ระทึก เครื่องบินเล็กตกกระแทกหาดสหรัฐฯ อดีตนายกดับ (คลิป)

เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินเล็กตกบนชายหาด โดยแรงกระแทกทำให้เครื่องบินพลิกหงายท้อง ส่งผลให้อดีตนายกเทศมนตรีซานตา โมนิกาดับ 1 ศพ นักบินเจ็บ 1 ราย

ซัมซุงเรียกคืนเครื่องซักผ้ากว่า 6 แสนเครื่อง หลังพบความเสี่ยงลัดวงจร

บริษัทซัมซุงเรียกคืนเครื่องซักผ้ากว่า 660,000 เครื่องในสหรัฐฯ หลังพบความเสี่ยงที่จะเกิดการลัดวงจรหรือเครื่องร้อนผิดปกติจนอาจจะเกิดไฟไหม้ตามมาได้

ราคาทองวันนี้ล่าสุด 24 ธ.ค. 65 เปิดตลาดเช้าวันเสาร์ ทองรูปพรรณขายออก 30,100 บาท

“ราคาทองวันนี้” เปิดตลาดเช้าวันเสาร์ที่ 24 ธ.ค. 65 ราคาไม่เพิ่มไม่ลด สำหรับราคา “ทองคำแท่ง” ขายออกบาทละ 29,600 บาท ส่วนราคา “ทองรูปพรรณ” ขายออกบาทละ 30,100 บาท

18 ล้อชนเก๋งเลขานายก อบต.บาดเจ็บติดคารถ คาแยกไฟแดงศรีนาวา นครนายก

รถบรรทุก 18 ล้อพุ่งชนเก๋งเลขานายก อบต.เขาพระ ตัวติดคาอยู่ในรถ ตรงแยกไฟแดงศรีนาวา เขต อ.เมือง จ.นครนายก ตร.สอบสวนคนขับรถบรรทุกอ้างเจอสัญญาณไฟเหลืองแดง บีบแตรพร้อมทั้งส่งสัญญาณไฟแล้วว่าเบรกไม่อยู่

ชูวัคซีนไวรัสโคโรน่าองค์การเภสัชรายแรกไทย “อนุทิน” ยกย่อง 4 พันอาสาสมัครทดลองเฟส 3

แถลงข่าววิจัยทางคลินิกระยะที่ 3 เพื่อประเมินความปลอดภัยพร้อมทั้งความสามารถในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของวัคซีน HXP-GPOVac ขนาด 10 ไมโครกรัมในรูปแบบเข็มกระตุ้นเปรียบเทียบกับวัคซีนไวรัสโคโรน่า-19

คร.ย้ำหน่วยงานพื้นที่ติดตามเด็กฉีดวัคซีนโปลิโอ

จากการติดตามสถานการณ์ของโรคโปลิโอทั่วโลก พบผู้ติดเชื้อโปลิโอสายพันธุ์วัคซีนกลายพันธุ์เพิ่มมากขึ้น ส่วนใหญ่ระบาดในพื้นที่ที่มีความครอบคลุมการได้รับวัคซีนต่ำ หากมีการเดินทางของผู้ติดเชื้อ

หมู่บ้านซานตาคลอสที่ฟินแลนด์ จัดงานเลี้ยงส่งลุงซานต้าเดินทางส่งความสุขรอบโลก

หมู่บ้านซานตาคลอส ในเขตแล็บแลนด์ ที่ประเทศฟินแลนด์ จัดงานเลี้ยงส่งลุงซานต้า ขึ้นรถเลื่อนกวางเรนเดียร์ออกเดินทางส่งความสุขแก่ผู้คนทั่วโลกในช่วงเทศกาลคริสต์มาส พร้อมทั้งส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

“ตรีนุช” จี้สรรหา อ.ก.ค.ศ.ห้ามเล่นพวก

ในส่วนของการสรรหาอนุกรรมการข้าราชการครูพร้อมทั้งบุคลากรทางการศึกษานั้น เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมาได้มีการปิดรับการเสนอชื่อพร้อมประวัติครู ผู้บริหารสถานศึกษา พร้อมทั้งบุคลากรทางการศึกษาอื่นไปแล้ว

สั่นสู้คริสต์มาส! พายุฤดูหนาวถล่มสหรัฐฯ กระทบ 200 ล้านชีวิต

ชาวอเมริกันนับล้านชีวิตต้องเผชิญกับอากาศหนาวเข้ากระดูก พายุหิมะถล่ม ไฟฟ้าดับ พร้อมทั้งต้องยกเลิกการรวมตัวเลี้ยงฉลองในวันศุกร์ เนื่องจากพายุฤดูหนาวที่คาดการณ์ว่าจะกระทบกับชีวิตประชาชน 60% ของประเทศช่วงสุดสัปดาห์คริสต์มาสนี้ ตามรายงานของรอยเตอร์

 

ทาง National Weather Service ซึ่งเป็นสำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติสหรัฐฯ พบว่า ประชาชนมากกว่า 200 ล้านคนในอเมริกา อยู่ในพื้นที่ที่มีคำเตือนเรื่องสภาวะอากาศจากภาวะอากาศหนาวเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา เนื่องจากปรากฏการณ์บอมบ์ ไซโคลน (bomb cyclone) ซึ่งเป็นภาวะความกดอากาศลดต่ำอย่างรวดเร็วในพายุที่รุนแรง

มีรายงานเหตุไฟฟ้าดับ กระทบกับบ้านเรือนพร้อมทั้งอาคารสำนักงาน 1.4 ล้านแห่ง อ้างอิงจากข้อมูลของเว็บไซต์ PowerOutage ที่ติดตามรายงานปัญหาด้านระบบสาธารณูปโภค ที่รัฐเทนเนสซี ประกาศมาตรการประหยัดพลังงานในแนชวิลล์ พร้อมทั้งเมมฟิส เมื่อวันศุกร์ เพื่อรับมือกับอากาศที่หนาวเย็นจัดในสุดสัปดาห์

เที่ยวบินมากกว่า 4,500 เที่ยวทั้งในพร้อมทั้งออกนอกสหรัฐฯ ยกเลิกเมื่อวันศุกร์ อ้างอิงจากเว็บไซต์ FlightAware ซ้ำเติมนักเดินทางที่จะกลับบ้านไปฉลองเทศกาลวันหยุดกับครอบครัว

ไม่เพียงแค่ในสหรัฐฯ เพราะพายุใหญ่ทำให้สายการบิน WestJet ยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดที่สนามบิน Toronto Pearson International Airport ของแคนาดา เมื่อวันศุกร์ พร้อมทั้งที่เม็กซิโก ผู้อพยพยังปักหลักรอคอยที่พรมแดนสหรัฐฯ ท่ามกลางอากาศหนาวจัด เพื่อรอคำตัดสินจากศาลสูงสหรัฐฯ ว่าจะยกเลิกมาตรการจำกัดการเข้าเมืองของผู้ลี้ภัยหรือไม่

นอกจากนี้ มีรายงานอุบัติเหตุบนท้องถนนที่แคนซัส ซิตี้ รัฐมิสซูรี มีผู้จบชีวิต 1 คนเมื่อวันพฤหัสบดีจากถนนลื่นหิมะ ที่ชิคาโกมีคนขับรถบาดเจ็บ 1 คนจากเหตุถนนลื่นจนรถพุ่งลงไปในบ่อน้ำ มีรายงานอุบัติเหตุรถพุ่งชนกันหลายคันในรัฐมิชิแกนในวันศุกร์ มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 2 คน

ภายใต้อากาศที่หนาวเย็น ยังมีความอบอุ่นจากผู้คนที่ช่วยเหลือกัน เมื่อนักรณรงค์จำนวนหนึ่งเข้าช่วยเหลือคนไร้บ้าน 170 คนในวันศุกร์ ที่ดีทรอยต์ ให้ได้พักในศูนย์พักพิงในพื้นที่ เช่นเดียวกับที่ชิคาโกที่หน่วยงานไม่แสวงหาผลกำไร สร้างเต็นท์ให้กับคนไร้บ้านในช่วงหน้าหนาวปีนี้ พร้อมทั้งที่พอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ทางการได้เปิดศูนย์พักพิงฉุกเฉิน 5 แห่งรองรับผู้ประสบภัย

สำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติสหรัฐฯ คาดการณ์ว่านี่จะเป็นคริสต์มาสที่หนาวเย็นที่สุดในรอบกว่า 20 ปี สำหรับฟิลาเดเฟีย ซึ่งต้องย้ายมาจัดการเรียนการสอนออนไลน์ในวันศุกร์ทั้งหมด

พายุฤดูหนาวกระทบทั่วทุกหัวระแหง ไม่เว้นแต่ชนเผ่าพื้นเมือง Oglala Sioux Tribe ที่ทางการท้องถิ่นต้องพึ่งพาการขี่ม้าเพื่อลำเลียงสิ่งของจำเป็นไปตามบ้านเรือนที่อยู่ห่างไกล

ส่วนที่นิวยอร์ก ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก แคธี โฮคูล ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเช้าวันศุกร์ จากาวะน้ำแข็ง น้ำท่วม หิมะ พร้อมทั้งอากาศหนาวเย็นเยือกแข็งพร้อม ๆ กัน

ที่มา: เอพี

คลอดแล้ว! รายงานสืบสวนเหตุบุกรัฐสภาสหรัฐฯ ชี้ ‘ทรัมป์’ เป็นตัวจุดชนวน 

เมื่อวันพฤหัสบดี คณะกรรมการสืบสวนเหตุบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 เผยแพร่รายงานการสืบสวนฉบับสมบูรณ์ โดยยืนยันว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีส่วนร่วมใน “การสมคบคิดหลายขั้นตอน” ต่อความพยายามพลิกผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2020  พร้อมทั้งอดีตผู้นำสหรัฐฯ ยังไม่ดำเนินการเพื่อหยุดผู้สนับสนุนของเขาจากการจู่โจมอาคารรัฐสภา ตามรายงานของเอพี  

 

รายงานฉบับนี้เป็นบทสรุปของการสืบสวนนาน 18 เดือน ต่อทรัมป์พร้อมทั้งเหตุจู่โจมดังกล่าว โดยเบนนี ธอมป์สัน ส.ส. สหรัฐฯ จากรัฐมิสซิสซิปปี พร้อมทั้งประธานคณะกรรมการสืบสวน ระบุในรายงานฉบับนี้ว่า ทรัมป์เป็น “ตัวจุดชนวน” เหตุครั้งนี้ 

 

รายงานยาว 814 หน้านี้ ถูกจัดทำหลังคณะกรรมการเก็บข้อมูลจากพยานกว่า 1,000 คน จัดการไต่สวน 10 ครั้ง พร้อมทั้งได้เอกสารมากว่า 1 ล้านหน้า โดยพยานต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งผู้ใกล้ชิดของทรัมป์ ไปจนถึงเจ้าหน้าที่รักษากฎหมาย พร้อมทั้งผู้ก่อเหตุจลาจลบางส่วน บอกว่า ทรัมป์กระทำการโดย “ไตร่ตรองล่วงหน้า” หลายสัปดาห์ก่อนเกิดเหตุ พร้อมทั้งความพยายามพลิกผลการเลือกตั้งของทรัมป์มีอิทธิพลโดยตรงต่อผู้สนับสนุนของเขาที่กระทำเหตุรุนแรง 

รายงานฉบับนี้พบว่า ทรัมป์เพียงผู้เดียวเป็นต้นเหตุหลักของเหตุบุกอาคารรัฐสภาดังกล่าว 

 

คณะกรรมการสืบสวนที่ประกอบด้วย ส.ส. สหรัฐฯ จากทั้งพรรคเดโมแครตพร้อมทั้งพรรครีพับลิกัน จำนวนเก้าคนนี้ สรุปว่า เหตุบุกอาคารรัฐสภาเป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง พร้อมทั้ง ”ทำให้ชีวิตของสมาชิกสภาตกอยู่ในความเสี่ยง”  

 

ในบทคำแนะนำของรายงานดังกล่าว คณะกรรมการทั้งเก้าคนบอกว่า รัฐสภาสหรัฐฯ ควรพิจารณาห้ามทรัมป์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในอนาคต โดยแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวในบทนำของรายงานว่า รายงานฉบับนี้ควรเป็น “กระบอกเสียงถึงชาวอเมริกันทุกคน ให้ปกป้องประชาธิปไตยของเรา พร้อมทั้งลงคะแนนเสียงให้กับผู้ที่รับผิดชอบต่อหน้าที่ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญเท่านั้น” 

 

รายงานฉบับนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการไต่สวนของคณะกรรมการเป็นส่วนใหญ่ โดยบรรยายถึงแผนการที่ทรัมป์พร้อมทั้งที่ปรึกษาของเขาใช้เพื่อพยายามแก้ผลการเลือกตั้งที่โจ ไบเดน เป็นฝ่ายชนะ โดยทรัมป์กดดันไปยังเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง เจ้าหน้าที่ระดับรัฐ รวมไปถึงอดีตรอง ปธน. ไมค์ เพนซ์ เพื่อให้เดินตามแผนดังกล่าว หรือให้ละเมิดกฎหมายไปเลย 

รายงานดังกล่าวเผยว่า ในช่วงสองเดือนระหว่างหลังการเลือกตั้งพร้อมทั้งเหตุบุกอาคารัฐสภาสหรัฐฯ  “ปธน. ทรัมป์ หรือบุคคลที่ใกล้ชิดของเขา มีส่วนร่วมในกิจกรรมอย่างน้อย 200 ครั้ง ทั้งในที่สาธารณะพร้อมทั้งเป็นการส่วนตัว  เพื่อเข้าถึง กดดัน หรือประณามสมาชิกสภาระดับรัฐ หรือเจ้าหน้าที่เลือกตั้งระดับรัฐหรือระดับท้องถิ่นให้พลิกผลการเลือกตั้งระดับรัฐ” 

 

คณะกรรมการสืบสวนพบว่า ข้ออ้างของทรัมป์ว่ามีการทุจริตการเลือกตั้งนั้นตรงกับสิ่งที่ผู้สนับสนุนของเขาคิด พร้อมทั้งมีการใช้สื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่แนวคิดดังกล่าว เป็นการโหมกระแสความไม่เชื่อมั่นต่อรัฐบาลมากขึ้น   

 

รายงานกล่าวต่อว่า ทรัมป์เองยังแทบไม่หยุดผู้สนับสนุนของเขา เมื่อกลุ่มผู้สนับสนุนใช้ความรุนแรงบุกเข้าอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เพื่อขัดขวางการรับรองชัยชนะเลือกตั้งของไบเดน 

รายงานฉบับยาวนี้ถูกเผยแพร่ขณะที่ทรัมป์ตั้งเป้าลงชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ อีกครั้ง พร้อมทั้งเขากำลังเผชิญการสืบสวนหลายคดีจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ รวมถึงเหตุบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ พร้อมทั้งเหตุพบเอกสารชั้นความลับในบ้านพักตากอากาศของเขาที่รัฐฟลอริดา 

 

ในเวลาเดียวกัน ทรัมป์กำลังตกในที่นั่งลำบากทางการเมืองที่สุดนับตั้งแต่เขาชนะเลือกตั้งเมื่อปี 2016 เนื่องจากคณะกรรมการสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงคะแนนให้เผยแพร่เอกสารการเสียภาษีของทรัมป์ ซึ่งเขาพยายามเก็บเป็นความลับมาตลอดหลายปี พร้อมทั้งสมาชิกพรรครีพับลิกันยังโทษทรัมป์ว่าเป็นต้นเหตุให้ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของพรรคต่ำกว่าที่ควรจะเป็นด้วย 

 

ทางด้านอดีตผู้นำสหรัฐฯ กล่าวในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ของเขาว่า รายงานฉบับนี้ “เลือกข้างเป็นอย่างมาก” พร้อมทั้งอ้างว่า รายงานดังกล่าวไม่ได้ระบุคำพูดของเขาในวันเกิดเหตุ ที่เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนของเขาประท้วง “รักชาติอย่างสันติ” 

ถ้าหากว่า รายงานฉบับนี้กล่าวถึงคำพูดดังกล่าวของทรัมป์ พร้อมทั้งยังระบุเพิ่มด้วยว่า หลังจากนั้น ทรัมป์ได้กล่าวถึงเหตุการณ์เท็จของการเลือกตั้ง พร้อมทั้งใช้คำพูดยั่วยุให้ฝูงชน “สู้เต็มพิกัด” 

ที่มา: เอพี