อิสราเอลถล่มเบรุตต่อเนื่อง-หลังสังหารกว่า 40 ชีวิต

กองกำลังอิสราเอลเดินหน้าทำการจู่โจมทางอากาศเข้าใส่พื้นที่ทางใต้ของชานกรุงเบรุตในวันพฤหัสบดี หลังเพิ่งดำเนินปฏิบัติการถล่มภาคตะวันออกพร้อมทั้งภาคใต้ของเลบานอนจนมีผู้จบชีวิตไปกว่า 40 คน

การจู่โจมในวันพฤหัสบดีเกิดขึ้นใกล้กับสนามบินนานาชาติเลบานอน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพอิสราเอลประกาศเมื่อวันพุธให้ประชาชนทำการอพยพออกไป

กองทัพอิสราเอลบอกว่า ปฏิบัติการในวันพฤหัสบดีนั้นพุ่งเป้าไปยังที่ทำการใหญ่ของกลุ่มเฮซบอลลาห์พร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐานทางทหารในกรุงเบรุต

ในวันพฤหัสบดี นาอิม คาสเซม ผู้นำคนใหม่ของเฮซบอลลาห์ ออกมาเตือนผ่านคลิปวิดีโอที่บันทึกจากพื้นที่ที่ไม่มีการเปิดเผยว่าอยู่ที่ใด ว่า นักรบของกลุ่มจะทำศึกกับอิสราเอลจนกว่าอีกฝ่ายจะร้องขอให้เกิดสันติ โดยพบว่า “เราจะทำให้ศัตรูต้องร้องหาการยุติการรุกราน” ด้วย

คาสเซมยังกล่าวด้วยว่า หนทางสู่การเจรจาทางอ้อม ผ่านรัฐบาลพร้อมทั้งประธานสภาผู้แทนราษฎรเลบานอนนั้นยังมีอยู่ หากอิสราเอลหยุดการจู่โจมเสีย

ในช่วง 13 เดือนที่ผ่านมา มีผู้คนกว่า 3,000 คนจบชีวิตในเลบานอนจากภาวะความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลพร้อมทั้งเฮซบอลลาห์ โดยส่วนใหญ่ถูกสังหารตั้งแต่มีการยกระดับการสู้รบอย่างรุนแรงเมื่อกลางเดือนกันยายน ก่อนกองทัพอิสราเอลรุกเข้ามาทางใต้ของเลบานอนในวันที่ 1 ตุลาคม

จนถึงบัดนี้ ประชาชนกว่า 1 ล้านคนในเลบานอนต้องกลายมาเป็นผู้พลัดถิ่นแล้ว

 

กาซ่า

ในพื้นที่ตอนเหนือของกาซ่าที่กองทัพอิสราเอลยกระดับความรุนแรงของการจู่โจมเข้าใส่นักรบกลุ่มฮามาสในช่วงเดือนที่ผ่านมา องค์การสหประชาชาติประเมินว่า มีผู้คนราว 100,000 คนที่กลายมาเป็นผู้พลัดถิ่นเพิ่ม

สเตฟาน ดูจาร์ริค โฆษกของยูเอ็น บอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธว่า มีการประเมินว่า ประชาชนราว 75,000 ถึง 95,000 คนยังคงอาศัยอยู่ในพื้นที่ตอนเหนือของกาซ่า ขณะที่ ยอดผู้จบชีวิตในช่วงเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่หลายร้อยคน

ในเวลาเดียวกัน ดูจาร์ริค เปิดเผยด้วยว่า โครงการแจกจ่ายวัคซีนโปลิโอโดยองค์การอนามัยโลก องค์การ UNICEF พร้อมทั้งหน่วยงานผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ของยูเอ็น (UNRWA) ในกาซ่านั้นได้เสร็จสิ้นลงแล้วตั้งแต่เมื่อวันอังคาร โดยสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็ก ๆ ในพื้นที่ภาคกลางของกาซ่าได้ถึง 103% ซึ่งหมายความว่า มีเด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวบที่ได้รับวัคซีนมากกว่าเป้าหมาย ขณะที่ 91% ของเด็ก ๆ ในภาคใต้ของกาซ่าก็ได้รับวัคซีนทั้ง 2 โดสตามที่ควรเช่นกัน

แต่ในส่วนของพื้นที่ภาคเหนือนั้น โฆษกยูเอ็นพบว่า สามารถบรรลุเป้าหมายได้เพียง 88% เนื่องจากภาวะการสู้รบทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้สะดวก

 

UNRWA พร้อมทั้งอิสราเอล

เมื่อวันพุธ ฟิลิปเป ลาซซารินี หัวหน้าสำนักงานบรรเทาทุกข์พร้อมทั้งจัดหางานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) ร้องขอให้นานาชาติช่วยสนับสนุนการทำหน้าที่ของหน่วยงานนี้ หลังอิสราเอลประกาศผ่านกฎหมายใหม่ 2 ฉบับที่มีเนื้อหาสั่งห้ามไม่ให้หน่วยงานเข้าไปปฏิบัติงานในอิสราเอล ซึ่จะมีผลบังคับใช้ในต้นปีหน้า

ลาซซารินี กล่าวด้วยว่า UNRWA ทำหน้าที่เป็นเหมือนสายชูชีพให้กับชาวปาเลสไตน์ในกาซ่ามาตลอดปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งหากอิสราเอลประสบความสำเร็จในการจัดการกับหน่วยงานนี้ นั่นก็จะเท่ากับเป็นการล่มสลายของการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของยูเอ็นให้กับชาวปาเลสไตน์ทันที

หลายปีที่ผ่านมา อิสราเอลวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ UNRWA มาโดยตลอด พร้อมกับกล่าวหาฮามาสว่าใช้โรงเรียนในกาซ่าเป็นฐานปฏิบัติการก่อการร้ายพร้อมทั้งส่งเสริมบทเรียนต่อต้านอิสราเอล

พร้อมทั้งหลังสงครามครั้งใหม่นี้ปะทุขึ้นมาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม อิสราเอลยิ่งจู่โจมหน่วยงานยูเอ็นนี้หนักขึ้น ก่อนจะออกมากล่าวหาว่า มีเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานนี้จำนวน 12 คนเข้าร่วมการจู่โจมอิสราเอลด้วย แม้ UNRWA จะยืนยันว่า ไม่เคยได้รับหลักฐานใด ๆ เพื่อสนับสนุนข้อกล่าวหาของเทลอาวีฟที่มีออกมาอย่างต่อเนื่องก็ตาม

หน่วยงาน UNRWA นั้นถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้มติของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเมื่อปี 1949 เพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์

นับตั้งแต่ฮามาสจู่โจมอิสราเอลเมื่อ 13 เดือนก่อน พร้อมทั้งทำให้มีผู้จบชีวิตราว 1,200 คน รวมทั้งมีการจับตัวประกันไปกาซ่ากว่า 250 คน อิสราเอลได้ทำการจู่โจมโต้กลับเข้าไปในเขตปกครองของชาวปาเลสไตน์อย่างต่อเนื่อง จนทำให้มีผู้จบชีวิตกว่า 43,300 คนแล้ว อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขกาซ่า

 

 

 

ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพีพร้อมทั้งรอยเตอร์

“อิ๊งค์” พบ “มิน อ่อง หล่าย” ย้ำไร้ปัญหากับเพื่อนบ้าน- “ทรัมป์” เป็น ปธน.สหรัฐฯ เป็นผลดีส่งอออก

นายกฯ เผยคุย “มิน อ่อง หล่าย” ส่วนตัว เสนอช่วยแก้ปัญหาในเมียนมาสร้างสันติภาพ แต่ไม่ขอยุ่งการเมือง ย้ำจุดยืนชัดทุกรัฐบาลไทยไม่เคยมีปัญหาบาดหมางประเทศเพื่อนบ้าน ด้านนายกฯ เมียนมา ห่วงแรงงานในไทย ขอข้อมูลตัวเลข มอง “ทรัมป์” นั่งประธานาธิบดี เป็นผลดีส่งออก

ไขปม ‘วงการชะลอแก่’ สเต็มเซลล์รกเด็ก-สายสะดือ แพทย์ชี้ ไม่มีวิจัยรองรับ!

ไทยรัฐออนไลน์ ได้รวบรวมความรู้เรื่องสเต็มเซลล์ จากกรมการแพทย์ สถาบันผิวหนัง พร้อมทั้งสมาคมโลหิตวิทยาแห่งประเทศไทย เพื่อไขข้อสงสัยว่า เสต็มเซลล์คืออะไร นำสเต็มเซลล์จากสายสะดือพร้อมทั้งรกเด็กมาฉีดหน้าได้ไหม วงการแพทย์มองเรื่องนี้อย่างไร

ลุงพล-ป้าแต๋น ส่งกำลังใจให้ทนายตั้ม เชื่อจัดกระเป๋าไปปฏิบัติธรรม ไม่ได้หลบหนี

สกลนคร ลุงพล-ป้าแต๋น ส่งกำลังใจให้ทนายตั้ม เชื่อจัดกระเป๋าไปปฏิบัติธรรม ไม่ได้หลบหนี ลั่นการพิสูจน์ตัวเองต้องใช้เวลา จะคอยเป็นกำลังใจให้ทนายตั้มพร้อมครอบครัว

“แซน” เปิดใจ หลัง “ทนายตั้ม” ถูกจับ บอกกฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ

“แซน” เปิดใจ หลัง “ทนายตั้ม” ถูกจับ บอกกฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ ด้าน “ทนายตุ๋ย” ฝากในฐานะอาชีพเดียวกัน ขอให้มีสติในการสู้ในแนวทาง

GAC AION จับมือ BOI เฟ้นหาผู้ผลิตชิ้นส่วนในไทย รองรับการผลิตรถ EV ในปี 68

GAC AION จับมือกับ BOI เฟ้นหาผู้ผลิตชิ้นส่วนในไทยผ่านการเจรจาธุรกิจในงาน AION Sourcing Day รองรับการเดินเครื่องผลิตรถยนต์ EV ในปี 2568 มียอดเจรจาธุรกิจ 74 บริษัท คาดเกิดมูลค่าซื้อขายชิ้นส่วนในประเทศเพิ่มอีกกว่า 2,250 ล้านบาท

รัฐบาลทรัมป์ 2.0 กับสิ่งที่สหรัฐฯ พร้อมทั้งโลกต้องเตรียมพร้อมรับ

ตลอดช่วงหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024 โดนัลด์ ทรัมป์ นำเสนอแผนงานมากมายที่ประกาศมั่นว่า ลงมือทำในฐานะผู้นำทำเนียบขาวสมัยที่ 2

อย่างไรก็ดี ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 ไม่เคยได้ลงข้อมูลเกี่ยวกับแผนงานต่าง ๆ ในช่วงกว่าปีของการหาเสียงไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ประกาศบนเวทีหรือในแถลงการณ์ที่ออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งเอพีพบว่า เป็นการผสมผสานแนวคิดของฝ่ายอนุรักษ์นิยมว่าด้วยเรื่องภาษี กฎเกณฑ์พร้อมทั้งประเด็นด้านสังคม เข้ากับวิถีทางประชานิยมในเรื่องการค้าพร้อมทั้งการปรับเปลี่ยนบทบาทบนเวทีโลกของสหรัฐฯ

หากจะกล่าวโดยย่อ วาระต่าง ๆ ที่ทรัมป์ประกาศไว้จะส่งผลให้การทำงานของรัฐบาลกลางในเรื่องสิทธิพลเมืองลดลง พร้อม ๆ กับการขยายอำนาจของประธานาธิบดี

 

ประเด็นผู้อพยพ-การตรวจคนเข้าเมือง

คำประกาศการ “สร้างกำแพง” ในการหาเสียงเลือกตั้งปี 2016 ได้กลายมาเป็นวาทะ “การเนรเทศผู้คนออกนอกประเทศครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์” พร้อมทั้งทรัมป์ก็ยังได้เรียกร้องให้มีการใช้กองกำลังสำรองของรัฐพร้อมทั้งการให้อำนาจกองกำลังตำรวจในประเทศเพื่อดำเนินการที่ว่า

แต่ทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลที่พอจะทำให้เข้าใจว่า โครงการนี้จะมีหน้าตาอย่างไรพร้อมทั้งประชาชนจะแน่ใจได้อย่างไรว่า การดำเนินแผนงานนี้จะพุ่งเป้าไปเพียงที่ผู้ที่เข้ามาอยู่ในสหรัฐฯ โดยผิดกฎหมายเท่านั้น โดยมีเพียงเสนอให้มี “การคัดกรองเกี่ยวกับความนึกคิด” สำหรับผู้ที่ต้องการจะเข้าประเทศ การยุติการได้รับสิทธิเป็นพลเมืองสำหรับผู้ที่เกิดในสหรัฐฯ (ซึ่งค่อนข้างแน่นอนว่าจะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดขึ้นจริง) พร้อมทั้ง จะมีการนำนโยบายบางอย่างกลับมาใช้ใหม่ เช่น การจำกัดผู้ที่อพยพเข้าประเทศด้วยเหตุผลด้านสาธารณสุข พร้อมทั้งการจำกัดรุนแรงหรือสั่งห้ามผู้ที่มาจากประเทศมุสลิมบางประเทศ โดยทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า ทรัมป์จะไม่เพียงจัดการเรื่องการอพยพเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเท่านั้น แต่จะทำการตัดลงการอพยพเข้าเมืองโดยรวมด้วย

 

สิทธิการทำแท้ง

ทรัมป์ไม่ได้ยกประเด็นสิทธิการทำแท้งเป็นนโยบายที่มีความสำคัญในลำดับต้น ๆ ในการหาเสียงเลือกตั้งสมัยที่ 2 แม้จะทวงบุญคุญว่า ตนเป็นผู้แต่งตั้งตุลาการศาลสูงหัวอนุรักษ์นิยมเพิ่มจนทำให้มีการพลิกกลับคำตัดสินคดีที่ให้สิทธิในระดับรัฐบาลกลางแก่ผู้หญิงในการทำแท้งพร้อมทั้งส่งประเด็นกฎเรื่องการทำแท้งกลับไปยังรัฐบาลในระดับรัฐก็ตาม

ทรัมป์ยังมีดำริจนทำให้พรรครีพับลิกันไม่เรียกร้องให้มีการสั่งห้ามการทำแท้งทั่วประเทศในการหาเสียงของพรรคเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ โดยบอกว่า การพลิกกลับคำตัดสินในคดี Roe V. Wade นั้นเพียงพอสำหรับเรื่องนี้ในระดับรัฐบาลกลางแล้ว ทั้งยังระบุผ่านโพสต์บนแพลตฟอร์มทรูธ โซเชียล (Truth Social) ของตนเมื่อเดือนที่แล้วด้วยว่า จะใช้สิทธิวีโต้กฎหมายรัฐบาลกลางที่จะสั่งห้ามการทำแท้ง ถ้ามีการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวมาให้ตนลงนาม

 

นโยบายภาษี

นโยบายด้านภาษีของทรัมป์นั้นโน้มเอียงไปในทิศทางที่เกื้อหนุนบริษัทขนาดใหญ่พร้อมทั้งผู้มีอันจะกินในสหรัฐฯ โดยดูได้จากคำสัญญาที่จะขยายการดำเนินงานยกเครื่องภาษีปี 2017 ต่อไป แม้จะมีการปรับเปลี่ยนในบางจุด เช่น การปรับลดภาษีนิติบุคคลจาก 21% ดังเช่นในปัจจุบันลงมาเป็น 15% พร้อมทั้งจะยกเลิกแผนการปรับขึ้นภาษีรายได้บุคคลธรรมดาของกลุ่มคนร่ำรวยที่สุดในสหรัฐฯ ที่ดำเนินการโดยรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน รวมทั้งการยกเลิกนโยบายเรียกเก็บภาษีภายใต้กฎหมาย Inflation Reduction Act เพื่อนำรายได้ไปสนับสนุนมาตรการด้านพลังงานในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

ถ้าหากว่า ทรัมป์ให้ความสำคัญมากสำหรับข้อเสนอใหม่ ๆ ของตนที่พุ่งเป้าไปยังชนชั้นแรงงานพร้อมทั้งชนชั้นกลาง ซึ่งได้แก่ การยกเลิกการเก็บภาษีรายได้บุคคลธรรมดาจากเงินสวัสดิการประกันสังคมพร้อมทั้งรายได้จากการทำงานล่วงเวลา ซึ่งนักวิเคราะห์เตือนไว้ว่า ยังต้องดูว่า สภาคองเกรสจะตีโจทย์ออกมาเป็นกฎหมายอย่างไร เพราะมีความเป็นไปได้ที่การดำเนินการนี้จะเปิดช่องให้มีผู้สามารถฉวยโอกาสหาประโยชน์จากนโยบายที่ควรเป็นของคนทำงานภาคบริการเช่น ร้านอาหาร บาร์ หรืองานบริการอื่นๆ เท่านั้น

 

ภาษีนำเข้าพร้อมทั้งการค้า

ท่าทีของทรัมป์ในประเด็นการค้าระหว่างประเทศคือ การมองว่า ตลาดการค้าโลกนั้นมีแต่จะสร้างความเสียหายให้กับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ พร้อมทั้งยังได้เสนอการจัดเก็บภาษีนำเข้าอัตรา 10%-20% สำหรับสินค้าจากต่างประเทศ ขณะที่ มีการพูดระหว่างขึ้นหาเสียงในบางเวทีว่า จะเสนออัตราภาษีที่สูงกว่าที่ว่าด้วย นอกจากนั้น ยังประกาศว่าจะสั่งให้มีการรื้อฟื้นคำสั่งฝ่ายบริหารเดือนสิงหาคม ปี 2020 ที่บังคับให้สำนักงานอาหารพร้อมทั้งยาสหรัฐฯ (FDA) สั่งซื้อยาก “ที่มีความจำเป็น” จากบริษัทยาอเมริกันเท่านั้น พร้อมจะสั่งสกัดการจีนไม่ให้เข้าซื้อ “โครงสร้างพื้นฐานสำคัญต่าง ๆ” ของสหรัฐฯ ด้วย

 

แนวคิด DEI, LGBTQ พร้อมทั้งสิทธิพลเมือง

ทรัมป์ได้เรียกร้องให้มีการลด ๆ การให้ความสำคัญต่อประเด็นความหลากหลายทางสังคมพร้อมทั้งการปกป้องทางกฎหมายสำหรับสมาชิกกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) รวมทั้งให้มีการยุติโครงการ Diversity, Equity and Inclusion (ความหลากหลาย ความเท่าเทียมพร้อมทั้งการมีส่วนร่วมของคนหมู่มาก) ในองค์กรรัฐบาลทั้งหลาย โดยใช้เรื่องงบประมาณรัฐบาลกลางเป็นข้อต่อรอง

ในกรณีของสิทธิของบุคคลข้ามเพศ ทรัมป์ได้ประกาศว่า จะยุติการ “ให้เด็กผู้ชายเล่นกีฬาผู้หญิง” ซึ่งเป็นเรื่องที่ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนนี้ย้ำว่าเกิดขึ้นประจำ โดยไม่เสนอหลักฐานใด ๆ

แต่นี่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะทรัมป์ยังเสนอแนวคิดจะยกเลิกนโยบายของรัฐบาลไบเดนที่ขยายอำนาจกฎหมาย Title IX ในการปกป้องสิทธิพลเมืองสำหรับนักเรียนข้ามเพศ พร้อมทั้งยังจะขอให้สภาคองเกรสออกกฎหมายที่ให้มีการต้องระบุเพศของเด็กเกิดใหม่ว่าเป็นเด็กหญิงหรือเด็กชายเท่านั้นด้วย

 

กฎเกณฑ์ ระบบราชการกลาง พร้อมทั้งอำนาจของประธานาธิบดี

ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 พยายามลดบทบาทของข้าราชการของรัฐบาลกลางพร้อมทั้งกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่อ้างว่า จะเป็นสิ่งที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคเพราะจะมีการยกเลิกเงื่อนไขสกัดกั้นการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลต่าง ๆ รวมทั้งจะมีการยกเลิกกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการก่อสร้างบ้านเพื่อเปิดทางให้มีการก่อสร้างมากขึ้น แม้จริง ๆ แล้วกฎต่าง ๆ ที่ควบคุมธุรกิจก่อสร้างนั้นมักมาจากรัฐบาลท้องถิ่นพร้อมทั้งรัฐบาลของรัฐเป็นหลัก

นอกจากนั้น ทรัมป์ประกาศว่า จะทำให้การไล่ลูกจ้างรัฐบาลออกเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายขึ้น ด้วยการจัดกลุ่มให้คนกลุ่มนี้ที่มีอยู่นับพันนับหมื่นอยู่นอกเงื่อนไขการได้รับความคุ้มครองของข้าราชการ ซึ่งหมายความว่า อำนาจของรัฐบาลจะอ่อนแอลงเพราะต้องลดจำนวนพนักงานเพื่อทำงานส่วนต่าง ๆ ตามไปด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ทรัมป์อ้างด้วยว่า ประธานาธิบดีมีอำนาจพิเศษที่จะควบคุมการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางแม้หลังสภาคองเกรสจะจัดสรรงบประมาณเสร็จแล้ว โดยอ้างว่า สมาชิกสภาคองเกรสกำหนดเพียง “เพดาน” การใช้จ่าย แต่ไม่ได้กำหนด “พื้น” ที่หมายความว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่จะ “ดำเนินการตามกฎหมายด้วยความซื่อสัตย์” ที่รวมความถึงประเด็นการใช้จ่ายด้วย แต่เรื่องนี้ก็อาจทำให้เกิดการต่อสู้ระหว่างศาลพร้อมทั้งคองเกรสก็เป็นได้

ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ยังเสนอให้ระบบธนาคารกลางซึ่งเป็นองค์กรอิสระอยู่ภายใต้อำนาจของประธานาธิบดีด้วย

 

ระบบการศึกษา

กระทรวงศึกษาธิการคือเป้าหมายที่รัฐบาลทรัมป์สมัยสองตั้งใจจะกำจัดทิ้งไป แต่ไม่ได้หมายความว่า รัฐบาลใหม่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเรียนการสอนในชั้นเรียนเลย เพราะยังมีการเสนอใช้งบประมาณสนับสนุนมาเป็นข้อต่อรองเพื่อบีบให้ระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานยกเลิกโปรแกรมที่เน้นความหลากหลายต่าง ๆ ไปเสีย รวมทั้งเรียกร้องให้มีการถอนงบประมาณช่วยเหลือ “โรงเรียนหรือโครงการ(ศึกษา)ใด ๆ ก็ตามที่สนับสนุน Critical Race Theory (ทฤษฎีเชื้อชาติเชิงวิพากษ์) แนวคิดด้านเพศ หรือแม้แต่สิ่งที่พบว่าเป็น เนื้อหาด้านการเมือง เพศ หรือเชื้อชาติ อันไม่เหมาะสมให้กับเด็ก ๆ

ทรัมป์ยังเสนอให้รัฐบาลเป็นผู้ดูแลกระบวนการรับรองวุฒิในระดับอุดมศึกษา เพื่อดำเนินการสิ่งที่บอกว่าเป็น “อาวุธลับ” ของตนเพื่อใช้สู้กับ “พวกวิกลจริตพร้อมทั้งพวกบ้าคลั่งลัทธิมากซ์” ที่อ้างว่าเป็นกลุ่มที่ควบคุมระบบการศึกษาของประเทศอยู่ พร้อมกับขู่ว่า จะดำเนินการ “เก็บภาษี สั่งปรับเงิน พร้อมทั้งยื่นเรื่องฟ้อง” มหาวิทยาลัยเอกชนขนาดใหญ่ทั้งหลายที่ไม่ทำตามคำสั่งของตนด้วย

 

ระบบประกันสังคม เมดิแคร์สำหรับคนแก่ พร้อมทั้งเมดิเคดสำหรับคนรายได้น้อย

ทรัมป์ย้ำว่า ตนจะปกป้องระบบประกันสังคม (Social Security) เมดิแคร์สำหรับคนแก่ (Medicare) พร้อมทั้งเมดิเคดสำหรับคนรายได้น้อย (Medicaid) ซึ่งเป็นนโยบายสำหรับชาวอเมริกันผู้สูงอายุทั้งหลาย พร้อมทั้งเป็นส่วนที่ใช้งบประมาณรัฐบาลก้อนใหญ่ที่สุดก้อนหนึ่งในแต่ละปี

แต่ก็ยังมีคำถามว่า เมื่อพิจารณาข้อเสนอกฎหมายกเลิกการเก็บภาษีจากทิปพร้อมทั้งค่าจ้างล่วงเวลาจะไม่กระทบระบบประกันสังคมพร้อมทั้งเมดิแคร์สำหรับคนแก่ได้อย่างไร

ทั้งนี้ ทรัมป์ไม่ค่อยได้พูดถึงเมดิเคดสำหรับคนรายได้น้อยเท่าไหร่

 

ก.ม. Affordable Care Act พร้อมทั้งการดูแลสุขภาพ

ตั้งแต่เมื่อปี 2015 ทรัมป์เรียกร้องให้มีการยกเลิก กฎหมายประกันสุขภาพของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หรือ Affordable Care Act ที่มีเนื้อหาให้รัฐบาลสนับสนุนตลาดประกันสุขภาพ แต่ไม่เคยนำเสนอทางเลือกที่จะมาแทนที่เลย

ในการโต้อภิปรายกับรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส เมื่อเดือนกันยายน ทรัมป์ย้ำเพียงว่า ตน “มีแนวคิดเรื่องแผน” ก่อนที่ต่อมา จะประกาศกับกลุ่มผู้สนับสนุนว่า จะแต่งตั้ง โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ อดีตแคนดิเดตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่กลายมาเป็นพันธมิตรพร้อมทั้งเป็นผู้ที่ต่อต้านวัคซีนพร้อมทั้งการใช้ยาฆ่าแมลงในวงการเกษตรของสหรัฐฯ ให้ขึ้นทำหน้าที่ดูแลให้อเมริกามีสุขภาพดีอีกครั้ง (making America healthy again)

 

สภาพอากาศพร้อมทั้งพลังงาน

หลังออกมาบอกว่า ประเด็นการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศนั้นเป็น “เรื่องโกหกหลอกลวง” พร้อมทั้งจู่โจมรัฐบาลไบเดนที่ตั้งงบใช้จ่ายเพื่อส่งเสริมพลังงานสะอาดที่หวังจะช่วยสหรัฐฯ ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล ทรัมป์เสนอนโยบายด้านพลังงานพร้อมทั้งงบสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่ยึดกับการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ตั้งแต่รถ ไปจนถึงสะพานพร้อมทั้งพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยสัญญาด้วยว่า จะยุติโครงการสนับสนุนตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าพร้อมทั้งปรับลดมาตรฐานประสิทธิภาพเชื้อเพลิงของรัฐบาลไบเดนด้วย

 

สิทธิคนงาน

ทั้งทรัมป์พร้อมทั้งว่าที่รองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ ต่างเสนอภาพของตนว่าอยู่ข้างคนงานอเมริกัน แต่ทรัมป์น่าจะทำให้การจัดตั้งสหภาพแรงงานนั้นเกิดขึ้นได้ยากขึ้น โดยทุกครั้งที่มีการต้องพูดถึงประเด็นสหภาพ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มักโยนไปว่า “พวกหัวหน้าสหภาพพร้อมทั้งซีอีโอทั้งหลาย” คือพวกที่สมคบคิดใน “แผนการพัฒนารถพลังงานไฟฟ้าที่ทำให้เกิดหายนะ”

 

นโยบายกลาโหมพร้อมทั้งบทบาทสหรัฐฯ บนเวทีโลก

วาทกรรมพร้อมทั้งนโยบายของทรัมป์เกี่ยวกับกิจการโลกนั้นโน้มเอียงไปทางการทูตแบบโดดเดี่ยวตนเอง ไม่มีการแทรกแซงทางการทหาร พร้อมทั้งการปกป้องเศรษฐกิจของประเทศ มากกว่าประธานาธิบดีทั้งหลายนับตั้งแต่หลังสงครามโลกที่ 2 เป็นต้นมา แต่เมื่อลงดูในข้อมูลแล้ว ทุกอย่างดูซับซ้อนกว่านั้น

ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะขยายกองทัพ ปกป้องงบประมาณเพนตากอนจากความเข้มงวดในการดูแลควบคุมการใช้จ่ายพร้อมทั้งเสนอโครงการขีปนาวุธป้องกันตนเองใหม่ที่เป็นการปัดฝุ่นแนวคิดตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ในยุคสงครามเย็น

ทรัมป์ยืนยันว่า จะสามารถยุติสงครามในยูเครนพร้อมทั้งสงครามอิสราเอล-ฮามาส แต่ไม่ได้อธิบายว่าจะทำอย่างไร

นอกจากนั้น ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ยังวิพากษ์วิจารณ์องค์การนาโต้พร้อมทั้งบรรดานายพลระดับสูงของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง แต่ออกปากสรรเสริญเผด็จการต่าง ๆ เช่น นายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ออร์บาน ของฮังการีพร้อมทั้งประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย อย่างต่อเนื่อง

 

ที่มา: เอพี

แฮร์ริสปราศรัยยอมรับความพ่ายแพ้ ยืนยันเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติ

รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คามาลา แฮร์ริส ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี จากพรรคเดโมแครต กล่าวปราศรัยในวันพุธที่มหาวิทยาลัยฮาวเวิร์ด ในกรุงวอชิงตัน ยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งต่ออดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากทราบผลการลงคะแนนอย่างเป็นทางการ

คามาลา แฮร์ริส ปรากฏตัวในเวลาเกือบ 16.30 น. พร้อมกับผู้สมัครชิงตำแหน่งรอง ปธน. ทิม วอลซ์ เธอเริ่มด้วยการขอบคุณผู้สนับสนุนพร้อมทั้งทีมงาน ก่อนจะบอกว่าผลการเลือกตั้งในวันนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอพร้อมทั้งผู้สนับสนุนต้องการ มีหลายคนที่ผิดหวังพร้อมทั้งเสียใจ แต่ว่าก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้

เธอบอกว่า ได้โทรศัพท์พูดคุยกับทรัมป์ พร้อมทั้งยินดีกับชัยขนะของเขา พร้อมทั้งบอกว่าจะช่วยเหลือในการเปลี่ยนผ่านอำนาจให้ดำเนินไปโดยสันติ

แฮร์ริสเน้นย้ำว่า นี่เป็นพื้นฐานของประชาธิปไตยของสหรัฐฯ ที่เมื่อแพ้แล้วก็ต้องยอมรับผล นี่คือสิ่งที่คือเส้นแบ่งที่นิยามความต่างระหว่างประชาธิปไตยกับระบอบทรราช พร้อมทั้งเชิญชวนผู้สนับสนุนให้ยังมองโลกในแง่ดี ไม่ยอมแพ้ พร้อมทั้งไม่ล้มเลิกการต่อสู้เพื่ออุดมคติที่ยึดถือ เช่น สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน สิทธิในเนื้อตัวร่างกายของผู้หญิง หรือโรงเรียนที่ปลอดภัยจากอาวุธปืน เป็นต้น

ที่มา: วีโอเอ ภาคภาษาไทย

มัสก์เฮด้วย! หุ้นเทสลาพุ่ง 37% หลังทรัมป์ชนะเลือกตั้ง

มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน อิลอน มัสก์ อาจเป็นอีกคนที่กระโดดด้วยความดีใจหลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันอังคาร หลังจากที่ราคาหุ้นของบริษัทรถยนต์ เทสลา (Tesla) ของเขา พุ่งสูงขึ้นถึง 37% ในวันพุธ 

ซีอีโอของเทสลา กลายเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนคนสำคัญที่สุดของทรัมป์ในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ เขาบริจาคเงินหลายล้านดอลลาร์ให้คณะหาเสียงของทรัมป์ พร้อมทั้งทรัมป์บอกว่าเขาจะจัดตั้งคณะกรรมการดูแลประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลโดยให้มัสก์เป็นผู้ดูแล เป้าหมายเพื่อลดงบประมาณของภาครัฐ

ปัจจุบัน มัสก์มีอิทธิพลอย่างมากในรัฐบาลอเมริกัน ในฐานะผู้รับเหมารายใหญ่ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในโครงการดาวเทียมบรอดแบรนด์อินเทอร์เน็ต สตาร์ลิงค์ (Starlink) พร้อมทั้งสัญญาในโครงการอวกาศกับองค์การนาซ่า ผ่านบริษัทสเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ที่เขาเป็นเจ้าของ

ที่ผ่านมา มัสก์ได้ประโยชน์จากนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้รัฐบาลโจ ไบเดน ที่นำมาใช้เมื่อปี 2022 แต่เป็นนโยบายที่ไม่ถูกใจทรัมป์ พร้อมทั้งอาจถูกตัดไปในรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อคู่แข่งของมัสก์มากกว่า เมื่อพิจารณาถึงยอดขายรถยนต์เทสลาในปัจจุบัน 

ราคาหุ้นของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าคู่แข่งของเทสลา ร่วงลงในวันพุธ เช่น ราคาหุ้นของ ลูซิด กรุ๊ป (Lucid Group) ลดลง 7.5% พร้อมทั้งของ รีเวียน ออโตโมทีฟ (Rivian Automotive) ลดลง 9.4%

นอกจากนี้ ทรัมป์สัญญาว่าจะเพิ่มภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากจีน รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าจะช่วยปกป้องธุรกิจของเทสลาจากการแข่งขันกับบริษัทรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่จากจีนได้เช่นกัน

ถ้าหากว่า นักวิเคราะห์ชี้ว่า ยังไม่ชัดเจนว่ามัสก์จะแก้ปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างไรหากเขาเข้ารับตำแหน่งใดก็ตามในรัฐบาลทรัมป์ 2.0 จริง เพราะบทบาทที่มัสก์จะได้รับตามที่ทรัมป์สัญญาไว้นั้น จะทำให้เขามีอิทธิพลต่อการกำหนดนโยบายทั้งในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า การสำรวจอวกาศ พร้อมทั้งเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งมัสก์ล้วนมีธุรกิจอยู่ในกลุ่มเทคโนโลยีเหล่านี้ 

ที่มา: รอยเตอร์

 

รีพับลิกันยืนยันครองวุฒิสภา ส่วนสภาล่างยังไม่แน่นอน

พรรครีพับลิกันสามารถกลับมาครองเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้อีกครั้ง หลังจากได้ที่นั่งแล้วอย่างน้อย 51 ที่นั่งจากทั้งหมด 100 ที่นั่ง หลังการเลือกตั้งเมื่อวันอังคาร ในขณะที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าพรรคไหนจะเป็นผู้ครองสภาผู้แทนราษฎร

มิตช์ แมคคอนแนลล์ ผู้นำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาสหรัฐฯ กล่าวในวันพุธว่า การที่พรรครีพับลิกันสามารถครองวุฒิสภาได้นั้นถือเป็นกันชนที่สำคัญของประเทศนี้ 

ก่อนหน้าการเลือกตั้ง พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ ด้วยจำนวน สว. 51-49 คน พร้อมทั้งในการเลือกตั้งครั้งนี้มี 34 ที่นั่งในวุฒิสภาที่ทำการแข่งขันกัน  โดยในจำนวนนี้ 23 ที่นั่งเป็นเก้าอี้ของเดโมแครต 

แต่ในการเลือกตั้งเมื่อวันอังคาร รีพับลิกันได้เพิ่มมาอีกอย่างน้อย 2 ที่นั่ง จากรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย พร้อมทั้งโอไฮโอ ทำให้สามารถครองเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภาได้ โดย สว.อเมริกันมีวาระการดำรงตำแหน่ง 6 ปี พร้อมทั้งทุก 2 ปีจะมีการเลือกตั้ง 1 ใน 3 ของสภา

สำหรับสภาผู้แทนราษฎรฯ ที่มีวาระดำรงตำแหน่ง 2 ปี มีการเลือกตั้งใหม่ทั้ง 435 ที่นั่ง จากเดิมที่พรรครีพับลิกันครองอยู่ 220 พร้อมทั้งพรรคเดโมแครตมี 212 ส่วนิอีก 3 ที่นั่งเป็นเก้าอี้ที่ว่างอยู่

จนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าพรรคไหนจะได้ครองสภาล่าง ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายวันในการนับคะแนนทุกเขตเลือกตั้ง โดยเฉพาะรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งเป็นรัฐใหญ่ที่มักประกาศผลเป็นรัฐท้าย ๆ ยังไม่รวมกับนับคะแนนใหม่หรือการเลือกตั้งอีกครั้งในกรณีที่ผู้สมัครได้คะแนนเสียงใกล้กันมาก ซึ่งอาจใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์

ทั้งนี้ การที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาอาจส่งผลกระทบต่อการส่งความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ให้แก่ยูเครนในอนาคต 

ที่มา: วีโอเอ