ข่าวด่วนวันนี้
thailandtvhd.com
ทรัมป์พบเซเลนสกี เรียกร้อง ‘หยุดยิงทันที’ ในยูเครน
เทรนด์ “กินเดี่ยว” มาแรง! ร้านอาหารขยับ ปรับกลยุทธ์รองรับ
อิมานิรัดเผยว่า ตอนทานอาหารคนเดียวเป็นช่วงที่เงียบสงบ เธอจะไม่หยิบโทรศัพท์มือถือ ปล่อยให้ตัวเองทบทวนสิ่งต่าง ๆ บางครั้งก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน เธอเปรียบว่า “มันคล้ายกับช่วงเวลาไปสปา แต่เป็น (ความผ่อนคลาย) อีกรูปแบบหนึ่ง”
ตามข้อมูลของ โอเพนเทเบิล (OpenTable) เว็บไซต์จองโต๊ะอาหาร พบว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา ตัวเลขการจองโต๊ะทานอาหารคนเดียวในสหรัฐ เพิ่มขึ้น 29% ส่วนในปีนี้ ที่เยอรมนีปรับสูงขึ้น 18% พร้อมทั้งในสหราชอาณาจักรอยู่ที่ 14%
นอกจากนี้ การสำรวจล่าสุดของสถาบัน Hot Pepper Gourmet Eating Out ชี้ว่า คนญี่ปุ่น 23% รับประทานอาหารนอกบ้านคนเดียว ตัวเลขดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้นจาก 18% เมื่อเทียบกับปี 2018
แนวโน้มการทานอาหารคนเดียวที่เพิ่มขึ้นนี้เกิดขึ้นขณะที่มีประชากรที่อาศัยอยู่คนเดียวเพิ่มมากขึ้น งานวิจัยของศูนย์วิจัยพิว (Pew Research Center) เมื่อปี 2019 พบว่า 38% ของคนอเมริกันวัยผู้ใหญ่อายุระหว่าง 25 – 54 ปี อยู่ตัวคนเดียว เพิ่มขึ้นจากระดับ 29% เมื่อปี 1990
ส่วนที่ญี่ปุ่น ตัวเลขครอบครัวที่มีสมาชิกคนเดียวมีสัดส่วนราว 1 ใน 3 ของครัวเรือนทั้งหมดในปัจจุบัน พร้อมทั้งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 40% ภายในปี 2040 อ้างอิงข้อมูลจากรัฐบาลญี่ปุ่น
นอกจากนี้ แนวโน้มการเดินทางคนเดียวก็กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มนักเดินทางอายุเกิน 55 ปีขึ้นไป ซึ่งทำให้การรับประทานอาหารคนเดียวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ร้านอาหารในญี่ปุ่นหลายแห่ง ได้ปรับตัวเพื่อรองรับกระแสของลูกค้าที่มาทานคนเดียว มาซาฮิโระ อินางากิ นักวิจัยอาวุโส จากสถาบันข้างต้น บอกว่า “แม้แต่ร้านอาหารแบบครอบครัว ก็เพิ่มที่นั่งตามเคาน์เตอร์สำหรับลูกค้าที่มาคนเดียว รวมถึงลดปริมาณอาหารต่อคอร์สให้น้อยลง เพื่อที่ลูกค้าจะได้ทานอาหารที่หลากหลายมากขึ้น”
เดบบี ซู ซีอีโอของ OpenTable เชื่อว่า “การทำงานทางไกล” เป็นหนึ่งเหตุผลที่อธิบายถึงกระแสการทานอาหารคนเดียวที่เกิดขึ้น แต่เธอยังมองไปถึงสิ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้น “ฉันคิดว่าภาพรวม คือกระแสของการรักตัวเอง ดูแลตัวเองมากขึ้น พร้อมทั้งใช้เวลาอยู่กับตนเอง”
ทางด้าน แอนนา แมททิลา อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตท ที่ศึกษาเกี่ยวกับการรับประทานอาหารคนเดียว บอกว่า “บรรทัดฐานทางสังคมเปลี่ยนไปแล้ว ผู้คนเลิกมองลูกค้าที่มาคนเดียว แล้วจะคิดว่าคุณช่างเป็นคนที่โดดเดี่ยว” เธออธิบายว่า การระบาดใหญ่ที่ผ่านมา ทำให้ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมลดลง โดยเฉพาะการกินข้าวนอกบ้าน อีกทั้งเครื่องมืออย่าง “สมาร์ทโฟน” ยังเข้ามาเติมเต็มช่วยให้คนอยู่ตามลำพังมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ร้านอาหารบางแห่งมองว่าลูกค้าที่มาคนเดียว ทำให้เกิด “การเสียโอกาส” ของพื้นที่ให้บริการ แต่ผู้ประกอบการหลายคนเชื่อว่า หากให้บริการลูกค้าที่มาคนเดียว พวกเขามีแนวโน้มที่จะเป็นลูกค้าชั้นดี พร้อมทั้งกลับมาอุดหนุนซ้ำในอนาคต
ดรูว์ เบรดี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Overthrow Hospitality ที่ดูแลกลุ่มร้านอาหารปราศจากเนื้อสัตว์จำนวน 11 แห่งในมหานครนิวยอร์ก ให้ทัศนะว่า “แม้ในระยะสั้นอาจที่จะขาดทุน แต่เราอยู่ในธุรกิจระยะยาว (ควรที่จะ) สร้างให้ร้าน เป็นสถานที่ที่พิเศษอย่างแท้จริง”
เบรดีเสริมว่า นับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ จำนวนลูกค้าที่รับประทานอาหารคนเดียวก็เพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งเมื่อดูในข้อมูล จะพบว่าคนกลุ่มนี้ แบ่งเป็นเพศชายพร้อมทั้งเพศหญิงในสัดส่วนที่เท่า ๆ กัน
แมททิลา จากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตต ยังให้เคล็ดลับทิ้งท้ายสำหรับผู้ประกอบการ โดยอิงงานวิจัยที่ชี้ว่า สำหรับลูกค้าที่มาทานอาหารตามลำพัง มักที่จะชื่นชอบองค์ประกอบในร้านที่มี “ทรงเหลี่ยมมุม” เช่น ทางร้านควรเลือกใช้โต๊ะสี่เหลี่ยม มากกว่าโต๊ะทรงกลม โดยอธิบายว่ารูปทรงกลมจะไป ให้ความรู้สึก เกี่ยวกับ “ความเชื่อมโยงของหมู่คณะ” มากกว่า
‘โมอานา 2’ ทำสถิติอลังการสองสัปดาห์ 600 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก
จนถึงขณะนี้ “Moana 2” โกยเงินในอเมริกาไปแล้ว 300 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่ารายได้ที่ภาคแรกทำไว้ นอกจากนี้ยังกวาดเงินไปแล้ว 600 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก
“Moana 2” กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุด 5 อันดับแรกของปีนี้ไปเรียบร้อย ในจำนวนนี้เป็นหนังของดิสนีย์ถึง 3 เรื่อง โดยอีกสองเรื่องคือ “Inside Out 2” พร้อมทั้ง “Deadpool & Wolverine” นอกจากนี้ในอีก 10 วัน ดีสนีย์จะเปิดตัวหนังฟอร์มใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง คือ “Mufasa” ซึ่งสปินออกมาจาก “The Lion King”
ตามมาอันดับ 2 คือ “Wicked” ที่ได้ อาริอะนา แกรนเด พร้อมทั้งซินเธีย เอริโว ผนึกกำลังในหนังจินตนิยายแนวมิวสิคัล เก็บเงินไปได้อีก 35 ล้านดอลลาร์ ยอดรวมในอเมริกาเหนือตอนนี้ทะลุ 320 ล้านดอลลาร์แล้ว ขณะที่รายได้ทั่วโลกอยู่ที่ 455 ล้านดอลลาร์
“Gladiator II” ของผู้กำกับ ริดลีย์ สก็อตต์ เกาะอยู่ที่อันดับ 3 กับรายได้ห่าง ๆ ที่ 12.5 ล้านดอลลาร์ โดยมี “Red One” หนังภารกิจกอบกู้คริสต์มาส ตามหลังมาที่ 7 ล้านดอลลาร์ในอันดับที่ 4
ปิดท้ายด้วยหนังเข้าใหม่สุดสัปดาห์นี้ซึ่งเป็นหนังจากแดนภารตะ “Pushpa: The Rule – Part 2,” เข้ามาที่อันดับ 5 ด้วยรายได้ 4.9 ล้านดอลลาร์
อันดับภาพยนตร์ในตารางบ็อกซ์ออฟฟิศ สุดสัปดาห์ 6 – 8 ธ.ค. 2024
1. “Moana 2,” $52 million.
2. “Wicked,” $34.9 million.
3. “Gladiator II,” $12.5 million.
4. “Red One,” $7 million.
5. “Pushpa: The Rule – Part 2,” $4.9 million.
6. “Interstellar” rerelease, $4.4 million.
7. “Solo Leveling – ReAwakening,” $2.4 million.
8. “Y2K,” $2.1 million.
9. “for KING + COUNTRY’S: A Drummer Boy Christmas,” $2.1 million.
10. “The Best Christmas Pageant Ever,” $1.5 million.
ที่มา: เอพี
มูฟออน! นกทะเลอายุมากที่สุดในโลกวางไข่อีกครั้งในวัย 74 ปี
นกทะเลปีกยาวพันธุ์เลย์ซาน อัลบาทรอส (Laysan albatross) ที่มีชื่อว่า “วิสดอม” ได้เดินทางกลับไปยังศูนย์ลี้ภัยสัตว์ป่าแห่งชาติ มิดเวย์ อะโทลล์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของหมู่เกาะฮาวาย พร้อมทั้งวางไข่ที่นั่น อ้างอิงจากโพสต์ในเฟซบุ๊กของสำนักงานการประมงพร้อมทั้งสัตว์ป่าแห่งชาติสหรัฐฯ
วิสดอมพร้อมทั้งคู่ของมันที่มีชื่อว่า อะคีคามัย กลับไปที่เกาะแห่งนั้นเพื่อวางไข่พร้อมทั้งฟักไข่ตั้งแต่ปี 2006 โดยนกสายพันธุ์เลย์ซาน อัลบาทรอส จะมีคู่ตัวเดียวตลอดชีวิต พร้อมทั้งวางไข่ปีละหนึ่งฟองเท่านั้น
ถ้าหากว่า เจ้าหน้าที่ศูนย์สัตว์ป่าไม่เห็นนกอะคีคามัยมาหลายปีแล้ว พร้อมทั้งปีนี้วิสดอมเริ่มนัวเนียกับนกตัวผู้อีกตัวหนึ่งเมื่อมันกลับมายังจุดที่วางไข่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
โจนาธาน พลิสเนอร์ แห่งศูนย์ลี้ภัยสัตว์ป่าแห่งชาติ มิดเวย์ อะโทลล์ บอกว่า “เราค่อนข้างเชื่อมั่นว่าไข่ใบนี้จะมีลูกนกฟักออกมา”
ปกติแล้ว นกเลย์ซาน อัลบาทรอส มีอายุเฉลี่ย 68 ปี โดยวิสดอมนั้นให้กำเนิดลูกนกมาแล้วกว่า 30 ตัว
พ่อแม่นกอัลบาทรอสจะผลัดกันฟักไข่ประมาณเจ็ดเดือน ลูกนกจะบินออกสู่ทะเลหลังจากที่ฟักตัวออกมาประมาณห้าถึงหกเดือน นกเหล่านี้ใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตในการบินอยู่เหนือมหาสมุทร โดยกินปลาหมึกพร้อมทั้งไข่ปลาเป็นอาหาร
ปัจจุบัน ที่เกาะมิดเวย์ อะโทลล์ เป็นบ้านของนกทะเลราว 3 ล้านตัว รวมไปถึงนกอัลบาทรอสประมาณ 1 ล้านตัว
เบธ ฟลินต์ นักชีววิทยาที่ศูนย์สัตว์ป่าสหรัฐฯ บอกว่า วิสดอมมีพลังอย่างเหลือเชื่อในฐานะที่เป็นสัญลักษณ์ว่าทำไมผู้คนทั่วโลกจึงให้ความสนใจในตัวมัน ทั้งยังช่วยให้เข้าใจเกี่ยวกับการอยู่รอด วงจรชีวิตของนก พร้อมทั้งช่วยให้ทราบว่านกผสมพันธุ์บ่อยมากน้อยแค่ไหน
ที่มา: เอพี
ตัวสำรอง นักปฏิรูป เผด็จการ: ย้อนดูชีวิตบะชาร์ อัล-อัซซาด ผู้นำซีเรีย
ในเวลาต่อมา สื่อ RIA พร้อมทั้ง TASS ของรัฐบาลรัสเซีย รายงานในวันอาทิตย์ ว่าผู้นำซีเรียอยู่ที่กรุงมอสโก
การโค่นอำนาจของรัฐบาลเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ เมื่อกลุ่มต่อต้านที่นำโดยกลุ่มติดอาวุธ ฮายัต ทาห์เรีย อัล-ชาม หรือ HTS (Hayat Tahrir al-Sham) สามารถยึดเมืองอเลปโป เมืองฮามาพร้อมทั้งเมืองฮอมส์ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน
กลุ่ม HTS มีจุดกำเนิดมาจากกลุ่มอัล-ไคยด้า โดยทั้งสหรัฐฯ พร้อมทั้งสหประชาชาติ พบว่ากลุ่มติดอาวุธนี้เป็นกลุ่มก่อการร้าย
ประชาชนออกมาเฉลิมฉลองตามท้องถนนทั้งในซีเรียพร้อมทั้งต่างประเทศเมื่อได้ยินข่าวนี้ ซึ่งเป็นภาพที่แตกต่างจากวันที่อัซซาดขึ้นครองอำนาจ ที่ถูกคาดหวังว่าจะเป็นผู้นำหนุ่มนักปฏิรูป แต่ท้ายที่สุดกลับปราบปรามประชาชนพร้อมทั้งกลุ่มต่อต้านจนความขัดแย้งขยายวงเป็นสงครามที่นำมาสู่การสิ้นสุดอำนาจของตนเอง
เดิมที ฮาเฟซ อัล-อัซซาด พ่อของบะชาร์ ตั้งใจปลุกปั้นให้เบซิล ผู้เป็นลูกชายคนโต สืบทอดอำนาจต่อ ทว่าเบซิลจบชีวิตในเหตุรถชนเมื่อปี 1994 ทำให้บะชาร์ที่กำลังศึกษาด้านจักษุวิทยาที่กรุงลอนดอนถูกนำตัวกลับมาซีเรีย
ที่ซีเรีย บะชาร์เข้ารับการฝึกทหารพร้อมทั้งรับยศพันเอกเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือพร้อมทั้งปูพื้นฐานสำหรับการเป็นผู้นำต่อจากพ่อ ที่ปกครองซีเรียยาวนานเกือบ 30 ปี ภายใต้เศรษฐกิจรวมศูนย์แบบโซเวียต พร้อมทั้งการปราบปรามผู้เห็นต่างอย่างหนักหน่วง
เมื่อฮาเฟซถึงแก่กรรมเมื่อปี 2000 รัฐสภาซีเรียลงมติลดเกณฑ์อายุผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจาก 40 ลงมาเหลือ 34 ปี เท่ากับอายุของบะชาร์ในเวลานั้น ก่อนขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคบาธ ลงเลือกตั้งแบบไม่มีคู่แข่ง พร้อมทั้งชนะการเลือกตั้งในที่สุด
เมื่อขึ้นสู่ตำแหน่ง เขาประกาศปล่อยนักโทษการเมือง พร้อมทั้งเปิดให้มีพื้นที่การแสดงออกมากขึ้น ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นคือ ‘ดามัสกัส สปริง’ หมายถึงการรวมตัวของคนเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนในเรื่องศิลปะ วัฒนธรรม ไปจนถึงการเมือง ต่างไปจากสมัยพ่อที่ชาวซีเรียไม่กล้าแม้แต่จะพูดถึงการเมืองแบบขำขัน
ไม่เกินหนึ่งปีหลังจากนั้น มีกลุ่มปัญญาชนลงนามกัน 1,000 คน เรียกร้องให้ซีเรียเป็นประชาธิปไตยแบบหลายพรรคพร้อมทั้งมีเสรีภาพมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นยังมีหลายคนยังเริ่มก่อตั้งพรรคการเมือง จนทำให้ตำรวจลับเข้าทลายดามัสกัส สปริง หลายแห่ง
อัซซาดหันเหจากการเปิดพื้นที่การเมืองไปสู่การปฏิรูปเศรษฐกิจด้วยการผ่อนคลายการควบคุมเศรษฐกิจ ให้ธนาคารต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจ เปิดรับการนำเข้าพร้อมทั้งสนับสนุนภาคเอกชน ทำให้กรุงดามัสกัสค่อย ๆ มีห้างสรรพสินค้าใหม่ ร้านอาหารพร้อมทั้งสินค้าใหม่ ๆ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาหลังจากนั้น
ในด้านการต่างประเทศ อัซซาดผู้ลูกมีแนวทางการทูตเหมือนฮาเฟซผู้เป็นพ่อด้วยการเป็นพันธมิตรกับอิหร่านพร้อมทั้งยืนกรานให้อิสราเอลคืนพื้นที่ของที่ราบสูงโกลันทั้งหมดที่ยึดไปจากซีเรีย แต่บะชาร์ไม่เคยเผชิญหน้ากับรัฐบาลเทลอาวีฟในทางการทหารเลย
เมื่อปี 2005 ซีเรียสูญเสียอำนาจเหนือเลบานอนที่เป็นเพื่อนบ้าน หลังอดีตนายกรัฐมนตรีราฟิก ฮารีรีถูกลอบสังหาร ตามมาด้วยการขึ้นสู่อำนาจของรัฐบาลที่สนับสนุนสหรัฐฯ พร้อมทั้งความกังขาของชาวเลบานอนจำนวนมากที่สงสัยว่าซีเรียเกี่ยวข้องกับเหตุลอบสังหารดังกล่าว
ในช่วงเวลานั้น โลกอาหรับแบ่งขั้วเป็นสองฝ่าย ได้แก่กลุ่มชาตินิกายสุหนี่ที่เป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ เช่นซาอุดีอาระเบียพร้อมทั้งอียิปต์ กับอีกกลุ่มก็คือซีเรียพร้อมทั้งรัฐบาลชีอะห์ของอิหร่าน ที่มีสายสัมพันธ์กับกลุ่มเฮซบอลลาห์พร้อมทั้งกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์
สำหรับอัซซาด เขาบริหารอำนาจในประเทศตามรอยพ่อบนฐานอำนาจเก่าของกลุ่มมุสลิมนิกายอะละวี ซึ่งเป็นนิกายแยกมาจากนิกายใหญ่แบบชีอะห์ ซึ่งมีจำนวนประชากรคิดเป็น 10% ของซีเรีย
ตำแหน่งระดับนำพร้อมทั้งใกล้ชิดตัวประธานาธิบดีถูกส่งมอบให้กับสมาชิกครอบครัวอัซซาด อีกหลายตำแหน่งในรัฐบาลถูกส่งต่อให้กับรุ่นลูกของครอบครัวเดิมที่รับใช้อำนาจมาตั้งแต่สมัยอัซซาดผู้พ่อ ในเวลาเดียวกันกลุ่มชนชั้นกลางใหม่ที่ลืมตาอ้าปากได้จากนโยบายปฏิรูปรวมถึงกลุ่มครอบครัวค้าขายจากนิกายสุหนี่ ก็เข้ามาร่วมในการบริหารประเทศมากขึ้น
อัซซาดมองกระแสลุกฮือของประชาชนที่เรียกกันว่า ‘อาหรับสปริง’ ในปี 2011 ที่โค่นล้มผู้นำในตูนิเซียพร้อมทั้งอียิปต์ได้สำเร็จในแบบไม่ยี่หระ โดยพบว่าการปกครองของซีเรียนั้นเข้ากับประชาชนได้มากกว่า โดยในช่วงเวลานั้นเขายังส่งอีเมลแบบขำขัน ล้อเลียนผู้นำอียิปต์ ฮอสนี มูบารัค เรื่องการไม่ยอมลงจากตำแหน่งเสียที
แต่หลังจากมีการลุกฮือแบบเดียวกันในซีเรีย อัซซาดก็ใช้กองกำลังของรัฐปราบปรามประชาชนอย่างทารุณ โดยให้เหตุผลว่าคนกลุ่มดังกล่าวเป็น “ผู้ก่อการร้ายที่มีต่างชาติหนุนหลัง” ที่พยายามบ่อนทำลายการปกครองของประเทศ
วาทะของอัซซาดลักษณะนี้ ไปสร้างแนวร่วมกับชนกลุ่มน้อยในประเทศ เช่นกลุ่มดรูซ กลุ่มคริสเตียน รวมถึงกลุ่มชีอะห์ พร้อมทั้งสุหนี่ ที่แม้ไม่ชอบระบอบเผด็จการแบบอัซซาด แต่ก็กลัวว่าจะมีรัฐบาลสุหนี่สุดโต่งเข้ามาปกครอง
การประท้วงลุกลามบานปลายเป็นสงครามกลางเมือง จนทำให้ชาวซีเรียหลายล้านคนลี้ภัยไปที่จอร์แดน ตุรกี อิรัก เลบานอน พร้อมทั้งยุโรป
กลุ่มอัยการพร้อมทั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ กล่าวหาซีเรียว่ามีสถานกักกันของรัฐบาลที่ใช้ทรมานพร้อมทั้งเข่นฆ่าผู้คนแบบไม่คำนึงถึงฐานความผิด ไม่เพียงเท่านั้น สงครามยังฆ่าประชาชนไปเกือบ 500,000 คน พร้อมทั้งทำให้มีผู้พลัดถิ่น 23 ล้านคน ซึ่งนับเป็นครึ่งหนึ่งของประชากรในประเทศในช่วงก่อนสงคราม
ที่มา: เอพี
ทรัมป์พบเซเลนสกีที่ปารีส เรียกร้อง ‘หยุดยิงทันที’ ในยูเครน
ทรัมป์โพสต์ข้อความในสื่อทรูธโซเชียลว่า รัสเซียพร้อมทั้งยูเครนต่างสูญเสียกำลังพลหลายแสนคนในสงคราม “ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่แรก” พร้อมทั้งว่า “การเจรจาพร้อมทั้งการจัดทำข้อตกลงหยุดยิงควรเริ่มขึ้นทันที มีการสูญจบชีวิตมากเกินไป พร้อมทั้งมีครอบครัวถูกทำลายมากเกินไป”
ทรัมป์ยังขอให้ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ให้ความร่วมมือเพื่อทำให้สงครามครั้งนี้ยุติลงด้วย
คำพูดของทรัมป์มีขึ้นในวันเสาร์ หลังการหารือกับประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาคร็อง พร้อมทั้งประธานาธิบดียูเครน เซเลนสกี ที่กรุงปารีส ซึ่งเซเลนสกีบอกว่าเป็นการประชุมที่สร้างสรรค์
ผู้นำยูเครน ได้บอกกล่าวกับผู้สื่อข่าวในเวลาต่อมาว่า ข้อตกลงสันติภาพใด ๆ ก็ตามควรจัดทำขึ้นเพื่อชาวยูเครน “เพื่อที่รัสเซียพร้อมทั้งปูติน หรือผู้รุกรานคนอื่น ๆ จะไม่มีโอกาสกลับมาได้อีก”
เซเลนสกียังได้ระบุทางสื่อสังคมออนลไน์ในวันอาทิตย์ด้วยว่า ยูเครนสูญเสียทหาร 43,000 คน พร้อมทั้งบาดเจ็บ 370,000 คนนับตั้งแต่สงครามกับรัสเซียปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2022
เจ้าหน้าที่ชาติตะวันตกหลายคนบอกว่า ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา การสู้รบเพื่อแย่งชิงดินแดนทางภาคตะวันออกของยูเครนได้ทำให้มีทหารทั้งสองฝ่ายจบชีวิตจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ โดยคาดว่ามีกำลังพลถูกสังหารพร้อมทั้งได้รับบาดเจ็บรวมกันหลายหมื่นคนในแต่ละเดือน
ที่มา: เอพี
ด่วน! กลุ่มแข็งข้อโค่นอำนาจรัฐบาลซีเรีย – อัสซาดหนีออกนอกประเทศ
ฝูงชนต่างรวมตัวกันที่จตุรัสต่าง ๆ ในเมืองหลวงของซีเรีย โบกธงสัญลักษณ์ดาวสามดวงซึ่งเป็นธงของการปฏิวัติในซีเรียในช่วงเริ่มต้นของเหตุการณ์การลุกฮือของประชาชนที่เรียกว่า อาหรับสปริง (Arab Spring) เมื่อกว่า 10 ปีก่อนที่สิ้นสุดด้วยการปราบปรามอย่างรุนแรงของรัฐบาลอัสซาด พร้อมทั้งทำให้ประเทศก้าวเข้าสู่สงครามกลางเมืองที่กินเวลากว่า 14 ปี
บรรดานักรบกลุ่มแข็งข้อต่อต้านพากันเปิดประตูเรือนจำทั่วประเทศเพื่อปล่อยตัวนักโทษการเมืองพร้อมทั้งอาชญากรจำนวนมากเป็นอิสระ หลายคนบุกเข้าไปในทำเนียบประธานาธิบดีพร้อมทั้งบ้านพักของครอบครัวอัสซาด หลังจากมีรายงานว่าอัสซาดพร้อมทั้งบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงได้หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่รู้ว่าผู้นำซีเรียผู้นี้อยู่ที่ไหน
ภาพจากวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่แสดงให้เห็นกลุ่มคนบุกเข้าไปในทำเนียบปธน. ทำลายรูปของอัสซาด หลายคนนำข้าวของพร้อมทั้งเฟอร์นิเจอร์ออกมาจากทำเนียบ รวมทั้งมีการเผารูปขนาดใหญ่ของอัสซาดที่ติดอยู่ตามผนังด้านนอกของอาคารต่าง ๆ ในกรุงดามัสกัส
กลุ่มก่อการร้าย HTS
การโค่นอำนาจของรัฐบาลอัสซาดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างน่าตกใจ เมื่อกลุ่มแข็งข้อต่อต้านที่นำโดยกลุ่มติดอาวุธ ฮายัต ทาห์เรีย อัล-ชาม หรือ HTS (Hayat Tahrir al-Sham) สามารถยึดเมืองอเลปโป เมืองฮามาพร้อมทั้งเมืองฮอมส์ ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน
กลุ่ม HTS มีจุดกำเนิดมาจากกลุ่มอัล-ไคยด้า โดยทั้งสหรัฐฯ พร้อมทั้งสหประชาชาติ พบว่ากลุ่มติดอาวุธนี้เป็นกลุ่มก่อการร้าย
รัสเซีย ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของปธน.อัสซาด บอกว่า อัสซาดได้เดินทางออกจากซีเรียหลังจากที่มีการเจรจากับกลุ่มแข็งข้อพร้อมทั้งได้รับปากว่าจะมีการเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติ
ด้านเจ้าหน้าที่การทูตระดับสูงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ปฏิเสธที่จะตอบว่าขณะนี้อัสซาดอยู่ที่ไหน โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยูเออีมักให้ความช่วยเหลือแก่ผู้นำในตะวันออกกลางที่ถูกโค่นอำนาจพร้อมทั้งลี้ภัยในประเทศนี้
การพังทลายของระบอบอัสซาดยังถือเป็นผลเสียใหญ่หลวงต่ออิหร่านซึ่งเป็นผู้สนับสนุนพร้อมทั้งพันธมิตรรายสำคัญของซีเรียในตะวันออกกลาง ในช่วงเดียวกับที่กำลังเกิดการสู้รบระหว่างกลุ่มติดอาวุธหลายกลุ่มที่อิหร่านสนับสนุน เช่น ฮามาสพร้อมทั้งเฮซบอลลาห์ กับอิสราเอล
อาบู โมฮัมเหม็ด อัล-กอลานี
อาบู โมฮัมเหม็ด อัล-กอลานี วัย 42 ปี ผู้ที่ทางการสหรัฐฯ พบว่าเป็นผู้ก่อการร้าย คือผู้นำกลุ่ม HTS ที่อาจก้าวขึ้นมากำหนดทิศทางของประเทศหลังจากนี้ เขาเป็นอดีตผู้บัญชาการของกลุ่มอัล-ไคยดา ที่ตัดสัมพันธ์กับกลุ่มนี้เมื่อหลายปีก่อน พร้อมทั้งตัวเขายืนยันว่ายอมรับแนวคิดที่หลากหลายของฝ่ายต่าง ๆ ในซีเรีย ท่ามกลางความขัดแย้งที่ยังคงปะทุในหลายพื้นที่
กลุ่มแข็งข่อต่อต้านเผยแพร่วิดีโอทางสื่อโทรทัศน์ในซีเรีย พบว่า “ระบอบการปกครองของอาชญากรล่มสลายแล้ว” พร้อมทั้งนักโทษทุกคนได้รับอิสระ พร้อมขอให้ประชาชนช่วยกันรักษาความเป็น “รัฐซีเรียอิสระ” เอาไว้ จากนั้นมีการประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวในกรุงดามัสกัสระหว่างเวลา 16:00 น. – 5:00 น.
ผู้บัญชาการกลุ่มแข็งข้อต่อต้าน อานาส ซาลคาดี กล่าวผ่านทางโทรทัศน์ในเวลาต่อมา รับประกันความปลอดภัยของชนกลุ่มน้อยพร้อมทั้งกลุ่มผู้มีความแตกต่างทางศาสนาในซีเรีย โดยยืนยันว่า “ซีเรียคือประเทศสำหรับทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น” พร้อมทั้งว่า “เราจะไม่ปฏิบัติต่อประชาชนเหมือนกับที่ครอบครัวอัสซาดทำไว้”
หนังสือพิมพ์ อัล-วาตาน ซึ่งสนับสนุนรัฐบาลซีเรีย พบว่า “เรากำลังเผชิญกับบทใหม่ของซีเรีย เราขอขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าที่ไม่มีการนองเลือด เราเชื่อมั่นว่าซีเรียจะเป็นประเทศสำหรับประชาชนชาวซีเรียทุกคน”
ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ในซีเรียเป็นมุสลิมนิกายสุหนี่ แต่ครอบครัวอัสซาดนั้นนับถือนิกายอะละวีซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของนิการชีอะห์ นอกจากนี้ยังมีประชากรบางส่วนเป็นชาวคริสต์ ชาวเคิร์ด พร้อมทั้งชาวดรูซ
ข้อมูลบางส่วนจากเอพี