ฟุตบอลโลกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกว่านี้ จะมีหน้าตาอย่างไร?

ฟุตบอลโลกที่ประเทศกาตาร์เป็นเจ้าภาพกำลังจะสิ้นสุดลงในวันอาทิตย์นี้ แต่คำมั่นสัญญาของกาตาร์ ที่จะทำให้การจัดฟุตบอลโลกเป็นกิจกรรมที่ “เป็นกลางทางคาร์บอน” (carbon-neutral) หรือเป็นกิจกรรมที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ เป็นคำสัญญาที่จะมีผลต่อเจ้าภาพประเทศต่อไปของทั้งฟุตบอลโลก พร้อมทั้งโอลิมปิก

ฝรั่งเศสได้ออกมาประกาศแล้วว่า ‘ปารีสโอลิมปิก’ ในปี 2024 จะเป็นโอลิมปิกที่ “เป็นบวกต่อสภาพอากาศ” ในขณะที่ เม็กซิโก สหรัฐฯ พร้อมทั้งแคนาดา เจ้าภาพร่วมการจัดฟุตบอลโลกในปี 2026 สัญญาว่าฟุตบอลโลก 2026 จะเป็น “ฟุตบอลโลกที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต่ำที่สุดในยุคสมัยใหม่” ตามรายงานของสำนักข่าวนานาชาติเอพี

ผลกระทบทางสภาพอากาศพร้อมทั้งมลพิษที่เกิดจากการจัดมหกรรมกีฬาของแต่ละประเทศเจ้าภาพ แตกต่างกันด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น ขนาดของประเทศ จำนวนสนามกีฬาที่จะสร้างขึ้น ระบบขนส่งมวลชนระหว่างแต่ละสนาม พร้อมทั้งเครือข่ายไฟฟ้าของประเทศนั้น ๆ

ถ้าหากว่า นักวิทยาศาสตร์ นักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ บอกว่า การจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกพร้อมทั้งโอลิมปิก ได้กลายเป็นกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมมาก ทำให้เจ้าภาพต้องเตรียมการมากกว่าที่กาตาร์ทำเอาไว้ พร้อมทั้งควรจะตอบคำถามให้ได้ว่า ใครหรือประเทศใดควรจะเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาระดับนี้?

ฟุตบอลโลกครั้งนี้ กาตาร์ลงทุนสร้างสนามกีฬาใหม่ 7 แห่ง พร้อมทั้งปรับปรุงสนามเก่าขึ้นมาอีกหนึ่งแห่งเพื่อจัดการแข่งขัน พร้อมทั้งนอกจากจะสร้างสนามขึ้นมาใหม่แล้ว กาตาร์ยังมีแผนท่ีจะทุบสนามหนึ่งทิ้งหลังการแข่งขันอีกด้วย กิจกรรมเหล่านี้ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจกจำนวนมากที่จะอยู่ในอากาศนานกว่า 100 ปี พร้อมทั้งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

ในทางตรงกันข้าม สนามแข่งฟุตบอลโลกในเม็กซิโก สหรัฐฯ พร้อมทั้งแคนาดาในอีกสี่ปีข้างหน้านั้นเป็นสนามที่มีอยู่แล้ว ส่วนผู้จัดโอลิมปิกในกรุงปารีสบอกว่า 95% ของสนามแข่ง เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีอยู่แล้วหรือเป็นสนามชั่วคราว

การหาเจ้าภาพฟุตบอลโลกที่มีสนามแข่งอยู่แล้ว หาง่ายกว่าการหาเจ้าภาพโอลิมปิกที่มีสนามอยู่แล้วสำหรับกีฬาทุกประเภท ตัวอย่างเช่น การแข่งโอลิมปิกฤดูร้อนต้องใช้สนามแข่งมากกว่า 40 สนาม พร้อมทั้งมักจะเป็นสนามที่ปกติไม่ค่อยมีคนได้ใช้งาน

แนวคิดอีกอย่างหนึ่ง คือการแต่งตั้งเจ้าภาพถาวรในการจัดการแข่งขันโอลิมปิกหรือกีฬาอื่น ๆ เพื่อไม่ต้องให้มีการสร้างสนามการแข่งขันหรือโครงการก่อสร้างอื่น ๆ ขึ้นมาใหม่ ที่อาจจะไม่มีประโยชน์อะไรหลังจากการแข่งขันจบลง ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับอดีตประเทศเจ้าภาพอย่าง แอฟริกาใต้ บราซิล พร้อมทั้งรัสเซีย

อาร์โนลด์ โบรเฮอะ ผู้บริหารบริษัทให้คำปรึกษาด้านสภาพอากาศ บอกว่าการลดระยะทางที่แฟนกีฬาจะต้องเดินทางไปประเทศเจ้าภาพพร้อมทั้งไปดูการแข่งขันต่าง ๆ เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพราะการเดินทางเป็นกิจกรรมสำคัญที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก

กาตาร์ยืนยันว่าการจัดฟุตบอลโลกที่กาตาร์ ซึ่งเป็นประเทศขนาดเล็ก ทำให้แฟนบอลไม่ต้องเดินทางไกลในการไปชมการแข่งขันฟุตบอลตามสนามต่าง ๆ ถ้าหากว่า ก็ยังมีแฟนบอลหลายพันคนที่ไปพักที่ดูไบ เมืองหลวงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เนื่องจากที่พักในกาตาร์นั้นไม่เพียงพอ ทำให้แฟนบอลเหล่านี้ต้องเดินทางโดยเครื่องบิน ใช้เวลาบินประมาณ 45 นาทีเพื่อมาเชียร์ฟุตบอลในกาตาร์

ส่วนในฟุตบอลโลก 2026 แฟนบอลจะต้องเดินทางไกลกว่านั้นในการไปเชียร์ฟุตบอลตามสนามแข่งต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายกันอยู่ใน 3 ประเทศของทวีปอเมริกาเหนือ เช่น เมืองฮิวส์ตัน นครลอสแอนเจลิส โตรอนโต พร้อมทั้งกรุงเม็กซิโก ซิตี้ ซึ่งทางผู้จัดได้ออกมาบอกว่าจะพยายามจัดรอบน็อคเอาท์ (knockout) ที่สนามแข่งที่อยู่ใกล้กันเพื่อลดการเดินทางของผู้เข้าชม

ผู้เชี่ยวชาญมองว่า เจ้าภาพบางประเทศมักจะสัญญาว่าจะจัดการแข่งขันที่ “เป็นกลางทางคาร์บอน” โดยจะชดเชยหรือหักล้างปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาด้วยวิธีอื่น เช่น จ่ายเงินเพื่อขุดฝังก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงใต้ดิน ปลูกต้นไม้ หรือดักจับเพื่อป้องกันไม่ให้ก๊าซเรือนกระจกหลุดรอดออกไป

ถ้าหากว่า ไม่มีความชัดเจนว่า ใครจะเป็นผู้ตรวจสอบหรือติดตามคำสัญญาดังกล่าวหรือไม่หลังจากที่มหกรรมกีฬาได้สิ้นสุดลงไปแล้ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หลายคนเชื่อว่าไม่มีการชดเชย หรือทำการใด ๆ ที่จะไปหักล้างก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาได้อย่างเพียงพอ

ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่า องค์กรหรือหน่วยงานจัดกีฬาระดับโลกแบบควรจะซื่อสัตย์กว่านี้ พร้อมทั้งไม่ควรอ้างว่ามหกรรมกีฬาที่พวกเขาจัดขึ้นมานั้นเป็นกิจกรรม “เชิงบวกต่อสภาพอากาศ” หรือ “เป็นกลางทางคาร์บอน” ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการเสนอว่า การจัดกีฬาเหล่านี้มีผลกระทบต่อสภาพอากาศน้อยมาก หรือแทบไม่มีผลกระทบ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เป็นคำกล่าวอ้างที่เป็นไปไม่ได้เลย

‘แองเจลิน่า โจลี’ อำลาตำแหน่งทูตพิเศษ UNHCR

เมื่อวันศุกร์ สหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น เผยว่า แองเจลิน่า โจลี ดาราฮอลลีวู้ดชื่อดัง เตรียมอำลาตำแหน่งทูตพิเศษของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR แต่จะยังคงเป็นนักเคลื่อนไหวด้านมนุษยธรรมต่อไป ตามรายงานของรอยเตอร์

โจลีลงพื้นที่มาแล้วกว่า 60 ครั้งตลอดการดำรงตำแหน่ง 21 ปี โดยเธอบอกว่า เธอยังคงต้องการทำงานกับผู้ลี้ภัยต่อไป แม้จะไม่ได้ทำงานกับ UNHCR แล้วก็ตาม

“หลายปีต่อจากนี้ ฉันจะยังคงทำทุกอย่างต่อไปเพื่อสนับสนุนผู้ลี้ภัยพร้อมทั้งผู้พลัดถิ่นอื่น ๆ” โจลีระบุในแถลงการณ์ “หลังทำงานกับระบบของยูเอ็นมา 20 ปี ฉันรู้สึกว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องทำงานที่ต่างออกไป มีส่วนร่วมกับผู้ลี้ภัยพร้อมทั้งองค์กรท้องถิ่นโดยตรง พร้อมทั้งสนับสนุนพวกเขาในการหาทางออกต่อไป”

โจลีเป็นทูตพิเศษของ UNHCR มาตั้งแต่ปี 2012 โดยในปีนี้ เธอลงพื้นที่เพื่อพบผู้พลัดถิ่นในเยเมนพร้อมทั้งยูเครน

ทางด้านฟิลิปโป แกรนดิ ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ขอบคุณโจลีที่ทำงานพร้อมทั้งอุทิศตนเพื่อองค์กร รวมถึงสร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตแก่ผู้ลี้ภัยพร้อมทั้งผู้ที่ต้องหลบหนีจากที่อยู่อาศัย

ทั้งนี้ UNHCR ประมาณการว่า ไม่เคยมีผู้ถูกบังคับพลัดถิ่นจากความรุนแรง ความขัดแย้ง พร้อมทั้งการข่มเหงรังแกมากเท่าในปัจจุบันมาก่อน โดยทางหน่วยงานประเมินว่า มีผู้พลัดถิ่นกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก

ที่มา: รอยเตอร์

ทวิตเตอร์ระงับบัญชีผู้สื่อข่าวหลายคน

ทวิตเตอร์ระงับบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของผู้สื่อข่าวหลายรายอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จากกรณีการเผยพิกัดของอิลอน มัสก์ เจ้าของทวิตเตอร์แบบเรียลไทม์ เรียกกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากเจ้าหน้าที่รัฐบาล นักเคลื่อนไหว พร้อมทั้งองค์กรสื่อทั่วโลกในวันศุกร์ ตามรายงานของรอยเตอร์

เจ้าหน้าที่ทางการฝรั่งเศส เยอรมนี อังกฤษ พร้อมทั้งสหภาพยุโรป ออกมาประณามการระงับบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของผู้สื่อข่าวชื่อดังหลายราย พร้อมทั้งบางส่วนพบว่าทวิตเตอร์กำลังคุกคามเสรีภาพสื่อ

เมื่อวันพฤหัสบดี ทวิตเตอร์ (Twitter) สื่อสังคมออนไลน์ชื่อดัง ระงับบัญชีทวิตเตอร์ของผู้สื่อข่าวหลายคนที่รายงานข่าวเกี่ยวกับอิลอน มัสก์ เจ้าของทวิตเตอร์คนใหม่ โดยเขาทวีตข้อความว่า ทวิตเตอร์บังคับใช้กฎห้ามเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานทุกคน รวมถึงผู้สื่อข่าวด้วย ตามรายงานของรอยเตอร์

ทวีตของมัสก์อ้างอิงถึงการระงับบัญชีทวิตเตอร์ @elonjet เมื่อวันพุธ โดยบัญชีดังกล่าวติดตามเครื่องบินไอพ่นส่วนตัวของเขาแบบตามเวลาจริง โดยใช้ข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ โดยมัสก์ขู่ว่า จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ใช้บัญชีดังกล่าว โดยพบว่า ลูกชายของเขาถูก “คนบ้าสะกดรอยตาม”

ทั้งนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าผู้สื่อข่าวที่ถูกระงับบัญชี ได้แสดงความเห็นถึงบัญชี @elonjet หรือเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับบัญชีดังกล่าวหรือไม่

เมื่อเดือนที่แล้ว มัสก์ทวีตข้อความว่า ความยึดมั่นในเสรีภาพการแสดงออกของเขา ครอบคลุมถึง “การไม่ระงับบัญชีที่ติดตามเครื่องบินผม แม้ว่านั่นจะเป็น (การสร้าง) ความเสี่ยงต่อความปลอดภัยส่วนตัวโดยตรงก็ตาม”

ถ้าหากว่า เมื่อวันพฤหัสบดี เขาทวีตข้อความว่า บัญชีที่เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวจะถูกระงับเจ็ดวัน หลังจากเขาทำโพลสำรวจความเห็นชาวทวิตเตอร์ว่า ควรนำบัญชีที่เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวที่ถูกระงับชั่วคราว กลับมาเมื่อใด

มัสก์บอกว่า เขาเสนอตัวเลือกในโพลมากเกินไป พร้อมทั้งจะจัดทำโพลอีกครั้ง หลังผลสำรวจพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ราว 43% สนับสนุนให้นำบัญชีดังกล่าวกลับคืนมาทันที

ทวิตเตอร์ไม่แสดงความเห็นต่อประเด็นดังกล่าว

การระงับบัญชีครั้งนี้สะท้อนถึงความโกลาหลในทวิตเตอร์นับตั้งแต่มัสก์เข้ามาเป็นเจ้าของคนใหม่ รวมถึงการไล่ผู้บริหารระดับสูงออกพร้อมทั้งพนักงานหลายพันคนออกอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนค่าใช้จ่ายเพื่อใช้บริการทวิตเตอร์ บลู พร้อมทั้งการนำบัญชีทวิตเตอร์ที่ถูกระงับกลับมาใหม่ รวมถึงบัญชีของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

เอลลา เออร์วิน หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยคนใหม่ของทวิตเตอร์ ได้บอกกล่าวกับรอยเตอร์ในเดือนนี้ว่า ขณะนี้ ทวิตเตอร์พึ่งพาระบบอัตโนมัติอย่างมากในการควบคุมเนื้อหา เลิกการทบทวนเนื้อหาโดยคน พร้อมทั้งจำกัดการแบ่งปันเนื้อหาแทนการนำเนื้อหาออกไปโดยสิ้นเชิง

ในบรรดาผู้สื่อข่าวที่ถูกระงับบัญชีทวิตเตอร์เมื่อวันพฤหัสบดีนี้ มีบัญชี @drewharwell ของดริว ฮาร์เวลล์ ผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตันโพสต์ เขียนในแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ มาสโตดอน (Mastodon) ว่า เขาเขียนข่าวเกี่ยวกับมัสก์พร้อมทั้งเผยแพร่ลิงค์ข่าวที่ “เป็นสาธารณะพร้อมทั้งมีข้อมูลที่ได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย”

ทวิตเตอร์ยังระงับบัญชี @joinmastodon ซึ่งเป็นบัญชีทางการของมาสโตดอน ซึ่งเป็นสื่อสังคมออนไลน์ทางเลือกของทวิตเตอร์ โดยทางมาสโตดอนยังไม่ให้ความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวโดยทันที

แซลลี บัสบี บรรณาธิการบริหารของเดอะวอชิงตันโพสต์ พบว่า การระงับบัญชีของฮาร์เวลล์นั้นแย้งกับคำกล่าวอ้างของมัสก์ว่า เขาต้องการให้ทวิตเตอร์เป็นพื้นที่เพื่อเสรีภาพในการแสดงออก

ถ้าหากว่า ฮาร์เวลล์ยังคงใช้ช่องทางสนทนาในห้องคุยทวิตเตอร์ สเปซ ได้ เมื่อช่วงเย็นวันพฤหัสบดี ก่อนที่มัสก์จะเข้าร่วมห้องดังกล่าว พร้อมทั้งได้บอกกล่าวกับฮาร์เวลล์ว่า “คุณเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของผม คุณถูกระงับบัญชี จบเท่านี้แหละ” ขณะที่ฮาร์เวลล์ปฏิเสธว่า เขาไม่ได้เผยแพร่ตำแหน่งของมัสก์ตามเวลาจริง เขาเพียงเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ @elonjet เท่านั้น

ทั้งนี้ ในวันพุธ ทวิตเตอร์ระบุนโยบายใหม่ว่า ทางบริษัทห้ามเผยแพร่ “ข้อมูลตำแหน่งตามเวลาจริง”

สำหรับบัญชีของผู้สื่อข่าวคนอื่น ๆ ที่ถูกระงับนั้น มีทั้งบัญชี @rmac18 ของไรอัน แม็ค ผู้สื่อข่าวของเดอะนิวยอร์กไทมส์ บัญชี@donie ของโดนี โอซัลลิแวน ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น บัญชี @MattBinder ของแมทท์ ไบน์เดอร์ ผู้สื่อข่าวของเว็บไซต์ข่าว แมชเชเบิล (Mashable) พร้อมทั้งบัญชี @atrupar ของแอรอน รูพาร์ ผู้สื่อข่าวอิสระด้านนโยบายพร้อมทั้งการเมืองสหรัฐฯ

นอกจากนี้ สตีฟ เฮอร์แมน หัวหน้าฝ่ายข่าวในประเทศของวีโอเอ ก็อยู่ในกลุ่มผู้สื่อข่าวที่ถูกระงับบัญชีทวิตเตอร์ในวันพฤหัสบดีเช่นกัน พร้อมทั้งวีโอเอได้สอบถามทางทวิตเตอร์เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวแต่ไม่ได้รับการตอบกลับ

โฆษกของสื่อเดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ บอกว่า การระงับบัญชีครั้งนี้ “น่ากังขาพร้อมทั้งน่าเศร้า ทั้งเดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ พร้อมทั้งไรอัน ไม่ได้รับคำอธิบายถึงสาเหตุ (การระงับบัญชี) เราหวังว่าบัญชีของผู้สื่อข่าวทั้งหมดจะถูกนำกลับมา พร้อมทั้งหวังว่าทวิตเตอร์จะให้คำอธิบายที่น่าพอใจต่อการกระทำครั้งนี้”

ทางด้านซีเอ็นเอ็นพบว่า ได้ขอคำอธิบายการระงับบัญชีกับทางทวิตเตอร์ พร้อมทั้งซีเอ็นเอ็นจะประเมินความสัมพันธ์ของคนกับทวิตเตอร์ใหม่ ขึ้นอยู่กับท่าทีของทวิตเตอร์ต่อตน

ที่มา: รอยเตอร์พร้อมทั้งวีโอเอ

‘สี จิ้นผิง’ ให้คำมั่นฟื้นศก.หลังไวรัสโคโรน่า แม้ยอดจบชีวิต-ติดเชื้อพุ่ง

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ให้คำมั่นในการพยุงเศรษฐกิจในปีหน้า ระหว่างที่มีรายงานอดีตผู้สื่อข่าวของสื่อทางการจีนจบชีวิต 2 คน ซึ่งตอกย้ำสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่า-19 ในกรุงปักกิ่งขึ้นมา ตามรายงานของรอยเตอร์

ปธน.สี พร้อมทั้งคณะกรรมการถาวรของพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือ โพลิทบูโร (Politburo) รวมทั้งเจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาล จบการประชุมวาระ 2 วัน ในการหารือแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจของจีนที่ถูกกดดันจากการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรน่า-19 ด้วยการปรับมาตรการพร้อมทั้งเพิ่มความร่วมมือในการสนับสนุนเศรษฐกิจจีน

ในแถลงการณ์ที่สื่อทางการจีนรายงาน พบว่า จีนจะเสริมสร้างความร่วมมือด้านนโยบายโรคระบาด สร้างความเชื่อมั่นในการ “เปลี่ยนผ่าน” ในช่วงการระบาดพร้อมทั้งความสงบเรียบร้อยทางสังคม “เราต้องยืดหยันในการสร้างเสถียรภาพเป็นอันดับแรกในปีหน้าระหว่างที่เรากำลังก้าวไปข้างหน้า”

นักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตเพียง 3% ในปีนี้ พร้อมทั้งเมื่อวันศุกร์ JPMorgan หั่นคาดการณ์จีดีพีจีนโตเพียง 2.8% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมาย 5.5% ของรัฐบาลจีน พร้อมทั้งถือว่าเป็นสถานการณ์เศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดในรอบกว่าศตวรรษของ

ทั้งนี้ “การเปลี่ยนผ่าน” ไปสู่ “ปีแห่งเสถียรภาพ” เริ่มต้นขึ้นในช่วงที่พบการระบาดของไวรัสโคโรน่า-19 ในกรุงปักกิ่งพุ่งสูง พร้อมทั้งความกังวลว่าไวรัสโคโรน่าจะแพร่ระบาดสู่ประชาชน 1,400 ล้านคนได้อย่างรวดเร็ว ในช่วงที่ชาวจีนใช้เวลาที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการคุมไวรัสโคโรน่าในการเดินทางท่องเที่ยวช่วงตรุษจีนที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 มกราคมปีหน้า

ในวันศุกร์ สื่อรัฐบาลจีนรายงานว่าอดีตผู้สื่อข่าว 2 คนจบชีวิต หลังพบติดเชื้อไวรัสโคโรน่า-19 ในกรุงปักกิ่ง นับเป็นผู้จบชีวิตรายแรก ๆ นับตั้งแต่รัฐบาลจีนยกเลิกมาตรการควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรน่า-19 เมื่อ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา

ในวันเดียวกันนี้ คณะกรรมาธิการด้านสาธารณสุขแห่งชาติจีน (National Health Commission-NHC) รายงานว่าได้เพิ่มการฉีดวัคซีนพร้อมทั้งเพิ่มอุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจ ยาจำเป็น พร้อมทั้งชุดตรวจไวรัสโคโรน่า กระจายไปตามชุมชนห่างไกล รวมทั้งแนะให้ผู้เดินทางจากต่างเมือง ลดหรือเลี่ยงการสัมผัสเกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ

ขณะที่เมื่อเมื่อวันพฤหัสบดี จีนรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อแบบแสดงอาการรายใหม่ 2,157 คน เพิ่มจากระดับ 2,000 คนในวันก่อนหน้า 

ที่มา: รอยเตอร์

ยอดจบชีวิตดินถล่มมาเลเซียเพิ่มเป็น 21 คน – อีก 12 ยังสูญหาย

ยอดผู้จบชีวิตจากเหตุดินถล่มบริเวณจุดตั้งแคมป์ ชานกรุงกัวลาลัมเปอร์เมืองหลวงมาเลเซีย เมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น เพิ่มเป็น 21 คน ขณะที่ทีมกู้ภัยลงพื้นที่ค้นหาผู้สูญหายอีก 12 คน ท่ามกลางความกังวลว่าจะถูกฝังอยู่ในดินถล่ม ตามรายงานของเอพี

เหตุดินถล่มเกิดขึ้นที่บริเวณฟาร์มออร์แกนิก ในรัฐสลังงอร์ ชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อช่วงเวลา 03.00 น. ของวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น เกิดเป็นหลุมลึกราว 30 เมตรใกล้กับจุดตั้งแคมป์ในรัฐดังกล่าว ตามการเปิดเผยของหน่วยกู้ภัยมาเลเซีย พร้อมทั้งว่ามีผู้ประสบภัยกว่า 90 คนอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ ณ เวลานั้น

นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม เดินทางเยือนจุดเกิดเหตุช่วงเย็นวันศุกร์ ประกาศให้เงินเยียวยาให้แก่ครอบครัวของผู้จบชีวิตพร้อมทั้งผู้รอดชีวิตจากเหตุดินถล่มครั้งนี้แล้ว พร้อมทั้งทางการมาเลเซีย ได้ขอความร่วมมือให้จุดตั้งแคมป์ทั่วประเทศที่อยู่ใกล้แม่น้ำ น้ำตก พร้อมทั้งเนินเขา ต้องปิดเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เพื่อตรวจสอบด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม

ทั้งนี้ รัฐสลังงอร์ เป็นรัฐที่ร่ำรวยที่สุดในมาเลเซีย พร้อมทั้งเผชิญกับเหตุดินถล่มมาก่อน ซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการถางป่าพร้อมทั้งจัดการที่ดินในพื้นที่ ขณะที่ทางการมาเลเซียพบว่า เจ้าของที่ดินไม่มีใบอนุญาตในการจัดตั้งพื้นที่ตั้งแคมป์ พร้อมทั้งดำเนินกิจการโดยผิดกฎหมาย

โดยเมื่อปีที่แล้ว มาเลเซียเผชิญกับภัยพิบัติจากฝนตกหนัก ประชาชนราว 21,000 คนต้องพลัดถิ่นใน 7 รัฐของมาเลเซียมาแล้ว

ที่มา: เอพี

สลด ลุง 63 บิด จยย.พุ่งเสยท้ายสิบล้อจอดข้างทาง กระเด็นคอหักดับ

สลด ลุง 63 ขับ จยย.ชนท้ายสิบล้อบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ จอดข้างทางเสียงดังสนั่น-คอหักดับคาที่ เพื่อนเล่าพฤติกรรมผู้ตายก่อนเกิดเหตุ เชื่อเป็นการสั่งลาครั้งสุดท้าย

อยู่ช่วยกันไปก่อน เฮดโค้ช “โครเอเชีย” ภาวนาขอให้ “โมดริช” อย่าเพิ่งอำลาทีมชาติ

ซลัตโก ดาลิช กุนซือทีมชาติโครเอเชีย ออกมาแสดงความหวังว่า “โมดริช” จอมทัพวัย 37 ปี จะยังไม่อำลาทีมชาติ หลังจบฟุตบอลโลก 2022

ดูดวงรายวัน ประจำวันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม 2565

วันนี้ยังไม่เหมาะแก่การกระทำการมงคล เคล็ดดวงดี คนเกิดปีมะโรงปัญหาที่มีจะค่อยๆคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น หมอไก่ขอแนะนำให้คุณทำบุญไถ่ชีวิตสัตว์เพื่อเสริมดวง

แฟนอาร์เจนตินา ฉลองสุดเหวี่ยงบุกล้อมบ้านคุณยาย “เมสซี” หลังเข้าชิงบอลโลก (คลิป)

แฟนบอลฟ้าขาว ฉลองสุดเหวี่ยงหลัง “อาร์เจนตินา” ลิ่วรอบชิงฯ ฟุตบอลโลก 2022 บุกล้อมบ้านคุณยาย “เมสซี” พร้อมร้องเพลงเชียร์อย่างสนุกสนาน

โปรดเกล้าฯ ถอดยศตำรวจ เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จำนวน 11 นาย

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ ถอดยศตำรวจ พร้อมทั้งเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จำนวน 11 นาย เหตุ ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก-ประพฤติชั่วร้ายแรง