กองกำลังนิวเคลียร์รัสเซียเริ่มซ้อมรบจำลองตอบโต้ภัยคุกคาม

ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศเริ่มการซ้อมรบครั้งใหญ่ของกองกำลังนิวเคลียร์ของรัสเซียในวันอังคาร โดยมีการจำลองการยิงขีปนาวุธสำหรับการจู่โจมตอบโต้ เพื่อแสดงถึงศักยภาพด้านนิวเคลียร์ของประเทศท่ามกลางความตึงเครียดกับชาติตะวันตก

ปูตินกล่าวต่อบรรดาผู้นำทหารผ่านวิดีโอ พบว่า การซ้อมรบครั้งนี้จำลองภารกิจพร้อมทั้งการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ รวมถึงการใช้ขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ เป้าหมายเพื่อฝึกฝนกองกำลังเชิงยุทธศาสตร์ในเหตุการณ์จู่โจมด้วยนิวเคลียร์เพื่อตอบโต้อาวุธนิวเคลียร์ของศัตรู

อาวุธนิวเคลียร์ที่ถูกนำมาทดสอบในครั้งนี้ รวมถึงขีปนาวุธวิถีโค้งข้ามทวีป ยาร์ส (Yars) เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ โนโวมอสคอฟส์ก (Novomoskovsk) พร้อมทั้ง คเอนยาซ โอเลก (Knyaz Oleg) รวมทั้งเครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-95 ที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ 

ปธน.ปูติน กล่าวย้ำเมื่อวันอังคารว่า คลังอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียยังคงเป็น “สิ่งรับประกันอำนาจอธิปไตยพร้อมทั้งความมั่นคงเหนือดินแดนรัสเซียที่ไว้ใจได้” พร้อมทั้งว่า “ภายใต้ความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์การเมืองโลก ตลอดจนภัยคุกคามพร้อมทั้งความเสี่ยงใหม่ ๆ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องมีกองกำลังเชิงยุทธศาสตร์ที่ทันสมัยซึ่งพร้อมต่อสู้ตลอดเวลา” 

 

ปูตินยืนยันว่า รัสเซียจะเดินหน้าพัฒนากองกำลังนิวเคลียร์ต่อไปด้วยการจัดหาขีปนาวุธรุ่นใหม่ ๆ ที่สามารถจู่โจมได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ พร้อมทั้งทำลายเกราะป้องกันขีปนาวุธของศัตรูได้ดีขึ้น

เมื่อเดือนที่แล้ว ปธน.รัสเซียเตือนสหรัฐฯ พร้อมทั้งพันธมิตรองค์การนาโต้ว่า การอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธจู่โจมระยะไกลของชาติตะวันตกเพื่อจู่โจมลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซียนั้นจะทำให้นาโต้กลายเป็นผู้ทำสงครามกับรัสเซีย

ปูตินเน้นย้ำถึงข้อความดังกล่าวด้วยการประกาศใช้หลักการใหม่ว่าด้วยนิวเคลียร์ คือการจู่โจมใด ๆ ก็ตามโดยประเทศที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์แต่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์ จะถือเป็นการจู่โจมร่วมกันต่อรัสเซียซึ่งรัสเซียสามารถใช้นิวเคลียร์ตอบโต้ได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงการถูกจู่โจมทางอากาศอย่างหนัก

โดยคำเตือนดังกล่าวของผู้นำรัสเซียมุ่งตรงไปยังสหรัฐฯ พร้อมทั้งรัฐบาลยูเครนเป็นหลัก 

ที่มา: เอพี

เฮซบอลลาห์ได้หัวหน้ากลุ่มคนใหม่ พร้อมประกาศเดินหน้าจู่โจมอิสราเอล

กลุ่มติดอาวุธเฮซบอลลาห์ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในเลบานอน ประกาศในวันอังคารว่า ชีค นาอิม คาสเซม คือหัวหน้าคนใหม่ของกลุ่ม หลังอิสราเอลทำการจู่โจมทางอากาศเข้าใส่กรุงเบรุตพร้อมทั้งสังหาร ฮัสซาน นาซรัลลาห์ อดีตหัวหน้าของกลุ่มไปเมื่อเดือนกันยายน

รอยเตอร์พบว่า คาสเซมนั้นเป็นสมาชิกอาวุโสที่มีบทบาทในเฮซบอลลาห์มานานกว่า 30 ปี

แถลงการณ์ของเฮซบอลลาห์ที่ร่วมจู่โจมอิสราเอลเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับฮามาส ประกาศว่า สภาชูราของกลุ่มติดอาวุธนี้เลือกคาสเซมซึ่งทำหน้าที่รองหัวหน้าเฮซบอลลาห์มากว่า 3 ทศวรรษขึ้นเป็นผู้นำแทน แต่พบว่า ทางกลุ่มจะดำเนินงานต่าง ๆ ตามนโยบายของนาสรัลลาห์ต่อไป

รายงานข่าวระบุด้วยว่า คาสเซมเคยขึ้นพูดต่อหน้ากล้องจากสถานที่ที่ไม่มีการเปิดเผยมาว่าเป็นที่ใด เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมว่า ความขัดแย้งระหว่างเฮซบอลลาห์พร้อมทั้งอิสราเอลนี้คือสงครามที่จะจบลงที่ว่า ใครจะร้องขอชีวิตก่อน พร้อมทั้งเฮซบอลลาห์จะไม่เป็นฝ่ายร้องก่อนอย่างแน่นอน พร้อมย้ำว่า ความสามารถในการรบของกลุ่มยังเข้มแข็งอยู่ แม้จะถูกอิสราเอล “จู่โจมอย่างเจ็บปวด” ก็ตาม

แต่คาสเซมกล่าวเสริมว่า เฮซบอลลาห์สนับสนุนความพยายามของประธานสภาเลบานอน นาบิห์ เบอร์ริ ซึ่งเป็นพันธมิตรของกลุ่มติดอาวุธนี้ ในการเจรจาข้อตกลงหยุดยิง โดยนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ไม่มีการตั้งเงื่อนไขว่า จะต้องมีการบรรลุข้อตกลงสงบศึกในกาซ่าก่อนเฮซบอลลาห์จะยอมหยุดยิงใส่อิสราเอล

คำแถลงนี้มีออกมาไม่กี่วันก่อนการสังหาร ฮาเชม ซาฟีดดีน ผู้ที่ถูกคาดหมายว่าจะขึ้นมาเป็นผู้นำกลุ่ม หลังการจบชีวิตของ ฮัสซาน นาซรัลลาห์

คาสเซมเป็นชาวเลบานอนที่เกิดในกรุงเบรุตเมื่อปี 1953 ก่อนจะเข้าร่วมการเคลื่อนไหวทางการเมืองกับกลุ่ม Amal Movement ซึ่งนับถือศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์พร้อมทั้งถอนตัวออกมาในปี 1979 มาร่วมการประชุมของนักเคลื่อนไหวอื่น ๆ ที่นำมาสู่การก่อตั้งเฮซบอลลาห์เพื่อตอบโต้การรุกรานเลบานอนโดยอิสราเอลในปี 1982 ภายใต้การหนุนหลังของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม หรือ Islamic Revolutionary Guards Corps (IRGC) ของอิหร่าน

 

ที่มา: รอยเตอร์

เกาหลีใต้ชี้ ความร่วมมือของกองทัพเกาหลีเหนือ-รัสเซียเป็น ‘ภัยคุกคามครั้งใหญ่’

ประธานาธิบดียูน ซุก ยอล แห่งเกาหลีใต้ กล่าวในวันอังคารว่า การร่วมมือทางทหารระหว่างเกาหลีเหนือพร้อมทั้งรัสเซียนั้นเป็น “ภัยคุกคามสำคัญต่อความมั่นคงของประชาคมโลก”

ความเห็นของผู้นำโสมขาวนี้มีออกมาระหว่างที่ร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีในกรุงโซล หลังยูนกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า โสมแดงอาจส่งทหารเข้าร่วมในสนามรบกับยูเครน “เร็วขึ้นกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า” โดยอ้างการประเมินของหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า เกาหลีเหนือได้ส่งทหารไปทำการฝึกอบรมที่รัสเซียสูงกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้าถึงกว่า 3 เท่า

ซาบรินา ซิงห์ รองโฆษกเพนตากอน บอกว่า “เราเชื่อว่าสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) ได้ส่งทหารราว 10,000 นายไปร่วมการฝึกที่ภาคตะวันออกของรัสเซียซึ่งน่าจะช่วยเสริมกำลังของกองทัพรัสเซียใกล้ยูเครนในช่วงหลายสัปดาห์จากนี้” พร้อมทั้งว่า “ส่วนหนึ่งของทหารเหล่านี้เคลื่อนพลมาใกล้กับยูเครนแล้ว พร้อมทั้งเรามีความกังวลมากขึ้นว่า รัสเซียตั้งใจจะใช้ทหารเหล่านี้ในการสู้รบหรือสนับสนุนปฏิบัติการรบกับกองกำลังยูเครนในแคว้นเคิร์สกของรัสเซีย”

ในเวลาเดียวกัน ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวในวันอังคารว่า ได้ตกลงกับปธน.ยูน แห่งเกาหลีใต้ ในการยกระดับการติดต่อสื่อสารของสองประเทศเพื่อพัฒนามาตรการตอบโต้พร้อมทั้งยุทธศาสตร์เพื่อรับมือกับการที่เกาหลีเหนือเข้ามาเกี่ยวข้องกับสงครามในยูเครน

เซเลนสกีให้ข้อมูลของการสนทนากับยูนในโพสต์ทางแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) พร้อมทั้งระบุด้วยว่า ทั้งสองตกลงที่จะเพิ่มการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองพร้อมทั้งความเชี่ยวชาญระหว่างกันด้วย

ผู้นำยูเครนเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับการที่เกาหลีเหนือส่งทหาร 3,000 นายไปยังพื้นที่ฝึกอบรมใกล้กับสนามรบ แต่เวลานี้ ตัวเลขของทหารโสมแดงได้พุ่งขึ้นเป็นราว 12,000 คนแล้ว

 

สงครามโดรน

ยูเครนรายงานในวันอังคารว่า การจู่โจมทางอากาศโดยรัสเซียเข้าใส่เขตปกครองคาร์คิฟทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศทำให้มีผู้จบชีวิตอย่างน้อย 4 คน

อิกอร์ เทเรคอฟ นายกเทศมนตรีเมืองคาร์คิฟ ระบุในโพสต์เทเลแกรมว่า การจู่โจมครั้งล่าสุดนี้ยังทำลายบ้าน 2 หลังพร้อมทั้งสร้างความเสียหายให้บ้านราว 20 หลังด้วย

นอกจากคาร์คิฟแล้ว รัสเซียยังได้จู่โจมเมืองหลวงของยูเครนด้วยพร้อมทั้งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 6 ราย ตามการเปิดเผยของเซอร์ฮีย์ โพพโก หัวหน้าฝ่ายบริหารกิจการทางทหารของกรุงเคียฟ

ส่วนที่เขตปกครองดนิโปรเปตรอฟสก์ เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า มีผู้จบชีวิต 1 รายจากจรวดของรัสเซีย

ในเวลาเดียวกัน กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยในวันอังคารว่า ได้ยิงโดรนของยูเครนที่ส่งมาจู่โจมในช่วงคืนก่อนหน้าตก 7 ลำ

เวียเชสลาฟ กลาดคอฟ ผู้ว่าการแคว้นเบลโกรอด โพสต์ข้อความทางเทเลแกรมว่า การจู่โจมโดยยูเครนทำให้อาคารที่พักอาศัยหลายหลังได้รับความเสียหาย

 

 

ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี เอเอฟพีพร้อมทั้งรอยเตอร์

สหรัฐฯ เตือนภัยคุกคามเลือกตั้ง ขณะเกิดเหตุเผากล่องบัตรลงคะแนนหลายจุด

การก่อเหตุทำลายกล่องรับบัตรคะแนนเลือกตั้งในหลายพื้นที่ของสหรัฐฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้ กดดันเจ้าหน้าที่ทั้งในระดับรัฐพร้อมทั้งของรัฐบาลกลางให้เร่งยกระดับการดูแลจัดการการเลือกตั้งประธานาธิบดี ทั้งในกรณีของการลงคะแนนล่วงหน้าพร้อมทั้งวันเลือกตั้งจริงในสัปดาห์หน้าให้มีความปลอดภัยพร้อมทั้งราบรื่น

ทางการรัฐวอชิงตันยืนยันกับ วีโอเอ ในวันจันทร์ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นพร้อมทั้งสำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐฯ (FBI) กำลังเร่งสอบสวนรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ “วางอาวุธเพลิง” ต้องสงสัยในกล่องบัตรเลือกตั้งในเมืองแวนคูเวอร์ รัฐวอชิงตัน เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมาอยู่

เจ้าหน้าที่บอกว่า ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่มีบัตรลงคะแนนบางส่วนที่เสียหาย โดยคลิปวิดีโอจากสื่อท้องถิ่นแสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าดูแลสถานการณ์ ณ สถานที่เกิดหตุ พร้อมทั้งมีภาพของบัตรลงคะแนนบางส่วนไหม้จนเหลือแต่เถ้า

ในเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่ในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ที่อยู่ติดกัน รายงานว่า ก่อนเกิดเหตุที่เมืองแวนคูเวอร์ราว 30 นาที มีผู้ใส่อาวุธเพลิงเข้าไปในกล่องรับบัตรหนึ่งใบพร้อมทั้งระบบดับเพลิงภายในกล่องสามารถป้องกันกล่องหลายใบไม่ให้ถูกไฟเผา แต่มีกล่อง 3 ใบที่เสียหาย

ลาวอนน์ กริฟฟิน-วาเลด เลขานุการรัฐโอเรกอน ระบุในแถลงการณ์ที่ส่งให้ วีโอเอ ว่า “การก่อเหตุต่อกล่องรับบัตรเลือกตั้ง คือ การจู่โจมระบอบประชาธิปไตยของเราพร้อมทั้งเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้เลย” ขณะที่ สตีฟ ฮอบส์ เลขานุการรัฐวอชิงตัน ประณาม “การก่อการร้ายต่าง ๆ ที่มุ่งหวังก่อกวนการเลือกตั้งที่เป็นธรรมพร้อมทั้งถูกกฎหมายในรัฐวอชิงตัน” พร้อมยืนยันว่า ทางรัฐจะไม่ยอมทนต่อภัยคุกคามหรือการก่อเหตุรุนแรงใด ๆ ที่พุ่งเป้าบ่อนทำลายกระบวนการทางประชาธิปไตยเป็นอันขาด

กรณีการก่อเหตุกับกล่องรับบัตรเลือกตั้งในโอเรกอนพร้อมทั้งวอชิงตันเกิดขึ้นหลังมีเหตุการณ์แบบเดียวกันในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งทำให้มีบัตรลงคะแนนเสียหาย 20 ใบ โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยไว้ได้ 1 คน

มีรายงานเหตุการณ์ทำลายกล่องรับบัตรคะแนนเลือกตั้งในสหรัฐฯ หลังเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงออกคำเตือนแก่ประชาชนให้ระวังภัยการก่อเหตุรุนแรงที่เกี่ยวเนื่องกับการเลือกตั้งโดยฝีมือของกลุ่มหัวรุนแรงในประเทศ

กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์เมื่อปลายเดือนกันยายนว่า ทางหน่วยงานคาดว่า “กลุ่มหัวรุนแรงในสหรัฐฯ คือภัยคุกคามทางกายภาพที่สำคัญที่สุดต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ใช้สิทธิ รวมทั้งบุคลากรพร้อมทั้งพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง”

แถลงการณ์นี้ยังพบว่า เป้าหมายของการก่อเหตุโดยกลุ่มดังกล่าวน่าจะเป็น “สถานที่ลงคะแนน สถานที่ตั้งของกล่องรับบัตรเลือกตั้ง จุดลงทะเบียนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง งานหาเสียง สำนักงานพรรคการเมือง พร้อมทั้งสถานที่นับคะแนนเลือกตั้ง”

การประเมินสถานการณ์ของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ ชี้ว่า ภัยคุกคามทั้งหลายนี้น่าจะเป็นฝีมือของ กลุ่มหัวรุนแรงในประเทศที่ต่อต้านทางการพร้อมทั้งรัฐบาล “โดยหลายคนน่าจะได้รับแรงกระตุ้นจากเหตุความไม่พอใจต่อนโยบายของพรรคใดพรรคหนึ่งหรือทฤษฎีสมคบคิดต่าง ๆ”

วีโอเอได้ตรวจสอบข้อความเตือนต่าง ๆ ที่กระทรวงความมั่นคงฯ พร้อมทั้ง FBI ส่งออกมาแล้วพบว่า เป็นการประเมินจากโพสต์ต่าง ๆ ทางสื่อสังคมออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการก่อเหตุจู่โจมกล่องรับบัตรเลือกตั้ง รวมทั้งการทำสงครามกลางเมือง หลังเกิดเหตุลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อเดือนกรกฎาคม

พร้อมทั้งแม้หน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯ จะเชื่อว่า ภัยคุกคามของการก่อเหตุรุนแรงนั้นน่าจะมาจากพวกหัวรุนแรงต่อต้านทางการพร้อมทั้งรัฐบาลที่อยู่ในประเทศ เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของสหรัฐฯ ได้แสดงความกังวลก่อนหน้านี้แล้วว่า ฝ่ายตรงข้ามของสหรัฐฯ เช่น อิหร่านพร้อมทั้งรัสเซีย ก็อาจกำลังทำการผลักดันให้มีการก่อเหตุจู่โจมต่าง ๆ ด้วย

 

 

ที่มา: วีโอเอ

อิสราเอลสังหารกว่า 60 ชีวิตในกาซ่า-ยูเอ็นคัดค้านกฎหมายสั่งแบน UNWRA

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาเลสไตน์รายงานว่า การจู่โจมทางอากาศโดยอิสราเอลในวันอังคารเข้าใส่อาคารที่อยู่อาศัยขนาด 5 ชั้นในภาคเหนือของกาซ่าส่งผลให้มีผู้จบชีวิตไม่ต่ำกว่า 60 ราย

หลังการจู่โจมดังกล่าวในเขตเบอิต ลาฮิยา เจ้าหน้าที่บอกว่า มีผู้สูญหายอยู่อย่างน้อย 17 คนด้วย ขณะที่ กองทัพอิสราเอลยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้

ในเวลาเดียวกัน เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) อันโตนิโอ กูเทอเรซ วิพากษ์วิจารณ์รัฐสภาอิสราเอลที่ผ่านกฎหมายใหม่พร้อมทั้งสั่งห้ามสำนักงานบรรเทาทุกข์พร้อมทั้งจัดหางานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) ไม่ให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในอิสราเอล

กฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ภายใน 90 วันพร้อมทั้งกูเทอเรซบอกว่า กฎหมายนี้ “อาจส่งผลร้ายแรงหนัก” ต่อผู้อพยพชาวปาเลสไตน์ได้

ในแถลงการณ์ที่มีออกมาในคืนวันจันทร์ เลขาธิการใหญ่ยูเอ็นยังเรียกร้องให้อิสราเอลยึดมั่นในภาระหน้าที่ของตนภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศพร้อมทั้งชี้ว่า กฎหมายของประเทศ “ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงภาระหน้าที่เหล่านั้นได้”

โวลเกอร์ เทิร์ค ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เรียกสิ่งที่อิสราเอลดำเนินการด้านกฎหมายนี้ว่าเป็น เรื่องที่ “ทำให้รู้สึกหนักใจอย่างมาก ด้วยเหตุผลหลายข้อ – เนื่องจากกฎหมายนี้อาจมีผลกระทบโดยตรงต่อสิทธิมนุษยชนของผู้ที่กำลังพึ่งพาความช่วยเหลือโดยตรงจาก UNWRA ซึ่งจัดตั้งขึ้นมาด้วยมติของสมัชชาสหประชาชาติ”

ส่วน ฟิลิปเป ลาซซารินี หัวหน้า UNRWA กล่าวผ่านแถลงการณ์ที่ออกมาในวันจันทร์ว่า กฎหมายใหม่ของอิสราเอลได้ตั้งต้นเงื่อนไขที่อาจเป็นอันตรายในอนาคต พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะสร้างความเสื่อมเสียให้กับชื่อเสียงของหน่วยงานนี้ รวมทั้งทำลายความชอบธรรมของบทบาทในการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อพยพชาวปาเลสไตน์ด้วย

ทั้งนี้ อิสราเอลกล่าวหา UNRWA ว่า เป็นสมาชิกของกลุ่มฮามาสพร้อมทั้งมีส่วนร่วมในการจู่โจมตนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมของปีที่แล้ว โดยหน่วยงานนี้ของยูเอ็นก็ได้ดำเนินการต่าง ๆ ต่อลูกจ้างนับสิบคนที่มีหลักฐานจากอิสราเอลซึ่งพิสูจน์ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มติดอาวุธดังกล่าวในการก่อเหตุจริง แม้ยังมีข้อกล่าวหาอีกหลายสิบข้อที่รอหลักฐานพร้อมทั้งข้อมูลต่าง ๆ จากเทลอาวีฟเพื่อทำการสืบสวนต่อไป

หัวหน้าใหม่ของเฮซบอลลาห์

กลุ่มติดอาวุธเฮซบอลลาห์ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในเลบานอนพร้อมทั้งร่วมจู่โจมอิสราเอลเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับฮามาส ประกาศในวันอังคารว่า ชีค นาอิม คาสเซม คือหัวหน้าคนใหม่ของกลุ่ม หลังอิสราเอลทำการจู่โจมทางอากาศเข้าใส่กรุงเบรุตพร้อมทั้งสังหาร ฮัสซาน นาซรัลลาห์ อดีตหัวหน้าของกลุ่มไปเมื่อเดือนกันยายน

แถลงการณ์ของเฮซบอลลาห์ประกาศว่า สภาชูราของกลุ่มติดอาวุธนี้เลือกคาสเซมซึ่งทำหน้าที่รองหัวหน้าเฮซบอลลาห์มากว่า 3 ทศวรรษขึ้นเป็นผู้นำแทน แต่พบว่า ทางกลุ่มจะดำเนินงานต่าง ๆ ตามนโยบายของนาสรัลลาห์ต่อไป

ความขัดแย้งในตะวันออกกลางครั้งนี้ที่เริ่มต้นจากการที่กลุ่มฮามาสจู่โจมทางใต้ของอิสราเอลเมื่อเดือนตุลาคมของปีที่แล้วพร้อมทั้งสังหารผู้คนไปราว 1,200 คน ทั้งยังจับตัวประกันไปกว่า 250 คน ทำให้เกิดการจู่โจมโต้กลับโดยอิสราเอลเข้าใส่กาซ่าตั้งแต่นั้นมา พร้อมทั้งทำให้มีชาวปาเลสไตน์จบชีวิตแล้วกว่า 43,000 คน อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขกาซ่า

 

ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี เอเอฟพีพร้อมทั้งรอยเตอร์

“มาดามอ้อย” เผยจุดแตกหัก ปม “เบนซ์” 13 ล้าน เคยถูกยุให้ซื้อเรือยอชต์ 300 ล้าน

เฟซบุ๊กเพจ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ปล่อยคลิปซีรีส์ “มาดามอ้อย” เผยจุดแตกหักทนายตั้ม ปม “เบนซ์” 13 ล้าน อ้างเคยถูกยุให้ซื้อเรือยอชต์ 300 ล้าน

เปิดใจ “เจ๊ไฝ” ปมเลิกกิจการ ยืนยันยังขายต่อ มีโครงการที่ตั้งเป้าไว้แล้ว

“เจ๊ไฝ” เปิดใจปม เลิกกิจการปี 2568 ยืนยันยังไม่เลิกขาย ร่างกายยังแข็งแรง เผย ลูกสาวจะไม่สืบทอดต่อ แต่มีโครงการอย่างอื่นอยู่ในใจแล้ว

“อนุทิน” สั่งศึกษาเวนคืนที่ดินแม่สาย แก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ยันคนบุกรุกไม่ได้เยียวยา

“อนุทิน ชาญวีรกูล” สั่งกรมโยธาฯ ศึกษาผลกระทบเพิ่มเติม “เวนคืนที่ดินแม่สาย” ลั่นคนบุกรุกไม่ได้เยียวยา มองใช้งบ 3,000 ล้านแก้ปัญหาระยะยาวคุ้มกว่าปล่อยเกิดซ้ำซาก

“อิ๊งค์” เสียดายยังไม่เคยทานไข่เจียวปูมิชลินสตาร์ หลัง “เจ๊ไฝ” ประกาศวางตะหลิว

“นายกฯ อิ๊งค์” เสียดาย “เจ๊ไฝ” ประกาศวางตะหลิวปีหน้า ปิดตำนานไข่เจียวปูมิชลินสตาร์ บอก ยังไม่เคยทาน จะให้เพื่อนพาไปต่อคิว มอง ร้านฝีมือดีควรเก็บไว้

“พิชัย” รับลูกนายกฯ-กกร. แก้ปัญหาเร่งด่วน-เป็นระบบ เผย จ่อถก รมต.การค้าแคนาดา

กระทรวงพาณิชย์ รับลูก “นายกฯ – กกร.” แก้ปัญหาเป็นระบบ เร่งด่วน ทั้งปัญหาสินค้านำเข้าด้อยคุณภาพ เร่งเจรจา FTA อำนวยความสะดวกผู้ประกอบการ ปิดบัญชีบริษัทม้า เผย นัดถก รัฐมนตรีการค้าแคนาดา ขยายโอกาสการค้าในตลาดอเมริกาเหนือ