวรรษก่อนฤดูการเก็บเกี่ยวปี 2023 ขณะที่ สต็อคของถั่วเหลืองปรับลงไปถึงจุดต่ำสุดในรอบ 7 ปีแล้ว พร้อมทั้งกระทรวงฯ ประเมินว่า สต็อคของข้าวสาลีในช่วงสิ้นปีน่าจะลดลงถึงระดับต่ำสุดในรอบ 15 ปี
ส่วนน้ำมันปาล์ม ซึ่งเป็นน้ำมันสำหรับบริโภคที่มีผู้บริโภคมากที่สุดในโลก ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนหลายลูกที่พัดผ่านเข้าพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีปัญหาต้นทุนสูงจนเกษตรกรลดการใช้ปุ๋ยลงไปแล้ว
พร้อมทั้งถึงแม้ราคาธัญพืชพร้อมทั้งเมล็ดธัญพืชที่สูงอยู่เป็นปัจจัยที่ทำให้เกษตรกรในบางประเทศ เช่น อินเดีย จีน พร้อมทั้งบราซิล หันมาปลูกพืชกลุ่มนี้มากขึ้น โอเล ฮูอี ผู้อำนวยการแผนกให้คำปรึกษาจาก IKON Commodities เชื่อว่า ปริมาณผลผลิตยังไม่น่าจะปรับขึ้นมาก เนื่องจากสภาวะอากาศที่ไม่เอื้อพร้อมทั้งปัจจัยกดดันอื่น ๆ พร้อมทั้งชี้ว่า “การผลิตนั้นยังไม่น่าจะสูงเพียงพอที่จะมาเติมเต็มอุปทานที่หดหายไปได้”
ที่มา: วีโอเอ