ข่าวด่วนวันนี้
thailandtvhd.com
จับแล้ว “ชายเสื้อแดง” จุดไฟเผาป่า อ.ลี้ จ.ลำพูน อ้างมีเจ้าหน้าที่แนะนำให้ทำ
สามห่วงทะลวงไฟฟ้า TOYOTA bZ3X EV SUV
ผลชันสูตรชี้ ยีน แฮ็กแมน ตายด้วยโรคหัวใจ ตามหลังภรรยาที่ตายฉับพลันจากการติดเชื้อฮันตาไวรัส
ผับบาร์โล่งใจ สภาอังกฤษโหวตไม่ยกเลิกแก้ว ‘ไพน์ท’
หน่วยไพน์ท (Pint) เทียบเท่ากับ 16 ออนซ์ หรือ 473 มิลลิลิตรกว่า ๆ คือหน่วยวัดแบบอังกฤษที่ยังคงใช้งานกันอยู่ หลังอังกฤษเปลี่ยนระบบมาตรวัดให้เป็นแบบเมตริกตั้งแต่ปี 1965 ส่งผลให้ ‘เมตร’ เข้ามาแทนที่ ‘ฟุต’ พร้อมทั้ง ‘กรัม’ เข้ามาแทนที่ ‘ปอนด์’
หลังอังกฤษมีมติออกจากสหภาพยุโรปในปี 2020 หรือที่เรียกกันในชื่อ ‘เบรกซิท (Brexit)’ ก็เกิดคำถามขึ้นมาว่า อังกฤษจะหวนกลับมาใช้ระบบตวงวัดแบบอังกฤษหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลอนุรักษ์นิยมก็ตัดสินใจไม่หวนกลับเส้นทางเดิม แต่ยกเว้นสินค้าบางประเภทเช่นผัก ผลไม้ตามตลาด รวมถึงเบียร์ที่ยังให้ใช้มาตรวัดอังกฤษ
หนึ่งในควันหลงหนึ่งที่เกิดขึ้นระหว่างที่ถกเถียงนี้ก็คือข้อกล่าวหาจากพรรคอนุรักษ์นิยม ที่บอกว่า ข้อเสนอเรื่องหน่วยชั่งตวงจากรัฐบาลพรรคแรงงานมีวัตถุประสงค์ให้ผับบาร์เลิกขายเบียร์เป็นไพน์ท
การถกเถียงดำเนินไปจนกระทั่งเมื่อวันพุธที่ผ่านมา สภาขุนนาง (House of Lord) ซึ่งเป็นสภาสูงในระบบรัฐสภาอังกฤษ มีมติรับรองกฎหมายคุ้มครองการใช้หน่วยไพน์ทในผลิตภัณฑ์นม เบียร์ หรือไซเดอร์ ตามรายงานในเอเอฟพี
นั่นหมายความว่า ผับยังคงสามารถเสิร์ฟเบียร์ให้ลูกค้าในหน่วยไพน์ทได้
หากมองด้วยสายตาของคนภายนอก อาจจะมีคำถามว่า สภาสถานในกรุงลอนดอนยิ่งใหญ่เกินไปที่จะเถียงกันในเรื่องยิบย่อยแบบนี้หรือไม่
คำตอบสั้น ๆ อาจจะอยู่ในคำว่า ‘วัฒนธรรม’
ส่วนคำตอบที่ยาวกว่านี้คืออรรถาธิบายจากผู้แทนในสภา เช่น ลอร์ดแอนดรูว ชาร์พ จากพรรคอนุรักษ์นิยม ที่บอกว่าไพน์ทไม่ใช่แค่มาตรวัด แต่ผูกพันกับประวัติศาสตร์ พร้อมทั้งเป็น “ส่วนหนึ่งของมรดกของพวกเรา”
ชาร์พยกตัวอย่างคำพูดสุดฮิตในสังคมเมืองผู้ดี คือ “Fancy a pint?” หรือแปลได้ว่า “สนใจสักไพน์ทมั้ย” ซึ่งอาจเทียบได้กับคำว่า “สักกรึ๊บมั้ย” ในบริบทสยามประเทศ
ท้ายที่สุด แม้กระทั่งรัฐบาลเองก็ยังสนับสนุนการคงไว้ซึ่งหน่วยไพน์ท
ลอร์ดซันนี เลียง จากพรรคแรงงานซึ่งเป็นรัฐบาลอยู่ พบว่า “ด้วยสภาวะอากาศที่ดีขึ้นสักที กระผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผับทั้งประเทศจะเต็มไปด้วยลูกค้าที่มาหาความสุขกับเบียร์หรือไซเดอร์” พร้อมทั้งทิ้งท้ายด้วยว่า ‘ไพน์ท’ ยังคงปลอดภัยพร้อมทั้งอยู่คู่อังกฤษต่อไป
ที่มา: เอเอฟพี
ทรัมป์เปิดทำเนียบขาว ตั้งวงหารือ ‘เงินคริปโต’
เอเอฟพีรายงานว่า เดวิด แซคส์ นักลงทุนจากซิลิคอนวัลเลย์ ที่ทรัมป์แต่งตั้งเป็นผู้รับผิดชอบด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ได้เชิญชวนนักลงทุน ซีอีโอพร้อมทั้งตัวแทนเอกชนชั้นนำเข้ามาเป็นสมาชิกคณะทำงานของทรัมป์เพื่อจัดทำนโยบาย เร่งการเติบโตพร้อมทั้งทำให้อุตสาหกรรมคริปโตมีความชอบธรรม
ในการหารือดังกล่าว ทรัมป์พบว่า มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำโลกด้านสกุลเงินคริปโต ตามการรายงานของเอพี
ตัวอย่างบุคคลในรายชื่อดังกล่าวได้แก่ไทเลอร์ วิงเคิลวอส ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มคริปโต Gemini ไบรอัน อาร์มสตรองจาก Coinbase พร้อมทั้งไมเคิล เซย์เลอร์ หัวหน้าบริษัทลงทุนในสกุลเงินบิตคอยน์ MicroStrategy
ผู้รับผิดชอบด้านคริปโตของรัฐบาลทรัมป์โพสต์ในแพลตฟอร์ม X ว่าการหารือจะมีลักษณะเป็นวงพูดคุยกัน พร้อมทั้งทำเนียบขาวจะ “คงขนาดให้เล็กเข้าไว้”
เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ผู้นำสหรัฐฯ เพิ่งลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร ก่อตั้ง “กองทุนสำรองคริปโตทางยุทธศาสตร์ (Strategic Bitcoin Reserve)” ซึ่งเป็นสิ่งที่แซ็คส์มองว่าสำคัญมากกับร่วมมือกันทำงานสกุลเงินคริปโต
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางความสนใจที่เพิ่มขึ้นต่อสกุลเงินดิจิทัล หรือ คริปโตเคอเรนซี ที่มีทั้งผู้มองว่าจะเข้ามาปฏิวัติโลกการเงินในฐานะทางเลือกนอกเหนือจากระบบเงินตราดั้งเดิม แต่อีกด้านหนึ่งก็มีคนที่วิจารณ์ว่าเป็นเพียงสิ่งของที่ใช้เก็งกำไร พร้อมทั้งยังมีคำถามต่อการใช้งานในโลกความเป็นจริง รวมถึงภาระของผู้เสียภาษีที่ต้องเข้ามาอุ้มตลาดหากเกิดภาวะฟองสบู่แตก
บิตคอยน์คือสกุลเงินคริปโตที่มีการซื้อขายกันมากที่สุดในโลก ซึ่งที่ผ่านมาผู้สนับสนุนมองว่าจะเข้ามาแทนที่บทบาทของทองคำ พร้อมทั้งเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงในช่วงภาวะค่าเงินตกต่ำพร้อมทั้งความไร้เสถียรภาพทางการเมือง
ด้านหนึ่ง นักลงทุนคริปโตถือเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้สนับสนุนรายใหญ่ของทรัมป์ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยหวังว่าชัยชนะทางการเมืองจะทำให้เกิดจุดจบของท่าทีไม่ไว้วางใจในสกุลเงินคริปโตของรัฐบาลโจ ไบเดน
อีกด้านหนึ่ง ทรัมป์เองก็มีสายสัมพันธ์กับภาคส่วนนี้ จากการร่วมมือกับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโต World Liberty Financial เมื่อเดือนมกราคม เปิดตัวเหรียญมีมของตนเองพร้อมทั้งเมลาเนีย ทรัมป์ ผู้เป็นภรรยา
หนึ่งในผลคำสั่งก่อตั้งกองทุนคริปโตล่าสุดนี้ จะถ่ายโอนเงินดิจิทัลที่สหรัฐฯ ยึดมาได้จากกระบวนการทางคดีอาญาเข้าไปในกองทุนดังกล่าว ซึ่งแซ็คส์ระบุในโพสต์บน X ว่า หากรัฐบาลก่อน ๆ ตัดสินใจทำเช่นนี้ มูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีจะอยู่ที่ 17,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 573,000 ล้านบาท)
ก่อนหน้านี้ทรัมป์แต่งตั้ง พอล แอทคินส์ ผู้สนับสนุนเงินสกุลคริปโตรายใหญ่ให้เป็นประธานคณะกรรมาธิการกำกับตลาดซื้อขายหุ้นของสหรัฐฯ (SEC) ทำให้เกิดการถอนการดำเนินการทางกฎหมายต่อแพลตฟอร์ม Coinbase พร้อมทั้ง Kraken ที่เริ่มต้นในสมัยรัฐบาลไบเดน รวมถึงปลดข้อจำกัดที่ห้ามไม่ให้ธนาคารครอบครองสกุลเงินคริปโต
ถ้าหากว่า การเปลี่ยนแปลงทิศทางของประเทศที่มีต่อเงินดิจิทัลที่มีนัยสำคัญ น่าจะต้องผ่านการพิจารณาของสภาคองเกรส ซึ่งปัจจุบัน กฎหมายเกี่ยวกับเงินคริปโตยังคงค้างอยู่ระหว่างที่ล็อบบี้อย่างเข้มข้น
ที่มา: เอเอฟพี เอพี
‘ทรัมป์’ ขู่ลงโทษรัสเซีย เร่งให้ปิดดีลสันติภาพยูเครน
ท่าทีของผู้นำสหรัฐฯ เกิดขึ้นหลังรอยเตอร์รายงานในวันจันทร์ว่าทำเนียบขาวอาจเตรียมผ่อนปรนการคว่ำบาตรรัสเซีย เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตพร้อมทั้งเศรษฐกิจ รวมถึงผลักดันให้ยุติสงครามในยูเครน
ในวันศุกร์ ทรัมป์ได้บอกกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “หากพวกเขา (รัสเซียพร้อมทั้งยูเครน) ไม่ต้องการจะจบ เราจะออกมาจากที่นั่น เพราะเราต้องการให้พวกเขาจบ”
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์โพสต์บนแพลตฟอร์มทรูธ โซเชียลว่า “จากข้อเท็จจริงที่รัสเซีย “กำลังกระหน่ำ” ยูเครนเต็มที่ในสนามรบตอนนี้ ผมกำลังพิจารณาอย่างหนักเรื่องการลงโทษด้านการธนาคาร การคว่ำบาตร พร้อมทั้งกำแพงภาษีขนานใหญ่กับรัสเซียจนกว่า (จะมี) การหยุดยิง พร้อมทั้งบรรลุข้อสรุปข้อตกลงสันติภาพ”
ขณะนี้กองกำลังรัฐบาลมอสโกแทบจะสามารถปิดล้อมทหารยูเครนหลายพันคนที่บุกเข้าไปในแคว้นเคิรสก์เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธการที่กรุงเคียฟหวังจะใช้เป็นหนึ่งในแต้มต่อบนเวทีเจรจาสันติภาพใด ๆ ที่จะเกิดขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น ฝ่ายรัสเซียยังสร้างความเสียหายแก่โครงสร้างด้านพลังงานในยูเครนเพิ่มอีกในการจู่โจมด้วยจรวดครั้งใหญ่ หลังสหรัฐฯ ระงับการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองให้กับยูเครน
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ที่กำลังมองหาแรงสนับสนุนจากชาติตะวันตกอื่น ๆ จากการที่สหรัฐฯ ปรับท่าทีเข้าหารัสเซียมากขึ้น เรียกร้องให้รัสเซียหยุดการจู่โจมที่ดำเนินอยู่
ผู้นำยูเครนระบุในแอปพลิเคชั่นเทเลแกรมว่า “ขั้นตอนแรกในการสร้างสันติภาพที่แท้จริงควรเป็นการบีบให้ต้นตอหนึ่งเดียวของสงครามนี้ ก็คือรัสเซีย ให้หยุดการจู่โจม”
รัสเซียเผชิญกับมาตรการลงโทษจากนานาประเทศนับตั้งแต่รุกรานยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 รวมถึงจากสหรัฐฯ ที่พยายามจำกัดรายได้จากน้ำมันพร้อมทั้งก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย
เซเลนสกีกล่าวในวันพฤหัสบดีนี้ว่า จะเดินทางไปพบกับมกุฏราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบียในวันจันทร์หน้า ซึ่งจะตามมาด้วยการพูดคุยระหว่างเจ้าหน้าที่ของยูเครนพร้อมทั้งสหรัฐฯ ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดระหว่างทรัมป์พร้อมทั้งเซเลนสกี
สตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษของทรัมป์ยืนยันว่าจะมีการพูดคุยกับยูเครนที่ซาอุดีอาระเบีย
ก่อนหน้านี้ วิตคอฟฟ์ได้พูดคุยกับทางการรัสเซียแล้ว พร้อมทั้งกำลังหารือกับยูเครนเกี่ยวกับกรอบข้อตกลงยุติสงครามที่กินเวลามาแล้วสามปี พร้อมทั้งรัสเซียกำลังยึดพื้นที่ของยูเครนอยู่ราวหนึ่งในห้า
ที่ผ่านมา รัฐบาลกรุงเคียฟกดดันให้สหรัฐฯ ให้การรับรองด้านความปลอดภัยในฐานะส่วนหนึ่งของข้อตกลงเข้าถึงแร่หายาก ซึ่งอาจปูทางไปสู่การยุติสงคราม แต่ถูกสหรัฐฯ ปัดตกไป โดยทรัมป์เชื่อว่าการให้สหรัฐฯ เข้าถึงสินแร่หายากในยูเครนนั้นถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการประกันความปลอดภัย
ที่มา: รอยเตอร์
ทรัมป์เผยส่งจดหมายถึงอิหร่านเพื่อเจรจานิวเคลียร์
“ผมหวังว่าคุณจะมาเจรจา เพราะมันจะดีกว่ามากสำหรับอิหร่าน” ทรัมป์กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่อ Fox Business Network ในวันศุกร์
“ผมคิดว่าพวกเขาอยากจะได้รับจดหมาย อีกทางเลือกหนึ่งคือเราต้องทำอะไรบางอย่าง เพราะคุณไม่สามารถปล่อยให้มีอาวุธนิวเคลียร์อื่น ๆ อีก”
รอยเตอร์รายงานว่ายังไม่มีปฏิกิริยาออกมาจากกระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาลเตหะราน ในช่วงสุดสัปดาห์เมื่อนักข่าวถามความเห็นไปที่อิหร่านเกี่ยวกับถ้อยเเถลงของผู้นำสหรัฐฯ
จดหมายที่ทรัมป์ระบุน่าจะถูกส่งถึง อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน
ถ้าหากว่าทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ไม่ได้ตอบกลับการขอความเห็นจากนักข่าวโดยทันที
ทรัมป์บอกว่าวิธีที่จะดำเนินการกับอิหร่านมีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง วิธีทางทหารพร้อมทั้งการเจรจาเพื่อให้เกิดความตกลง
“เพราะผมไม่ต้องการทำร้ายอิหร่าน” ทรัมป์กล่าว พร้อมทั้งยังได้ชื่มชมชาวอิหร่านด้วยว่า “ยอดเยี่ยม”
ที่ผ่านมาประธานาธิบดีทรัมป์ รื้อเเนวทางด้านต่างประเทศของสหรัฐฯ
เขามีนโยบายประสานประโยชน์มากขึ้นกับรัสเซีย ซึ่งสร้างความกังลต่อชาติตะวันตก โดยทรัมป์พยายามเป็นตัวกลางเพื่อให้สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่กินเวลามานาน 3 ปี จบลง
ในปี 2018 ภายใต้การบริหารประเทศสมัยเเรกของเขา ทรัมป์ได้ถอนสหรัฐฯ ออกจากความตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน ซึ่งเป็นความพยายามของหลายฝ่ายที่ต้องการให้รัฐบาลเตหะรานเลิกพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
เมื่อเดือนที่แล้ว ทรัมป์บอกว่าตนต้องการมีข้อตกลงกับอิหร่าน เพื่อให้รัฐบาลเตหะรานล้มเแผนการผลิตอาวุธดังกล่าว
รัสเซียเคยเสนอเป็นตัวกลาง หากเกิดการเจรจาขึ้นตามรายงานของรอยเตอร์ที่อ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อในวันอังคาร
ที่มา: รอยเตอร์
รบ.ทรัมป์เตรียมตัดเงิน ‘ม.โคลัมเบีย’ ประเด็นกระเเสต้านชาวยิว
ก่อนหน้านี้ 5 วัน หน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ประกาศว่ากำลังพิจารณาคำสั่งยุติงานสัญญาจ้างมูลค่า 51 ล้านดอลลาร์ ต่อมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (New York University) ซึ่งอยู่ที่เกาะเเมนฮัตตันเช่นเดียวกับโคลัมเบีย
มหาวิทยาลัยนิวยอร์กถูกรัฐบาลกลางสหรัฐฯ กำลังพิจารณาด้วยว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมหรือไม่ที่จะได้รับเงินสนับสนุนมูลค่ากว่า 5,000 ล้านดอลลาร์ในอนาคต
มหาวิยาลัยโคลัมเบีย ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาอันเก่าแก่ในกลุ่มไอวีลีคของสหรัฐฯ ได้ตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เพื่อตรวจสอบวินัย พร้อมทั้งยกระดับการสืบสวนนักศึกษาที่วิพากษ์วิจารณ์อิสราเอล ซึ่งเป็นข้อกังวลของผู้สนับสนุนเสรีภาพในการเเสดงความคิดเห็น
ดูเหมือนว่าการทำงานหนักขึ้นของโคลัมเบียยังไม่สามารถคลายความกังวลของรัฐบาลกลาง
รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการลินดา เเมคมาฮอน กล่าวในเเถลงการณ์วันศุกร์ว่า “มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ต้องทำตามกฎหมายรัฐบาลกลางทั้งหมดที่เกี่ยวกับการต่อต้านการเลือกปฏิบัติ ถ้ายังต้องการรับเงินจากรัฐบาลกลาง …เป็นเวลานานเกินไปเเล้วที่โคลัมเบียละทิ้งหน้าที่ต่อนักศึกษาชาวยิวที่เรียนอยู่ในรั้วของสถาบัน”
มหาวิทยาลัยโคลัมเบียออกเเถลงการณ์ ว่าต้องการทำงานร่วมกับรัฐบาลเพื่อให้ได้เงินสนับสนุน
“เราให้ความสำคัญอย่างจริงจังต่อพันธะทางกฎหมาย พร้อมทั้งเข้าใจถึงความรุนเเรงของเเถลงการณ์นี้ พร้อมทั้งมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับการต่อต้านชาวยิว รวมทั้งทำให้เกิดความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยเเละสวัสดิภาพของนักศึกษา คณาจารย์พร้อมทั้งพนักงาน” มหาวิทยาลัยแห่งนี้กล่าวในเเถลงการณ์
ไม่เป็นที่ทราบเเน่ชัดว่า โครงการ หรือกิจกรรมใดของมหาวิยาลัยแห่งนี้จะได้รับผลกระทบ โดยโคลัมเบียมีศูนย์การแพทย์พร้อมทั้งทำงานด้านอื่น ๆ อีกจำนวนมาก
สถาบันแห่งนี้ เป็นเป้าหมายเเรกที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะใช้นโยบายตัดเงินสนับสนุนจากรัฐบาลกลางไปยังสถาบันอุดมศึกษา
โคลัมเบียถูกกล่าหาว่ายอมทนต่อกระเเสเหยียดชาวยิวท่ามกลางสงครามอิสราเอล-ฮามาสที่เริ่มขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2023
กิจกรรมแสดงพลังสนับสนุนปาเลสไตน์เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียเป็นที่เเรก ๆ โดยผู้ประท้วงเข้ายึดอาคารของสถาบันพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องจับกุมตัวผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวจำนวนมาก
ผู้ประท้วงจำนวนมากบอกว่าการวิจารณ์อิสราเอลไม่ได้หมายถึงการเกลียดชังชาวยิว
นอกจากโคลัมเบียเเล้วยังมีมหาวิทยาลัยอีก 4 แห่งในสหรัฐฯ ที่ ถูกตรวจสอบเรื่องการต่อต้านชาวยิวโดยรัฐบาลกลาง ซึ่งประกอบด้วยมหาวิทยาลัยเเคลิฟอร์เนียวิทยาเขตเบิร์คลีย์ มหาวิทยาลัยมินเนโซตา มหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์น พร้อมทั้งพอร์ตเเลนด์สเตทยูนิเวอร์ซิตี้
ที่มา: เอพี