ทหารยูเครนเผยรัสเซียยึดแคว้นเคิร์สกคืนได้แล้ว 40%

เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพยูเครนผู้หนึ่งเปิดเผยว่า ยูเครนสูญเสียการครอบครองพื้นที่แคว้นเคิร์สกราว 40% คืนให้แก่รัสเซียแล้ว หลังจากที่ยึดดินแดนดังกล่าวมาได้เมื่อเดือนสิงหาคมจากปฏิบัติการจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว ตามรายงานของรอยเตอร์

แหล่งข่าวดังกล่าวซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ บอกว่า รัสเซียได้ส่งกำลังทหารราว 59,000 คนไปยังแคว้นเคิร์สกเพื่อทำการชิงพื้นที่คืนจากยูเครน พร้อมทั้งว่า “ในจุดหนึ่งเราสามารถยึดครองพื้นที่ได้ราว 1,376 ตร.กม. แต่ขณะนี้พื้นที่ดังกล่าวลดลงเมื่อกองทัพรัสเซียเพิ่มปฏิบัติการจู่โจมโต้กลับ พร้อมทั้งขณะนี้เราเหลือพื้นที่ราว 800 ตร.กม. ซึ่งเราจะรักษาให้ได้เท่าที่กำลังทหารจะเอื้ออำนวย” 

การสูญเสียแคว้นเคิร์สกเมื่อเดือนสิงหาคม ถือเป็นครั้งแรกที่กองทัพต่างชาติสามารถบุกยึดดินแดนในรัสเซียได้นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง 

การยึดแคว้นเคิร์สกของรัสเซียซึ่งมีพรมแดนติดกับยูเครน คือยุทธศาสตร์ของกรุงเคียฟที่มีเป้าหมายสกัดการรุกคืบของรัสเซียในแถบภาคตะวันออกพร้อมทั้งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ด้วยการทำให้รัสเซียต้องถอนทหารบางส่วนออไปจากพื้นที่ขจองยูเครนเพื่อนำไปป้องกันแคว้นเคิร์สก พร้อมทั้งยังเพิ่มอำนาจต่อรองของยูเครนในการเจรจาสันติภาพกับรัสเซียด้วย

ถ้าหากว่า ปฏิบัติการนี้ได้ผลเพียงบางส่วน เพราะกองทัพรัสเซียยังคงเดินหน้ารุกเข้าไปในภาคตะวันออกของยูเครนอย่างต่อเนื่อง

ประธานาธิบดียูเครน โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี เชื่อว่า เป้าหมายหลักของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน คือการยึดครองแคว้นดอนบาสของยูเครนทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วยเขตปกครองดอแนตส์ก พร้อมทั้งลูฮันส์ก รวมทั้งขับไล่ทหารยูเครนออกจากแคว้นเคิร์สก

เซเลนสกี บอกว่า “ปูตินต้องการบึดแคว้นเคิร์สกคืนให้ได้ก่อนวันที่ 20 มกราคม” เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัสเซียสามารถควบคุมสถานการณ์นี้ไว้ได้ โดยวันดังกล่าวคือวันเดียวกับที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะปฏิญาณตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ 

แหล่งข่าวเดียวกันนี้เผยด้วยว่า ขณะนี้เขตปกครองคูราโคฟของยูเครนกำลังถูกกองทัพรัสเซียคุกคามอย่างหนัก โดยทหารสามารถรุกกินแดนเข้ามาได้ราว 200-300 เมตรต่อวัน ด้วยการใช้รถหุ้มเกราะจู่โจมเปิดทางพร้อมทั้งมีระบบต่อต้านโดรนเป็นฝ่ายสนับสนุน

คูราโคฟถือเป็นประตูสำคัญสู่เมืองโพครอฟส์กซึ่งเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งในเขตปกครองดอแนตส์ก 

ขณะนี้คาดว่ามีทหารรัสเซียรบอยู่ในยูคเรนราว 575,000 คน ดยทางการกรุงมอสโกมีแผนเพิ่มกำลังทหารเป็น 690,000 คน แต่ทางรอยเตอร์ยังไม่สามารถยืนยันตัวเลขนี้ได้ 

ด้านยูเครนซึ่งมีกำลังพลพร้อมทั้งอาวุธน้อยกว่า พยายามใช้วิธีทำลายเสน้ทางการขนส่งเสบียงของรัสเซียด้วยการจู่โจมโกดังอาวุธ สนามบิน พร้อมทั้งเป้าหมายทางทหารอื่น ๆ ของรัสเซีย

เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว กองทัพยูเครนได้รับข่าวดีเมื่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ยืนยันว่าจะยินยอมให้ยูคเรนสามาราถใช้อาวุธจู่โจมพิสัยไกล ATACMS เพื่อจู่โจมลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซียได้ เพื่อตอบโต้ที่รัสเซียนำทหารเกาหลีเหนือเข้ามาร่วมในสงครามครั้งนี้

ยูเครนเริ่มการจู่โจมด้วยขีปนาวุธ ATACMS เข้าไปในรัสเซียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยขีปนาวุธลูกหนึ่งจู่โจมใส่โกดังอาวุธของรัสเซียที่อยู่ห่างออกไปราว 110 กม. 

พร้อมทั้งเมื่อวันพฤหัสบดี รัสเซียตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธพิสัยกลางรุ่นใหม่เข้าใส่เมืองดนิโปรของยูเครน ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงองค์การนาโต้ด้วย

ปัจจุบัน รัสเซียครอบครองพื้นที่ราว 1 ใน 5 ของยูเครนเอาไว้ได้ ดยปธน.ปูติน ต้องการให้กรุงเคียฟยุติการสมัครเข้าเป็นสมาชิกขององค์การนาโต้ พร้อมทั้งถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากเขตปกครอง 4 แห่งในยูเครนที่รัสเซียสามารถยึดครองไว้ได้ตั้งแต่ช่วงต้นของสงครามครั้งนี้ 

ที่มา: รอยเตอร์

ผู้นำเพนตากอนเผย ทหารเกาหลีเหนือเตรียมรบกับยูเครน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลอยด์ ออสติน กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า สหรัฐฯ เชื่อว่าทหารเกาหลีเหนือนับหมื่นคนที่อยู่ในรัสเซีย กำลังจะเข้าร่วมต่อสู้กับยูเครนเร็ว ๆ นี้

รัฐมนตรีออสตินระบุกับผู้สื่อข่าวขณะเยือนประเทศฟิจิว่า มีทหารเกาหลีเหนือราว 10,000 คนซึ่งเชื่อว่าเดินทางเข้าไปฝึกที่รัสเซียตั้งแต่เดือนที่แล้ว ประจำการอยู่ในแคว้นเคิร์สกของรัสเซียไม่ไกลจากชายแดนยูเครน พร้อมทั้งกำลังจะถูกรวมอยู่ในการจัดทัพของรัสเซียเพื่อเข้าร่วมในสงครามกับยูเครน

รัฐมนตรีออสตินบอกว่า “จากสิ่งที่พวกเขา (ทหารเกาหลีเหนือ) ได้รับการฝึกฝน พร้อมทั้งแนวทางที่พวกเขาถูกผนวกเข้ากับการจัดทัพของรัสเซีย ทำให้เชื่อได้ว่าพวกเขาจะเข้าสู่สนามรบเร็ว ๆ นี้” พร้อมยืนยันว่า ที่ผ่านมายังไม่มีรายงานว่าทหารเกาหลีเหนือร่วมในต่อสู้กับยูเครนแล้วแต่อย่างใด

เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ พร้อมทั้งองค์กรวิจัยกลุ่มหนึ่ง กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า รัสเซียได้จัดหาน้ำมัน ขีปนาวุธ พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมแก่รัฐบาลกรุงเปียงยาง แลกกับการส่งทหารเกาหลีเหนือเข้าสู่การทำสงครามกับยูเครน

ทางด้านยูเครนเตือนว่า เวลานี้รัสเซียมีกำลังพลราว 50,000 คน รวมทั้งทหารเกาหลีเหนือ ในการบุกกดดันเพื่อขับไล่ทหารยูเครนออกจากดินแดนบางส่วนของรัสเซียที่ยูเครนยึดไว้ได้ก่อนหน้านี้ 

ทั้งนี้ ยูเครนอ้างว่าได้ยึดพื้นที่บางส่วนในแคว้นเคิร์สกของรัสเซียตั้งแต่เดือนสิงหาคม ระหว่างปฏิบัติการจู่โจมสายฟ้าแลบ แม้ว่ากำลังทหารของยูเครนจะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกองทัพรัสเซียก็ตาม

ที่มา: เอเอฟพี

วิเคราะห์: เกาหลีเหนือช่วยรัสเซียรบ จุดวัดใจการทูตจีน

การส่งกำลังพลเกาหลีเหนือไปช่วยรัสเซียกำลังส่งผลกระทบไปยังจีนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งสองชาติ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าทำให้ท่าทีต่อสงครามในยูเครนของรัฐบาลปักกิ่งเผชิญปัจจัยที่ซับซ้อนขึ้น

สิ่งที่บ่งชี้ว่าจีนพัวพันในสมการความขัดแย้งนี้ มาจากการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G20 ที่บราซิล พร้อมทั้งในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่เปรู ที่หลายชาติคู่ค้าของจีนร้องขอให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กดดันเกาหลีเหนือให้เลิกส่งกำลังไปช่วยรัสเซียรบกับยูเครน

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีจีนกล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับ ปธน.ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา แห่งบราซิล เรียกร้องให้มี “เสียงแห่งสันติภาพมากขึ้น” ในยูเครน พร้อมทั้งผลักดันฉันทามติหกข้อที่จีนพร้อมทั้งบราซิลเคยเสนอเมื่อเดือนพฤษภาคม ที่มุ่งเน้นให้เกิดการเจรจาพร้อมทั้งหาข้อสรุปในทางการเมือง

เมื่อวันอังคาร นายกรัฐมนตรีเยอรมนี โอลาฟ โชลต์ซ ได้บอกกล่าวกับสีในเวที G20 ว่าการร่วมรบของเกาหลีเหนือคือการยกระดับสงครามในยูเครน

ด้านประธานาธิบดียูน ซุก ยอล แห่งเกาหลีใต้ ร้องขอผู้นำจีนในเวทีเอเปค ให้มีบทบาท “อย่างสร้างสรรค์” ในเรื่องความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้นระหว่างรัฐบาลกรุงเปียงยางพร้อมทั้งกรุงมอสโก

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้บอกกล่าวกับสีในเวทีเอเปคว่า การร่วมสงครามของเกาหลีเหนือ ขัดกับจุดยืนของจีนที่ไม่ต้องการให้สงครามในยูเครนบานปลายขยายวง พร้อมทั้งจีนมีศักยภาพพร้อมทั้งอิทธิพลในการป้องกันไม่ให้สงครามดำเนินไปในทางนั้น อ้างอิงจากการแถลงข่าวของที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เจค ซัลลิแวน

นักวิเคราะห์มองว่าจีนกำลังเผชิญโจทย์ที่ท้าทาย ในการมีท่าทีต่อสงครามที่ซับซ้อนขึ้นไปพร้อม ๆ กับการคานอำนาจกับชาติตะวันตก

แพทริเซีย คิม ผู้ทำโครงการ Global China Project จากสถาบันบรูคกิง (Brooking Institute) ได้บอกกล่าวกับวีโอเอว่าจีนคงไม่สบายใจกับสัมพันธ์ทางทหารที่ลึกซึ้งขึ้นของรัสเซียพร้อมทั้งเกาหลีเหนือ แต่ก็ไม่สามารถโดดเดี่ยวทั้งสองชาติในขณะที่อาจต้องเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ มากขึ้นในรัฐบาลต่อไปที่จะนำโดยโดนัลด์ ทรัมป์

เธอบอกว่า “ตอนนี้ปูตินติดหนี้คิม (คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ) พร้อมทั้งนี่อาจไปส่งเสริมให้กรุงเปียงยางมีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงมากขึ้นในประเทศตัวเอง ซึ่งอาจส่งผลกระทบกลับไปยังจีนได้”

ที่ผ่านมา จีนยังลังเลที่จะพูดคุยกับคิม จอง อึน กรณีการส่งกองกำลังพร้อมทั้งยุทธปัจจัยไปช่วยรัสเซีย

ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครน กล่าวเมื่ออังคารที่ผ่านมาว่ากรุงเปียงยางอาจส่งทหารมาร่วมรบถึง 100,000 คน ในขณะที่สหรัฐฯ ประเมินว่าตอนนี้มีกำลังรบจากเกาหลีเหนืออยู่ในแคว้นเคิร์สก์แล้วราว 11,000 คน

บอนนี กเลเซอร์ ผู้อำนวยการโครงการอินโด-แปซิฟิก จากองค์กรคลังความคิด German Marshall Fund of the United States บอกว่า สี จิ้นผิง ไม่น่าจะเผชิญหน้ารัสเซียพร้อมทั้งเกาหลีเหนือในประเด็นนี้ พร้อมทั้งคงจะกังวลกับท่าทีของสหรัฐฯ ญี่ปุ่นพร้อมทั้งเกาหลีใต้ ที่จะกระทบกับผลประโยชน์ของจีนมากกว่า

ที่ผ่านมา จีนเองก็ถูกกล่าวหาว่าจัดส่งวัตถุดิบที่ทั้งพลเรือนพร้อมทั้งทหารใช้งานได้ (dual use goods) ไปให้รัสเซียผลิตอาวุธ พร้อมทั้งทางสหภาพยุโรปก็เคยเตือนจีน กรณีรายงานการผลิตโดรนจู่โจมของรัสเซียในเขตปกครองพิเศษซินเจียงของจีนเช่นกัน

หลิว เพ็งหยู โฆษกสถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ได้บอกกล่าวกับวีโอเอเมื่อวันพุธว่าจุดยืนของจีนเกี่ยวกับยูเครนพร้อมทั้งคาบสมุทรเกาหลียังคง “เสมอต้นเสมอปลาย” พร้อมทั้งที่ผ่านมา รัฐบาลกรุงปักกิ่ง “พยายามเดินหน้าให้สถานการณ์บรรเทาลง” ในยูเครน

โจเซฟ เดอทรานี อดีตผู้แทนพิเศษในเวทีปลดอาวุธนิวเคลียร์หกฝ่ายปี 2003-2006 ที่มีจีนพร้อมทั้งเกาหลีเหนือร่วมโต๊ะด้วย บอกว่าจีนมีประสบการณ์ พร้อมทั้งทำได้ดีในการมีบทบาทที่คลุมเครือทางการทูต สะท้อนจากการสนับสนุนรัสเซียไปพร้อม ๆ กับเลี่ยงผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ พร้อมทั้งสหภาพยุโรป

เขามองว่าผู้นำจีนจะไม่สนับสนุนการทำสงครามของรัสเซียอย่างเปิดเผย เพราะกังวลว่าจะเสียความน่าเชื่อถือในหมู่ประเทศกำลังพัฒนาที่สี จิ้นผิง พยายามสื่อสารว่าระบบการปกครองของจีนเหนือกว่าระบบเสรีประชาธิปไตยแบบสหรัฐฯ

ริชาร์ด ไวซ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิเคราะห์การเมือง-การทหาร จากสถาบันฮัดสัน (Hudson Institute) บอกว่าจีนพร้อมทั้งรัสเซีย “มีจุดร่วมพื้นฐานในระดับโลกที่ต่อต้านระเบียบของสหรัฐฯ พร้อมทั้งชาติตะวันตก ดังนั้น พวกเขาจะไม่ให้ความเห็นต่างในประเด็นจำเพาะมาแทรกแซงขบวนแนวร่วมในระดับโลก”

หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน กล่าวในการพบกับเซอร์เก ลาฟรอฟ รมต.ต่างประเทศของรัสเซียระหว่างประชุม G20 เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ว่ารัฐบาลปักกิ่งพร้อมร่วมมือกับรัสเซียอย่างใกล้ชิดภายใต้กรอบองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization) อ้างอิงจากสื่อ TASS ของรัฐบาลรัสเซีย

ในวันต่อมา กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเน้นย้ำถึงความสำคัญของทั้งสองชาติ ในการเสริมสร้างนโยบายต่างประเทศในเวทีระดับโลก รวมถึงในเวทีองค์การสหประชาชาติ ในกลุ่มประเทศ BRICS พร้อมทั้ง G20

ที่มา: วีโอเอ

เตือนภัยสภาวะอากาศเลวร้ายทั่วอเมริกา สัปดาห์วันขอบคุณพระเจ้า

พยากรณ์อากาศทั่วสหรัฐฯ เตือนภัยสภาวะอากาศเลวร้ายปกคลุมหลายพื้นที่ในอเมริกาช่วงสัปดาห์วันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งอาจสร้างปัญหาให้กับการเดินทางในช่วงเทศกาลนี้ 

ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย มีรายงานผู้จบชีวิตหนึ่งรายในรถยนต์ที่จมน้ำหลังเกิดน้ำท่วมเมื่อวันเสาร์ ขณะที่ประชาชนหลายพันครอบครัวยังคงเผชิญกับไฟฟ้าดับต่อเนื่องหลายวัน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีผู้จบชีวิตสองคนจากเหตุการณ์พายุ “บอมบ์ไซโคลน” พัดถล่มทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ทำให้ประชาชนหลายแสนคนไม่มีไฟฟ้าใช้ ส่วนใหญ่อยู่ในแถบนครซีแอตเติล รัฐวอชิงตัน พร้อมทั้งมีบ้านเรือนรวมทั้งรถยนต์เสียหายจำนวนมาก

ที่รัฐวอชิงตัน ประชาชนมากกว่า 185,000 คน ไม่มีไฟฟ้าใช้มาตั้งแต่วันอังคาร สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่กำลังนำเสาไฟฟ้า ต้นไม้พร้อมทั้งเศษซากปรักหักพังออกจากพื้นถนน พร้อมทั้งคาดว่าไฟฟ้าจะไม่ทำงานไปจนถึงวันเสาร์

เมืองซานตาโรซา รัฐแคลิฟอร์เนีย เผชิญฝนตกหนักสามวันติดต่อกัน ปริมาณน้ำฝนสูงถึง 32 ซม. เมื่อวันศุกร์ ขณะที่มีรายงานไร่องุ่นเสียหายจำนวนมาก

พายุรุนแรงที่ขึ้นฝั่งสหรัฐฯ ครั้งนี้ เป็นปรากฏการณ์ที่นักอุตุนิยมวิทยาเรียกว่าบอมโบเจเนซิส (bombogenesis) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่า บอมบ์ไซโคลน หมายถึงภาวะที่ความรุนแรงของพายุไซโคลนเพิ่มขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว

สำนักงานภูมิอากาศแห่งชาติในรัฐแคลิฟอร์เนีย เตือนภัยพายุฤดูหนาวในแถบเทือกเขาเซียร์ราเนวาดาในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าจะมีหิมะตกหนักในแถบภูเขา บางพื้นที่อาจมีหิมะสูงราว 1.2 เมตร 

ส่วนแถบภาคกลางพร้อมทั้งภาคเหนืออาจมีฝนตกหนักพร้อมทั้งหิมะในวันจันทร์ ส่วนภาคตะวันออกอาจเผชิญกับพายุหิมะในวันพฤหัสบดีซึ่งเป็นวันขอบคุณพระเจ้า พร้อมทั้งวันศุกร์ นครนิวยอร์กพร้อมทั้งนครบอสตันอาจเผชิญกัยฝนตก ลมพัดแรงพร้อมทั้งหิมะ 

พยากรณ์อากาศคาดว่าจะมีหิมะตกหนักทางตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐเพนซิลเวเนีย พื้นที่แถบหุบเขาอาจมีหิมะสูงถึง 43 ซม.

ที่มา: เอพี

 

‘ทรัมป์’ เสนอชื่อรัฐมนตรีคลัง-เกษตร-แรงงาน-การเคหะ

ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อ บรูค โรลลินส์ ซีอีโอสถาบัน America First Policy Institute เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรคนใหม่

หากผ่านการรับรองของวุฒิสภาสหรัฐฯ โรลลินส์จะทำหน้าที่ดูแลกระทรวงที่มีเจ้าหน้าที่ 100,000 คนพร้อมทั้งมีสำนักงานอยู่ในทุกเขตปกครองทั่วประเทศ พร้อมทั้งบริหารงบประมาณราว 437 ล้านดอลลาร์ 

กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ดูแลโครงการด้านการเกษตรพร้อมทั้งอาหารต่าง ๆ ตรวจสอบความปลอดภัยทางอาหาร พัฒนาที่ดินเพื่อการเกษตร ตลอดจนการวิจัยในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอาหารพร้อมทั้งสินค้าการเกษตร เป็นต้น

กระทรวงการคลัง

เมื่อคืนวันศุกร์ โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อ สก็อตต์ เบสเซนต์ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่

เบสเซนต์ มหาเศรษฐีวัย 62 ปี เป็นผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Key Square Capital Management พร้อมทั้งเคยทำงานให้กับกองทุนการเงิน Soros Fund Management เขาเคยสนับสนุนพรรคเดโมแครตก่อนที่จะเปลี่ยนมาสนับสนุนทรัมป์อย่างแข็งขัน

คาดว่าเบสเซนต์จะใช้นโยบายควบคุมงบประมาณทางการเงินอย่างเข้มงวดพร้อมทั้งจะมุ่งเน้นการลดยอดขาดดุลปบประมาณของรัฐบาลสหรัฐฯ รวมทั้งขยายนโยบายการลดภาษีรายได้ พร้อมทั้งเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้า โดยเฉพาะสินค้าจากจีน

หากผ่านการรับรองของวุฒิสภาสหรัฐฯ เขาจะเป็นรัฐมนตรีคลังคนแรกที่เปิดเผยว่าตนเองเป็นเกย์ โดยทรัมป์บอกว่า สก็อตต์คือนักลงทุนระดับแนวหน้าของโลก พร้อมทั้งยังเป็นนักวางแผนด้านเศรษฐกิจพร้อมทั้งภูมิศาสตร์การเมืองโลกตัวยง

สำนักงบประมาณ กระทรวงแรงงาน พร้อมทั้งการเคหะ

เมื่อคืนวันศุกร์ ทรัมป์ยังได้เสนอชื่อ รัสเซลล์ เธอร์โลว์ วอจต์ เป็นผู้อำนวยการสำนักงานบริหารพร้อมทั้งงบประมาณ (Office of Management and Budget) ซึ่งเขาเคยดำรงตำแหน่งเดียวกันนี้มาแล้วในรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก พร้อมทั้งยังมีส่วนร่วมในการจัดทำนโยบายของฝ่ายอนุรักษ์นิยมสำหรับรัฐบาลทรัมป์สมัยที่สอง หรือที่เรียกกันว่า Project 2025

ในวันเดียวกัน ทรัมป์ยังเสนอชื่อ ลอรี ชาเวซ-เดอเรมเมอร์ สมาชิกรัฐสภารัฐโอเรกอน ให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รวมทั้งเลือก สก็อตต์ เทอร์เนอร์ ให้นั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเคหะ โดยเทอร์เนอร์เคยอยู่ในคณะทำงานทำเนียขาวในรัฐบาลทรัมป์สมัยแรกเช่นกัน

ในส่วนของความมั่นคง ทรัมป์ประกาศชื่อ อเล็กซ์ หว่อง อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ให้เป็นรองที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ โดยทรัมป์บอกว่า หว่องซึ่งเคยทำงานเป็นรองผู้แทนพิเศษด้านเกาหลีเหนือในรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก คือผู้มีบทบาทสำคัญในการเจรจาให้เกิดการประชุมสุดยอดระหว่างตนกับผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน มาเแล้ว

พร้อมทั้งเมื่อวันพฤหัสบดี ทรัมป์บอกว่า ตนจะเสนอชื่อ แพม บอนดี อัยการสูงสุดของรัฐฟลอริดา ให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมคนใหม่ แทนอดีต ส.ส.พรรครีพับลิกัน แมตต์ เกตซ์ ที่ประกาศถอนตัวจากการพิจารณาท่ามกลางข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดทางเพศพร้อมทั้งการใช้ยาเสพติด

แพม บอนดี อัยการหญิงวัย 59 ปี เคยเป็นหนึ่งในทีมทนายความของทรัมป์ที่ช่วยปกป้องเขาระหว่างที่ถูกพิจารณาถอดถอนขณะดำรงตำแหน่งสมัยแรก พร้อมทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการเรียกร้องให้คว่ำผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2020 ที่ทรัมป์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ด้วย

ถ้าหากว่า คาดว่าผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจากทรัมป์หลายคนจะต้องเผชิญการไต่สวนอย่างเข้มข้นในวุฒิสภาสหรัฐฯ ก่อนที่จะผ่านการรับรองให้ดำรงตำแหน่ง รวมทั้ง พีท เฮกเซ็ธ ผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ที่มีข่าวอื้อฉาวเรื่องการละเมิดทางเพศ พร้อมทั้ง โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ ผู้ต่อต้านวัคซีน ซึ่งได้รับเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขพร้อมทั้งบริการประชาชนคนใหม่ด้วย

ข้อมูลบางส่วนจากเอพีพร้อมทั้งรอยเตอร์

ขู่ออกสื่อ! รองปธน.ฟิลิปปินส์เผยจะลอบสังหารผู้นำ ‘มาร์กอส จูเนียร์’

ซารา ดูเตอร์เต รองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า เธอได้ว่าจ้างมือสังหารให้ลอบปลิดชีวิตประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ พร้อมทั้งภริยา รวมทั้งประธานสภาผู้แทนราษฎร หากว่าตัวเธอเองถูกสังหาร ถือเป็นการขู่อย่างเปิดเผยต่อสาธารณชนซึ่งเธอย้ำด้วยว่าไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

สำนักงานความปลอดภัยประธานาธิบดีฟิลิปปินส์สั่งเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์ ทันทีหลังคำขู่ดังกล่าว พร้อมทั้งบอกว่าคำขู่ของรองปธน.ดูเตอร์เต ถือเป็นเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ โดยยืนยันว่าได้มีการประสานไปยังหน่วยงานรักษากฎหมายต่าง ๆ เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบพร้อมทั้งปกป้องภัยคุกคามใด ๆ ต่อประธานาธิบดีพร้อมทั้งสมาชิกในครอบครัวแล้ว

ต่อมา ซารา ดูเตอร์เต ซึ่งเป็นทนายความพร้อมทั้งบุตรสาวของอดีตประธานาธิบดีคนก่อน โรดริโก ดูเตอร์เต พยายามแก้คำพูดของเธอโดยบอกว่า นั่นไม่ใช่คำขู่จริง ๆ แต่เป็นการแสดงออกถึงความกังวลของเธอเองหลังจากที่เธอถูกคุกคามชีวิตเช่นกัน

ดูเตอร์เตได้บอกกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “หากว่าฉันแสดงความกังวล พวกเขาก็บอกว่านั้นเป็นการขู่เอาชีวิตประธานาธิบดีอย่างนั้นหรือ?” พร้อมทั้งว่า “ทำไมฉันจะสังหารเขา (ประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์) หากไม่ใช่เป็นการแก้แค้นจากการถูกสังหารก่อน? ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ฉันต้องทำเช่นนั้น มีประโยชน์อะไรหรือ?” 

ถ้าหากว่า ภายใต้กฎหมายฟิลิปปินส์ การขู่คุกคามอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชนอาจถือเป็นความผิดทางอาญา พร้อมทั้งอาจต้องโทษปรับพร้อมทั้งจำคุกได้

รัฐธรรมนูญฟิลิปปินส์ระบุไว้ว่า หากประธานาธิบดีถึงแก่อสัญกรรม พิการจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ถูกถอดถอนหรือลาออก ผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งแทนคือรองประธานาธิบดีในขณะนั้น

ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เมื่อปี 2022 มรร์กอส จูเนียร์ ลงสมัครโดยมี ซารา ดูเตอร์เต ลงแข่งคู่กันในตำแหน่งรองปธน. พร้อมทั้งทั้งคู่สามารถชนะเลือกตั้งได้อย่างถล่มทลาย 

แต่หลังจากนั้น ทั้งสองฝ่ายเริ่มมีปัญหาขัดแย้งกันในหลายประเด็น รวมทั้งจุดยืนต่อท่าทีอันก้าวร้าวของจีนในทะเลจีนใต้ นำไปสู่การลาออกของดูเตอร์เตจากตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการพร้อมทั้งหัวหน้าองค์กรต่อต้านการกบฎ เมื่อเดือนมิถุนายน

จากนั้นเธอได้ออกมาวิจารณ์ปธน.มาร์กอส จูเนียร์ พร้อมทั้งภริยาของเขา รวมทั้งประธานสภาผู้แทนฯ มาร์ติน โรมูอัลเดซ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของมาร์กอส โดยกล่าวหาว่าพวกเขาทุจริต ไร้ความสามารถ พร้อมทั้งข่มเหงทางการเมืองต่อครอบครัวพร้อมทั้งบรรดาผู้สนับสนุนเธอ

ฟางเส้นสุดท้ายของทั้งสองฝ่ายขาดลงเมื่อสมาชิกสภาผู้แทนฯ ที่เป็นพรรคพวกของมาร์กอสพร้อมทั้งโรมูอัลเดซได้มีคำตัดสินจับกุม ซูไลกา โลเปซ หัวหน้าคณะทำงานของดูเตอร์เต ผู้ถูกกล่าวหาว่าขัดขวางการสืบสวนของรัฐสภาในกรณีการใช้งบประมาณในทางมิชอบของดูเตอร์เต 

ในการแถลงข่าวเมื่อวันเสาร์ รองปธน.ดูเตอร์เต วัย 46 ปี กล่าวหาปธน.มาร์กอสพร้อมทั้งโรมูอัลเดซว่าโกหกหลอกลวง พร้อมทั้งบอกด้วยว่ามีแผนลอบสังหารเธอ

เมื่อถูกถามว่ากังวลต่อความปลอดภัยของตัวเธอเองหรือไม่ ดูเตอร์เตบอกว่า “ไม่ต้องกังวลต่อความปลอดภัยของฉัน เพราะฉันได้คุยกับใครบางคนไว้แล้วว่า ‘หากฉันถูกฆ่า คุณจงไปสังหารประธานาธิบดีมาร์กอส ภรรยาลิซา อาราเนตา พร้อมทั้งประธานสภาฯ มาร์ติน โรมูอัลเดซ ทันที นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น’ ” พร้อมทั้งยังบอกด้วยว่า เธอได้สั่งการไปแล้วว่าให้บุคคลผู้นั้นเดินหน้าต่อไปจนกว่าจะสังหารพวกเขาได้ 

ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมือง ผู้บัญชาการกองทัพฟิลิปปินส์ โรมิโอ บรอนเนอร์ ออกมาเรียกร้องให้เกิดความสงบ พร้อมทั้งมีแถลงการณ์ว่า กองทัพฟิลิปปินส์ที่มีทหารประจำการ 160,000 คนจะคงสถานะเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ภายใต้ความเคารพต่อระบอบประชาธิปไตยพร้อมทั้งรัฐบาลพลเรือน

ที่มา: เอพี

 

แจ้ง 3 เส้นทางเลี่ยง ปิดการจราจร จัดพิธีทำบุญให้ผู้ล่วงลับ “บัสไฟไหม้” 25 พ.ย.

ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ประชาสัมพันธ์ 3 เส้นทางเลี่ยง ปิดการจราจรจัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับจาก เหตุรถบัสไฟไหม้วันจันทร์ที่ 25 พ.ย. 67 นี้

พท. ย้ำเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญให้เร็วที่สุด ยันจุดยืนใช้เสียงข้างมากหนึ่งชั้น

“กฤช เอื้อวงศ์” เผย ต้องหารือประธานรัฐสภา พร้อมทั้งประธาน กมธ.ทุกคณะ ปม ร่างพ.ร.บ.ประชามติ อาจเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน ย้ำรัฐบาลจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เร็วที่สุด ทุกพรรคเห็นตรงกันใช้เสียงข้างมาก 1 ชั้น

ตั้งกรรมการสอบ “ผกก.บางซื่อ-สว.สอบสวน” รับแจ้งความทนายตั้ม ปมเงิน 39 ล้าน

บช.น. สั่งตังกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี “ผกก. – สว.สอบสวน บางซื่อ” ปมรับแจ้งความ “ทนายตั้ม” อ้างเจ๊อ้อยถูกโกงเงิน 39 ล้าน

มั่นใจ เพื่อไทยไม่มีพฤติกรรมให้คนนอกครอบงำ เชื่อ กกต. ยึดหลักนิติธรรม

“นพดล” มั่นใจ พรรคเพื่อไทยไร้พฤติกรรมให้คนนอกครอบงำ เชื่อ องค์กรอิสระพิจารณาหลักฐาน-ข้อเท็จจริงตามหลักนิติธรรม ไม่มีอะไรต้องกังวลไปก่อน