ชาวชุมชนไทยในลอสแอนเจลิสกับการใช้สิทธิ์เลือกตั้งสหรัฐฯ2024

สำรวจการมีส่วนร่วมของชาวชุมชนไทยในนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ให้ความสำคัญในการใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสหรัฐ โดยเชื่อว่าจะเลือกผู้สมัครที่สามารถแก้ปัญหาที่มีผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันได้ เช่นเดียวกับประเด็นปัญหาผู้อพยพเข้าเมือง พร้อมทั้งปัญหาสิทธิสตรีในการทำแท้ง

ชาวชุมชนไทยในลอสแอนเจลิสกับการใช้สิทธิ์เลือกตั้งสหรัฐฯ2024

สำรวจการมีส่วนร่วมของชาวชุมชนไทยในนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ให้ความสำคัญในการใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสหรัฐ โดยเชื่อว่าจะเลือกผู้สมัครที่สามารถแก้ปัญหาที่มีผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันได้ เช่นเดียวกับประเด็นปัญหาผู้อพยพเข้าเมือง พร้อมทั้งปัญหาสิทธิสตรีในการทำแท้ง

ชาวเอเชียนอเมริกันตื่นตัวมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งปธน.

ชาวอเมริกันออกมาใช้สิทธิ์เลือกผู้นำสหรัฐฯ กันตั้งแต่ช่วงเช้าที่เปิดคูหา ที่ในครั้งนี้เป็นการขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้นระหว่างรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต พร้อมทั้งอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ขณะที่ผลโพลล์หลายสำนักยังชี้ว่าผู้สมัครทั้ง 2 ยังมีคะแนนนิยมที่สูสีกันอย่างมาก

บรรยากาศการเลือกตั้งที่เขตปกครองแฟร์แฟกซ์ เคาน์ตี้ รัฐเวอร์จิเนีย มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์กันอย่างต่อเนื่องเกือบตลอดทั้งวัน นับตั้งแต่เปิดคูหา เมื่อ 6 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น แม้ว่าจะไม่ได้เห็นบรรยากาศของการต่อแถวรอคิวเลือกตั้งที่เนืองแน่นเหมือนกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ก็ตาม

ถ้าหากว่า บรรยากาศโดยรวมทั่วอเมริกานั้นถือว่ายังคงคึกคัก เพราะข้อมูลล่าสุดเมื่อ 4 พฤศจิกายน พบว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีชาวอเมริกันกว่า 80 ล้านคน ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ที่ออกมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งใหญ่เมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 155 ล้านคน

สำหรับประเด็นที่ชาวอเมริกันให้ความใส่ใจในการเลือกตั้งครั้งนี้ โพลล์ต่างชี้ว่าชาวอเมริกันต่างให้น้ำหนักการตัดสินใจเลือกประธานาธิบดี จากประเด็นเรื่องเศรษฐกิจมาเป็นอันดับแรก นอกจากนี้ ยังให้ความสนใจกับนโยบายคนเข้าเมืองพร้อมทั้งความมั่นคงบริเวณชายแดน ปัญหาอาชญากรรม พร้อมทั้งสิทธิด้านอนามัยเจริญพันธุ์

นางทิพพะพรรณ ฉัตต์ชัยนนท์ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกันเชื้อสายไทย บอกกับวีโอเอไทยว่า อยากเห็นผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่รุกแก้ปัญหาภายในอเมริกามากกว่าเข้าไปคลี่คลายข้อพิพาทระหว่างประเทศ

 

ด้านนายสากล สุวรรณคำ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกันเชื้อสายไทย บอกกับวีโอเอไทยถึงความสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้ต่อชุมชนไทยว่า “อยากจะเรียนคนไทยนะครับที่มีสิทธิ์ที่จะเลือกตั้งออกมาใช้สิทธิ์นะครับ เพราะว่าเลือกตั้งครั้งนี้มันชี้ชะตาของทั้งเศรษฐกิจ ทั้งความเป็นผู้นำของโลกอันดับว่าเป็นยังไง สงครามภายใน ภายนอกไม่เท่าไหร่หรอก แต่ภายในนั้นก็ คิดว่าจะกู้ศักดิ์ศรีพร้อมทั้งเกียรติยศของอเมริกากลับมาอีกครั้งหนึ่ง”

ส่วนวี ชาวอเมริกันเชื้อสายเวียดนาม ที่ออกมาใช้สิทธิ์ของเธอเป็นครั้งแรก เผยกับวีโอเอไทยว่า คนรุ่นใหม่ชาวเอเชียนอเมริกันควรใส่ใจการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะเป็นโอกาสในการกำหนดอนาคตของพวกเขาด้วยเช่นกัน

“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ฉันคิดว่าเป็นสิทธิ รู้ไหม ทุกคนควรจะออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งกัน เพราะมันเป็นสิทธิ์ พร้อมทั้งยังเป็นการช่วยกำหนดอนาคตของคุณด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นคนอายุน้อย พร้อมทั้งนี่กำลังจะกลายเป็นอนาคตของพวกคุณ ดังนั้นคุณควรออกมาโหวตค่ะ”

ทั้งนี้ ผลโพลล์ของ New York Times/Siena College เมื่อต้นสัปดาห์ชี้ให้เห็นว่าทรัมป์พร้อมทั้งแฮร์ริสมีคะเเนนนิยมเท่ากันที่ 48%

ศึกเลือกตั้งที่มีการขับเคี่ยวสูสีในปีนี้ การต่อสู้ทางกฎหมายเป็นเรื่องคาดหมายว่าจะเกิดขึ้นได้ พร้อมทั้งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในรัฐสมรภูมิในทัศนะของนักวิเคราะห์ พร้อมทั้งอาจทำให้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ล่าช้าออกไปได้ แต่หากค่ำคืนวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายนมีผลที่ชี้ชัดว่าผู้สมัครคนใดคนหนึ่งได้คะแนนเหนือคู่แข่งไปอย่างมาก นักวิเคราะห์ต่างมองว่าสิ่งนี้จะทำให้ยากที่พรรคคู่แข่งจะพยายามคัดค้านผลการเลือกตั้งได้

ที่มา: วีโอเอ

ชาวเอเชียนอเมริกันตื่นตัวมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งปธน.

ชาวอเมริกันออกมาใช้สิทธิ์เลือกผู้นำสหรัฐฯ กันตั้งแต่ช่วงเช้าที่เปิดคูหา ที่ในครั้งนี้เป็นการขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้นระหว่างรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต พร้อมทั้งอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ขณะที่ผลโพลล์หลายสำนักยังชี้ว่าผู้สมัครทั้ง 2 ยังมีคะแนนนิยมที่สูสีกันอย่างมาก

บรรยากาศการเลือกตั้งที่เขตปกครองแฟร์แฟกซ์ เคาน์ตี้ รัฐเวอร์จิเนีย มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์กันอย่างต่อเนื่องเกือบตลอดทั้งวัน นับตั้งแต่เปิดคูหา เมื่อ 6 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น แม้ว่าจะไม่ได้เห็นบรรยากาศของการต่อแถวรอคิวเลือกตั้งที่เนืองแน่นเหมือนกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ก็ตาม

ถ้าหากว่า บรรยากาศโดยรวมทั่วอเมริกานั้นถือว่ายังคงคึกคัก เพราะข้อมูลล่าสุดเมื่อ 4 พฤศจิกายน พบว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีชาวอเมริกันกว่า 80 ล้านคน ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ที่ออกมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งใหญ่เมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 155 ล้านคน

สำหรับประเด็นที่ชาวอเมริกันให้ความใส่ใจในการเลือกตั้งครั้งนี้ โพลล์ต่างชี้ว่าชาวอเมริกันต่างให้น้ำหนักการตัดสินใจเลือกประธานาธิบดี จากประเด็นเรื่องเศรษฐกิจมาเป็นอันดับแรก นอกจากนี้ ยังให้ความสนใจกับนโยบายคนเข้าเมืองพร้อมทั้งความมั่นคงบริเวณชายแดน ปัญหาอาชญากรรม พร้อมทั้งสิทธิด้านอนามัยเจริญพันธุ์

นางทิพพะพรรณ ฉัตต์ชัยนนท์ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกันเชื้อสายไทย บอกกับวีโอเอไทยว่า อยากเห็นผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่รุกแก้ปัญหาภายในอเมริกามากกว่าเข้าไปคลี่คลายข้อพิพาทระหว่างประเทศ

 

ด้านนายสากล สุวรรณคำ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกันเชื้อสายไทย บอกกับวีโอเอไทยถึงความสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้ต่อชุมชนไทยว่า “อยากจะเรียนคนไทยนะครับที่มีสิทธิ์ที่จะเลือกตั้งออกมาใช้สิทธิ์นะครับ เพราะว่าเลือกตั้งครั้งนี้มันชี้ชะตาของทั้งเศรษฐกิจ ทั้งความเป็นผู้นำของโลกอันดับว่าเป็นยังไง สงครามภายใน ภายนอกไม่เท่าไหร่หรอก แต่ภายในนั้นก็ คิดว่าจะกู้ศักดิ์ศรีพร้อมทั้งเกียรติยศของอเมริกากลับมาอีกครั้งหนึ่ง”

ส่วนวี ชาวอเมริกันเชื้อสายเวียดนาม ที่ออกมาใช้สิทธิ์ของเธอเป็นครั้งแรก เผยกับวีโอเอไทยว่า คนรุ่นใหม่ชาวเอเชียนอเมริกันควรใส่ใจการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะเป็นโอกาสในการกำหนดอนาคตของพวกเขาด้วยเช่นกัน

“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ฉันคิดว่าเป็นสิทธิ รู้ไหม ทุกคนควรจะออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งกัน เพราะมันเป็นสิทธิ์ พร้อมทั้งยังเป็นการช่วยกำหนดอนาคตของคุณด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นคนอายุน้อย พร้อมทั้งนี่กำลังจะกลายเป็นอนาคตของพวกคุณ ดังนั้นคุณควรออกมาโหวตค่ะ”

ทั้งนี้ ผลโพลล์ของ New York Times/Siena College เมื่อต้นสัปดาห์ชี้ให้เห็นว่าทรัมป์พร้อมทั้งแฮร์ริสมีคะเเนนนิยมเท่ากันที่ 48%

ศึกเลือกตั้งที่มีการขับเคี่ยวสูสีในปีนี้ การต่อสู้ทางกฎหมายเป็นเรื่องคาดหมายว่าจะเกิดขึ้นได้ พร้อมทั้งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในรัฐสมรภูมิในทัศนะของนักวิเคราะห์ พร้อมทั้งอาจทำให้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ล่าช้าออกไปได้ แต่หากค่ำคืนวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายนมีผลที่ชี้ชัดว่าผู้สมัครคนใดคนหนึ่งได้คะแนนเหนือคู่แข่งไปอย่างมาก นักวิเคราะห์ต่างมองว่าสิ่งนี้จะทำให้ยากที่พรรคคู่แข่งจะพยายามคัดค้านผลการเลือกตั้งได้

ที่มา: วีโอเอ

เกาหลีเหนือระดมทดสอบขีปนาวุธรับเลือกตั้งสหรัฐฯ 

ทางการญี่ปุ่นระบุ เกาหลีเหนือระดมยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ลงทะเลในวันอังคาร ไม่กี่ชั่วโมงก่อนเปิดคูหาเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตามการรายงานของเอพี

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น เก็น นาคาทานิ บอกว่ามีจรวดจากเกาหลีเหนือย่างน้อยเจ็ดลูก บินเป็นระยะทางไกลสุด 400 กม. ไต่ระดับความสูงที่ 100 กม. ก่อนที่จะตกลงในทะเลระหว่างคาบสมุทรเกาหลีพร้อมทั้งญี่ปุ่น

นาคาทานิบอกว่า “การกระทำของเกาหลีเหนือหลายเรื่องรวมทั้งการยิงขีปนาวุธอย่างต่อเนื่อง คุกคามสันติสุขพร้อมทั้งความปลอดภัยของญี่ปุ่น ของภูมิภาค พร้อมทั้งของประชาคมนานาชาติ”

กองทัพเกาหลีใต้ก็ตรวจจับขีปนาวุธจากเพื่อนบ้านทางเหนือได้หลายลูกเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งได้เพิ่มความเข้มงวดในการสอดส่องดูแลให้มากขึ้น เนื่องจากจรวดเหล่านี้อาจถูกใช้สำหรับเป้าหมายจริง เช่นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเกาหลีเหนือ รวมถึงฐานทัพอเมริกันในพื้นที่

การทดสอบครั้งนี้มีขึ้นไม่กี่วันหลังผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน ประกาศทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลรุ่นใหม่ ที่ออกแบบให้ยิงถึงแผ่นดินของสหรัฐฯ  ซึ่งทาง

กรุงวอชิงตันตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวดังกล่าวด้วยการบินเครื่องบินทิ้งระเบิด B-1B ระหว่างร่วมซ้อมรบกับญี่ปุ่นพร้อมทั้งเกาหลีใต้เมื่อวันอาทิตย์เพื่อแสดงแสนยานุภาพ

ในวันอังคาร คิม โย จอง น้องสาวของคิม จอง อึน ออกแถลงการณ์ประณามการซ้อมรบของทั้งสามชาติ ว่าเป็นการยกระดับความตึงเครียดด้วยภัยคุกคามทางทหาร

ทางการเกาหลีใต้คาดว่ากรุงเปียงยางจะมีความเคลื่อนไหวทางการทหารในช่วงเวลาเดียวกันกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อเรียกร้องความสนใจจากกรุงวอชิงตัน

เจ้าหน้าที่พร้อมทั้งนักวิเคราะห์หลายคนบอกว่าเกาหลีเหนือน่าจะหวังผลในการใช้คลังอาวุธนิวเคลียร์มาเป็นแต้มต่อกับผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ ในการเจรจาลดหย่อนมาตรการคว่ำบาตรที่ดำเนินอยู่

หลายความเห็นเชื่อว่าคิม จอง อึน อยากให้โดนัลด์ ทรัมป์ แคนดิเดตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง เพราะคาดว่าน่าพูดคุยต่อรองได้ง่ายกว่าคามาลา แฮร์ริส ผู้เป็นคู่แข่ง

เมื่อปี 2018-2019 ทรัมป์เคยพูดคุยแบบตัวต่อตัวกับผู้นำเกาหลีเหนือคนปัจจุบันมาแล้ว 

ความตึงเครียดระหว่างสองเกาหลีอยู่ในจุดที่สูงที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา หลังจากคิมขยายโครงการขีปนาวุธพร้อมทั้งคลังแสงนิวเคลียร์ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีรายงานว่ากรุงเปียงยางส่งทหารไปช่วยรัสเซียในสงครามกับยูเครน

หลังการพบกันในกรุงโซลเมื่อวันจันทร์ เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหภาพยุโรปพร้อมทั้งเกาหลีใต้กังวลว่ารัสเซียจะตอบแทนเกาหลีเหนือด้วยการส่งมอบเทคโนโลยีที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพของโครงการนิวเคลียร์ที่มีอยู่ ที่อาจบ่อนทำลายความพยายามลดการแข่งขันทางอาวุธนิวเคลียร์ในระดับนานาชาติ พร้อมทั้งคุกคามสันติภาพของคาบสมุทรเกาหลีพร้อมทั้งพื้นที่อื่นของโลก

คิม ซอง เอกอัคราชทูตเกาหลีเหนือกล่าวในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่ากรุงเปียงยางจำเป็นต้องทำโครงการนิวเคลียร์พร้อมทั้งขีปนาวุธข้ามทวีป เพื่อรับมือกับภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์จากสหรัฐฯ 

โรเบิร์ต วูด รองเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เตือนว่าสหรัฐฯ ไม่สามารถนิ่งเฉยต่อการขยายโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ พร้อมทั้งภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น “โดยไม่มีการตอบสนองใด ๆ”

ที่มา: เอพี

‘เนทันยาฮู’ ปลด รมว.กลาโหม ปม ‘วิกฤติความเชื่อใจ’

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู สั่งปลด โยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีว่าการ (รมว.) กระทรวงกลาโหมอิสราเอล หลังมีความเห็นไม่ลงรอยกันมาหลายเดือน พร้อมทั้งโยกอิสราเอล แคทซ์ รมว. ต่างประเทศ นั่งดำรงตำแหน่งแทน

เนทันยาฮูกล่าวถึงสิ่งที่เขาเรียกว่า “วิกฤติความเชื่อใจ” เกี่ยวข้องกับการสั่งโยกย้ายตำแหน่งครั้งนี้ พร้อมทั้งแต่งตั้งกีเดียน ซาร์ เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศแทนตำแหน่งที่ว่างลง อ้างอิงตามแถลงการณ์ที่รายงานโดยรอยเตอร์

กัลแลนต์พร้อมทั้งเนทันยาฮูที่อยู่ในพรรคลิคุดเหมือนกัน มีปากเสียงพร้อมทั้งความเห็นที่ไม่ลงรอยมาเป็นเวลาหลายเดือนเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของสงครามกาซ่าที่ดำเนินมาแล้ว 13 เดือน ทั้งนี้ รายงานข่าวพบว่าเนทันยาฮูถูกกดดันจากพันธมิตรฝ่ายขวาให้พิจารณาปลดกัลแลนต์ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา

เนทันยาฮูบอกว่ากัลแลนต์ได้มีความเห็นที่ “สวนทางกับการตัดสินใจของรัฐบาลพร้อมทั้งการตัดสินใจของคณะรัฐมนตรี” ทางด้านกัลแลนต์โต้ตอบว่า “ความมั่นคงของรัฐอิสราเอลนั้นเป็น พร้อมทั้งจะเป็นภารกิจแห่งชีวิตของผมเสมอ”

แคทซ์ ที่เป็น รมว.กลาโหมคนใหม่ โพสต์ในแพลตฟอร์ม X ว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่นพร้อมทั้งตั้งใจ เพื่อความมั่นคงปลอดภัยของรัฐอิสราเอลพร้อมทั้งพลเมือง

การปลดรัฐมนตรีกลาโหมทำให้เกิดการประท้วงภายในกรุงเทลอาวีฟ 

ยาอีร์ ลาปิด ผู้นำฝ่ายค้านอิสราเอลระบุในช่องทาง X ว่า “ไล่กัลแลนต์ออกท่ามกลางสงครามเป็นการกระทำที่บ้าบิ่น”

โฆษกสภาความมั่นคงแห่งทำเนียบขาวที่กรุงวอชิงตัน พบว่ากัลแลนต์เป็นหุ้นส่วนคนสำคัญ พร้อมทั้งจะเดินหน้าร่วมงานกับแคทซ์ต่อไป

ในวันพุธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศสจะเดินทางไปยังอิสราเอลพร้อมทั้งดินแดนปาเลสไตน์ เพื่อกดดันให้อิสราเอลเดินหน้าทางการทูตเพื่อหยุดความขัดแย้งในกาซ่าพร้อมทั้งเลบานอน

จู่โจมทางอากาศถล่มกาซ่าตอนเหนือ

ก่อนมีการปลดกัลแลนต์ กองทัพกรุงเทลอาวีฟออกคำสั่งย้ายถิ่นฐานไปยังประชาชนพร้อมทั้งจู่โจมทางอากาศในพื้นที่ตอนเหนือของฉนวนกาซ่า 

ใบปลิวภาษาอารบิกที่โปรยมาจากเครื่องบิน ที่พบในพื้นทื่ดังกล่าว มีใจความว่า “ถึงผู้ที่ยังอยู่ในบ้านพร้อมทั้งสถานพักพิง พวกท่านกำลังเสี่ยงชีวิต เพื่อความปลอดภัย ท่านต้องเดินทางลงใต้”

การจู่โจมได้สังหารประชาชนอย่างน้อย 35 คนแล้วนับตั้งแต่คืนวันจันทร์ อ้างอิงตามสื่อพร้อมทั้งแพทย์สนามปาเลสไตน์

จอยซ์ เอ็มซูยา รักษาการหัวหน้าฝ่ายบรรเทาทุกข์ขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุในแพลตฟอร์ม X ว่า ปฏิบัติการภาคพื้นดินของอิสราเอลทางตอนเหนือของกาซ่า ทำให้ประชาชนปาเลสไตน์ “ไม่เหลือปัจจัยสำคัญสำหรับมีชีวิตรอด ขับไล่พวกเขาให้ออกจากพื้นที่ปลอดภัยหลายครั้ง พร้อมทั้งตัดเส้นทางสำหรับหนีพร้อมทั้งลำเลียงสิ่งของ”

เธอพบว่า “ความโหดร้ายทารุณนี้ต้องหยุดลง”

กองทัพอิสราเอลพบว่าต้องสั่งย้ายประชาชนเพื่อความปลอดภัยจากการสู้รบกับกลุ่มฮามาส 

สงครามในกาซ่าครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นหลังฮามาสจู่โจมอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมของปีที่แล้วพร้อมทั้งทำให้มีผู้จบชีวิตราว 1,200 คนรวมทั้งมีการจับตัวประกันไปกว่า 250 คน ก่อนที่ อิสราเอลจะจู่โจมโต้กลับเข้าไปในกาซ่าซึ่งส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์กว่า 43,000 คนจบชีวิต โดยกว่าครึ่งเป็นเด็กพร้อมทั้งสตรี ตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกาซ่า ขณะที่ อิสราเอลบอกว่า มีนักรบฮามาสหลายพันคนอยู่ในกลุ่มผู้จบชีวิตนี้

ที่มา: รอยเตอร์

ส่องความน่ารัก ฮิปโปเเคระเเรกคลอด แห่งสกอตเเลนด์

สวนสัตว์เอดินบะระแห่งสกอตแลนด์ต้อนรับฮิปโปเเคระ ชื่อ ‘แฮกกี้ส์’ ที่เพิ่งลืมตาดูโลกไม่กี่วันก่อน สวนสัตว์แห่งนี้จึงเปิดการเเข่งความน่ารักระหว่างสมาชิกใหม่ตัวนี้กับ ‘น้องหมูเด้ง’ ของไทย ที่ดังกระหึ่มโลกมาหลายเดือนเเล้ว

ในโพสต์ยั่วดราม่าของสวนสัตว์เอดินบะระ บนเเพลตฟอร์ม X มีข้อความว่า “หมูเด้ง? ใครเด้งนะ?” จากนั้นก็เเนะนำให้ชาวโลกได้รู้จักน้องแฮกกี้ส์

นอกจากหมูเด้งพร้อมทั้งแฮกกี้ จะเป็นฮิปโปพันธุ์เดียวกัน เพศเมียเหมือนกัน พร้อมทั้งเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เหมือนกันแล้ว ทั้งคู่ยังมีชื่อเป็นอาหารอีกด้วย

แฮกกี้ส์ เป็นอาหารประจำชาติของชาวสกอต ที่ทำจากเครื่องในเเกะ

เป็นที่ทราบกันดีว่า หมูเด้ง ได้สร้างกระเเสทั่วโลก พร้อมทั้งรันวงการโซเชี่ยลมาเเล้วประมาณ 2 เดือน หลังจากลืมตาดูโลกเมื่อเดือนกรกฎาคม ที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว

ทางสวนสัตว์ของไทยเตรียมการที่จะจดทะเบียนลิขสิทธิ์พร้อมทั้งเครื่องหมายการค้า ‘หมูเด้ง’ ที่เปิดโอกาสการทำเงินจากสินค้ามากมาย เช่นเสื้อพร้อมทั้งกางเกง โดยหวังนำรายได้เข้าสนับสนุนงานของสวนสัตว์

องค์การสวนสัตว์สกอตเเลนด์ Royal Zoological Society of Scotland พยายามมองหาโอกาสลักษณะเดียวกันจากฮิปโปเเคระของตนเช่นกัน

แคมเปญสร้างความตื่นเต้นต่อเจ้าฮักกีส์ นำรายได้มาแล้วกว่าครึ่งหนึ่งของเป้าหมาย 15,000 ปอนด์ คิดเป็นเงินไทยกว่า 650,000 บาท ไปเเล้ว

ทางสวนสัตว์บอกเชิญชวนว่า “เตรียมหลงรักเจ้าแฮกกีส์… น้องซุกซน พร้อมทั้งจะทำให้เห็นว่าทำไมชาวโลกถึงตกหลุมรักฮิปโปแคระกัน”

มีฮิปโปแคระ หรือ  pygmy hippopotamuses เหลืออยู่ประมาณ  2,500 ตัวในธรรมชาติ บริเวณแอฟริกาตะวันตก

สัตว์ชนิดนี้ถูกคุกคามโดยการล่าพร้อมทั้งการที่ที่อยู่ของพวกมันลดน้อยลง

สวนสัตว์เอดินบะระยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ดูน้องแฮกกี้ส์โดยทันที เพราะมันเพิ่งคลอดเมื่อวันที่  30 ตุลาคม บริเวณบ้านฮิปโปของสวนสัตว์จึงปิดเป็นเวลา 1 เดือนเพื่อส่งเสริมพัฒนาการพร้อมทั้งการเติบโตของฮักกี้ส์

หลังจากที่สวนสัตว์เเห่งนี้ เปิดเกมเปรียบเทียบแฮกกี้ส์กับหมูเด้ง ก็ออกมาขอโทษในการสร้างดราม่าการประกวดความน่ารัก

สวนสัตว์จึงลงโพสต์ใหม่ ที่เขียนว่า “เราผิดไปแล้วที่เอาแฮกกี้กับหมูเด้งมาเปรียบเทียบกัน…เราควรชื่นชมพวกมันทั้งหมดทุกตัว”

ที่มา: เอพี