อิสราเอลหวังจำกัดการตอบโต้จากอิหร่าน-เดินหน้าจู่โจมกาซ่า

ทางการอิสราเอลหวังว่า การจู่โจมเข้าใส่อิหร่านเมื่อวันเสาร์น่าจะช่วยจำกัดความสามารถของเตหะรานในการต่อสู้กลับ ขณะเดินหน้าทำการยิงถล่มกาซ่าต่อไปจนทำให้มีผู้จบชีวิตนับสิบรายเพิ่มขึ้นในวันอาทิตย์

แดเนียล ฮาการิ โฆษกกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ระบุระหว่างที่แถลงข่าวทางโทรทัศน์ว่า ในการจู่โจมเมื่อวันเสาร์ มีการพุ่งเป้าถล่มอย่างแม่นยำพร้อมทั้งเจาะจงในหลายจุดทั่วอิหร่าน พร้อมทั้งว่า “(เป้าหมาย)เหล่านั้นรวมถึง โรงงานผลิตขีปนาวุธที่อิหร่านใช้ในการจู่โจมอิสราเอลในปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งพร้อมกันนี้ เราได้พุ่งเป้าไปยังบรรดาขีปนาวุธจากพื้นดินสู่อากาศพร้อมทั้งความสามารถการจู่โจมทางอากาศของอิหร่านที่ถูกวางไว้เพื่อจำกัดเสรีภาพของปฏิบัติการทางอากาศของอิสราเอลในอิหร่านด้วย”

ทั้งนี้ เว็บไซต์ IRNA ซึ่งเป็นสื่อรัฐบาลอิหร่าน อ้างข้อมูลจากองค์การด้านการป้องกันการจู่โจมทางอากาศของประเทศในรายงานว่า อิสราเอลได้จู่โจมศูนย์กลางทหารหลายแห่งในกรุงเตหะรานพร้อมทั้งในจังหวัดคูเซสถานพร้อมทั้งอิลามทางตะวันตกของประเทศ พร้อมทั้งยังระบุด้วยว่า กองกำลังอิหร่าน “ประสบความสำเร็จ” ในการสกัดการจู่โจมหลายครั้งซึ่งทำให้เกิด “ความเสียหายแบบจำกัด” เท่านั้น

รายงานการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมในวันอาทิตย์ของเอพีแสดงให้เห็นว่า อิสราเอลได้จู่โจมโรงงานพร้อมทั้งคลังหลายแห่งของอิหร่านที่ฐานทัพลับทางทหารที่ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเตหะรานไปทางตะวันออกเฉียงเหนือจริง

ในอดีตนั้น นักวิเคราะห์เชื่อว่า หนึ่งในเป้าหมายการจู่โจมครั้งนี้เคยเป็นสถานที่ดำเนินโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน ส่วนเป้าหมายอีกแห่งเป็นสถานที่ตั้งของโครงการขีปนาวุธวิถีโค้งพิสัยไกล พร้อมทั้งเอพีพบว่า การวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นความเสียหายที่อาคารบางแห่งในฐานทัพพาร์ชินซึ่งสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศสงสัยว่า เคยมีการทดสอบวัตถุระเบิดแรงสูงที่อาจนำมาใช้ในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้

การวิเคราะห์นี้ยังพบร่องรอยความเสียหายที่ฐานทัพคอเจียร์ที่อยู่ใกล้กัน พร้อมทั้งนักวิเคราะห์เชื่อว่า เป็นที่ซ่อนของระบบอุโมงค์ใต้ดินพร้อมทั้งที่ผลิตขีปนาวุธด้วย

กองทัพอิหร่านยังไม่ได้ออกมายืนยันว่าเกิดความเสียหายที่ฐานทัพทั้งสองแห่งหลังการจู่โจมของอิสราเอลเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่รายงานเพียงว่า มีทหารอิหร่าน 4 นายที่ทำงานในส่วนงานด้านระบบป้องกันการจู่โจมทางอากาศที่จบชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้

คณะผู้แทนอิหร่านประจำสหประชาชาติพร้อมทั้งกองทัพอิสราเอลไม่ได้ตอบกลับคำร้องขอความเห็นจากผู้สื่อข่าวในเรื่องนี้

อย่างไรก็ดี อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน กล่าวในวันอาทิตย์ว่า “ไม่ควรมีการพูดเกินจริงหรือกลบเกลื่อน” ประเด็นการจู่โจมโดยอิสราเอล แต่ก็ไม่ได้เรียกร้องให้มีการจู่โจมโต้กลับในทันที

คาเมเนอีบอกว่า “ขึ้นอยู่กับทางการในการตัดสินว่า จะถ่ายทอดพลังพร้อมทั้งจิตวิญญาณของชาวอิหร่านไปยังรัฐบาลอิสราเอล พร้อมทั้งจะทำการใด ๆ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติอย่างไร”

ในเวลาเดียวกัน นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวในวันอาทิตย์ว่า การจู่โจมของอิสราเอล “ทำอันตรายต่ออิหร่านอย่างหนัก” พร้อมทั้งการยิงถล่มที่เกิดขึ้นก็ “บรรลุเป้าหมายทั้งหมด” ด้วย

นักวิเคราะห์ในอิสราเอลมองว่า การตัดสินใจจำกัดการจู่โจมเป้าหมายทางทหารของอิหร่านในครั้งนี้เปิดทางให้กรุงเตหะรานได้เลือกที่จะถอยห่างออกจากการเข้าร่วมวิวาทะสร้างความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ดำเนินอยู่นี้ได้

เบนิ ซาบิต ผู้เชี่ยวชาญด้านอิหร่านจาก Institute for National Security Studies ในกรุงเทลอาวีฟ บอกว่า อิสราเอลไม่ได้ทำการยิงถล่มอย่างหนักเท่าที่คาดกันไว้ก่อนหน้า พร้อมทั้งว่า อิสราเองน่าจะต้องการส่งสารให้กับอิหร่านว่า นี่คือจุดที่ต่างควรเลิกยุ่งกันพร้อมทั้งกันได้แล้ว พร้อมทั้งเทลอาวีฟก็ไม่ต้องการให้สถานการณ์ยกระดับขึ้นไปอีก

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีกำหนดเปิดประชุมในวันจันทร์ตามคำขอจากอิหร่านเพื่อหารือประเด็นการจู่โจมจากอิสราเอลที่กรุงเตหะรานอ้างว่า ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

 

ถล่มกาซ่าต่อเนื่อง

อิสราเอลเดินหน้าจู่โจมเข้าใส่ทางเหนือของกาซ่าในช่วงค่ำวันเสาร์ พร้อมทั้งทำให้มีผู้จบชีวิตอย่างน้อย 22 คน ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ในวันอาทิตย์

กระทรวงสาธารณสุขกาซ่าพบว่า มีผู้หญิง 11 คนพร้อมทั้งเด็ก 2 คนในกลุ่มผู้จบชีวิตนี้หลังมีการจู่โจมใส่บ้านพร้อมทั้งอาคารหลายหลัง โดยมีผู้บาดเจ็บ 15 คน

กองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่า ได้ทำการจู่โจมอย่างแม่นยำเข้าใส่เป้าหมายนักรบติดอาวุธในอาคารแห่งหนึ่งในเขตเบอิต ลาฮิยา พร้อมทั้งได้ทำการทุกอย่างเพื่อไม่ให้พลเรือนได้รับอันตรายแล้ว ทั้งยังแย้งด้วยว่า ตัวเลขที่มีรายงานออกมานั้นเป็น “ตัวเลขจากสื่อ” โดยไม่ได้ให้ข้อมูลหรือนำเสนอหลักฐานโต้แย้งรายงานดังกล่าว

ในเวลาเดียวกัน หน่วยกู้ภัย Magen David Adom ของอิสราเอล รายงานว่า เกิดเหตุการณ์รถบรรทุกคันหนึ่งพุ่งเข้าชนป้ายรถโดยสารในกรุงเทลอาวีฟ ซึ่งอยู่ใกล้กับสำนักงานใหญ่ของหน่วยข่าวกรองมอสสาด

อาซิ อฮาโรนิ โฆษกสำนักงานตำรวจอิสราเอล ระบุระหว่างที่สัมภาษณ์กับสื่อ Kan ของอิสราเอลว่า ได้ตัวผู้ก่อเหตุไว้แล้ว แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลเป็นการสกัดพร้อมทั้งจับกุม หรือสังหารผู้ต้องสงสัย

สงครามในตะวันออกกลางครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อกลุ่มฮามาสจู่โจมเข้าใส่อิสราเอลในวันที่ 7 ตุลาคมของปีที่แล้ว พร้อมทั้งทำให้มีผู้จบชีวิตราว 1,200 คน ทั้งยังมีการจับตัวประกันไปกว่า 250 คน ก่อนอิสราเอลจะจู่โจมโต้กลับเข้าไปในฉนวนกาซ่าที่ทำให้มีชาวปาเลสไตน์กว่า 42,000 คนจบชีวิต อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขกาซ่าที่ไม่แยกตัวเลขนักรบฮามาสออกจากกลุ่มพลเรือน

 

ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพีพร้อมทั้งรอยเตอร์

คะแนน SAT ยังจำเป็นหรือไม่ ในการสมัครเรียนต่อ?

SAT คือการสอบมาตรฐานสากล ที่วัดความถนัดวิชาภาษาอังกฤษพร้อมทั้งคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมปลายเพื่อใช้ประกอบการยื่นสมัครเรียนในระดับอุดมศึกษา ซึ่งถูกลดความสำคัญลงไปในช่วงเกิดการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรน่า-19

แต่สำหรับการยื่นสมัครเรียนต่อในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 มีการตรวจสอบพบว่า สถานศึกษาจำนวนมาก รวมถึงมหาวิทยาลัยชั้นนำ เช่น เยล (Yale) ฮาร์วาร์ด (Harvard) พร้อมทั้ง แคลเทค (Caltech) กลับมาพิจารณาคะแนนสอบ SAT อีกครั้ง

พริสซิลลา รอดริเกซ จากองค์กรไม่แสวงผลกำไร คอลเลจ บอร์ด (College Board) ที่ดูแลการสอบ SAT ชี้ว่ามหาวิทยาลัยต่าง ๆ มีแนวโน้มกลับมาใช้คะแนนสอบดังกล่าวมากขึ้นแล้ว

 

รอดริเกซบอกว่า จากข้อมูลที่สถานศึกษาต่าง ๆ เปิดเผยออกมา การใช้คะแนนสอบ ทั้ง SAT พร้อมทั้ง ACT ช่วยในกระบวนคัดกรองผู้สมัคร ทำให้ได้กลุ่มนักเรียนที่มีความหลากหลายมากกว่า

แต่องค์กรกฏหมายเพื่อความยุติธรรมด้านเชื้อชาติ (NAACP Legal Defense Fund – LDF) วิจารณ์การทดสอบมาตรฐานอย่าง SAT ว่า มีข้อบกพร่อง โดยอ้างงานวิจัยว่า การสอบดังกล่าวก่อให้เกิด “การเลือกปฏิบัติ” ต่อผู้สมัคร ทั้งในเรื่องของเชื้อชาติ เพศ พร้อมทั้งรายได้

โอแยน พุน ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาจาก LDF บอกว่า แม้ผู้เกี่ยวข้องไม่ได้เปิดเผยข้อมูลให้กับองค์กร การตรวจสอบพร้อมทั้งวิเคราะห์ข้อมูลที่รายงานไปยังรัฐบาลกลางพบว่า มีหลายเรื่องที่ไม่สามารถยืนยันได้ พร้อมทั้งเป็นสิ่งที่ดูเหมือนจะมีความขัดแย้งกัน

เมื่อปี 2023 ศาลฎีกาสหรัฐฯ มีคำสั่งให้มหาวิทยาลัยจะต้องไม่นำประเด็นด้านเชื้อชาติของผู้สมัครมาใช้ในการพิจารณาการสมัครเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา แต่เหล่านักวิจารณ์กลับมองว่า คำตัดสินดังกล่าวพร้อมทั้งการใช้คะแนนสอบ SAT จะเป็นอุปสรรคในการเพิ่มความหลากหลายของนักเรียนในระดับชั้นปริญญาตรีมากขึ้นไปอีก

ข้อมูลจากองค์กรด้านการศึกษาไม่แสวงผลกำไร แฟร์เทสท์ (Fairtest) เผยว่า แม้สถานศึกษาหลายแห่งจะหันกลับมาใช้คะแนน SAT แต่ราว 80% ของสถาบันที่ได้รับการรับรองวิทยฐานะกลับกำหนดให้การยื่นคะแนน SAT เป็นแค่ตัวเลือกหรือไม่ก็ไม่มีการบังคับเลย

ทั้งนี้ สถิติล่าสุดจากกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ พบว่า มีสถาบันอุดมศึกษาที่นำเสนอแผนการเรียน 4 ปีในสหรัฐฯ อยู่เกือบ 3,000 แห่ง

เมื่อลองตรวจสอบดู ก็พบว่า สถาบันชั้นนำบางแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia) สแตนฟอร์ด (Stanford) พร้อมทั้งพรินซ์ตัน (Princeton) กำหนดให้การยื่นคะแนน SAT เป็นเพียงทางเลือกเท่านั้น ในขณะที่ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กลีย์ (UC Berkeley) พร้อมทั้งอีกเก้าวิทยาเขต ไม่มีการใช้คะแนน SAT เลย

ร็อบ ฟราเนค บรรณาธิการบริหารพร้อมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาระดับสูง จากบริษัท เดอะ ปรินซ์ตันรีวิว (The Princeton Review) บอกว่า การสอบนี้ไม่ได้ชี้ว่า “คุณฉลาดแค่ไหน” แต่จะบอกได้ว่า “คุณรับมือได้ดีขนาดไหน” ในช่วงเวลาที่มีให้อย่างจำกัด

ผู้สื่อข่าว วีโอเอ ลองสอบถามความเห็นเกี่ยวกับการใช้คะแนนสอบนี้ พร้อมทั้งพบว่า บางคนมองว่าคะแนน SAT ควรเป็นทางเลือกเท่านั้น เพราะในความเป็นจริง พรสวรรค์ของคนไม่ได้จำกัดแค่การอ่านภาษาอังกฤษพร้อมทั้งคณิตศาสตร์ ในขณะที่บางคนมองว่า การบังคับใช้คะแนน SAT ควรจะขึ้นอยู่กับสาขาวิชาที่สมัครเรียน

นับตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2024 ทาง College Board ได้ยกเลิกการสอบ SAT แบบดั้งเดิม จากการที่นักเรียนต้องฝนคำตอบลงในกระดาษ พร้อมทั้งใช้เวลาสอบนานถึงสามชั่วโมง มาสู่การสอบรูปแบบใหม่ที่จะใช้เวลาสั้นลง พร้อมทั้งสอบทางคอมพิวเตอร์สำหรับทั้งนักเรียนในสหรัฐฯ พร้อมทั้งนักเรียนที่อยู่ต่างประเทศ

 

ที่มา: วีโอเอ

 

เสียงอเมริกันเชื้อสายเวียดนาม กับความหวังในฤดูเลือกตั้ง ปธน. สหรัฐฯ 

การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งปีนี้ในชุมชนชาวเวียดนามในสหรัฐฯ ที่รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นไปอย่างคึกคัก ทั้งจากฝั่งผู้สมัครรับเลือกตั้งที่มุ่งเข้าหาฐานเสียง พร้อมทั้งผู้มีสิทธิ์ออกเสียงที่ใช้โอกาสนี้พูดถึงความฝันพร้อมทั้งความหวังในอนาคต

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีนี้ ได้แปลงโฉมทิวทัศน์ในย่านลิตเติ้ลไซ่ง่อน เขตปกครองออเรนจ์ เคาน์ตี ทางตอนใต้ของแคลิฟอร์เนีย ให้เต็มไปด้วยป้ายรณรงค์ที่มีชื่อผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งชาวอเมริกันเชื้อสายเวียดนามในทุกแห่งหน

เขตปกครองออเรนจ์ เคาน์ตีเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรเชื้อสายเวียดนามนอกประเทศเวียดนามที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง พร้อมทั้งมีหลายคนที่ย้ายมาอยู่ที่สหรัฐฯ หลังสงครามเวียดนามสิ้นสุดในทศวรรษ 1970

ในปีนี้ โธมัส กว๊อก-ไทย เหวียน เป็นหนึ่งในผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองการ์เดนโกรฟ ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่เมืองของย่านลิตเติ้ลไซ่ง่อน

เหวียน บอกว่า “การ์เดนโกรฟต้องการโฉมหน้าพร้อมทั้งวิสัยทัศน์ใหม่ เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่ประชาชนได้ทำในสิ่งที่ดีมากมากกับเมืองนี้ แต่เราต้องการที่จะทำให้ดีขึ้น”

ด้าน แลน เหวียน ทนายความที่ลงชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองการ์เดนโกรฟเช่นกัน ได้รับเสียงตอบรับที่หลากหลายจากการลงพื้นที่หาเสียง

เขาบอกว่า “โหวตเตอร์บางคนก็ดีมาก ๆ แต่ก็มีคนอื่นหลายคนที่ก็เถรตรงกับเรามาก ซึ่งก็ถือว่าแฟร์ เพราะผมพยายามจะได้เสียงเลือกตั้งจากเขา”

การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีการ์เดนโกรฟ คือหนึ่งในการแข่งชิงตำแหน่งทางการเมืองจำนวนมากในสหรัฐฯ ที่จะตัดสินกันในการเข้าคูหาเลือกตั้งวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ประชาชนจะต้องเลือกประธานาธิบดี พร้อมทั้งตำแหน่งอื่น ๆ ตามแต่พื้นที่ของตน

แนวทางการหาเสียงของผู้สมัครเชื้อสายเวียดนามในพื้นที่นั้นมีหลายแบบ เช่น การจัดพื้นที่พบปะในร้านอาหารรอย่างที่แลน เหวียน ทำ หรือเดินเคาะตามประตูบ้านตามสไตล์ของโธมัส กว็อก-ไทย เหวียน ทั้งหมดนี้สะท้อนโจทย์ที่ท้าทายในการทำตัวให้เป็นที่รู้จักของฐานเสียง พร้อมทั้งทำให้พวกเขาตัดสินใจลงคะแนนให้

เสียงของผู้สูงอายุหลายคนในพื้นที่ พบว่า จะเดินทางไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง

แลค เหวียน ปัจจุบันกำลังใช้ชีวิตหลังเกษียณจากงาน บอกว่า “ผมเลือกตั้งมาตั้งแต่ผมได้เป็นพลเมืองสหรัฐฯ มันคือหน้าที่พลเมืองในการไปเลือกตั้ง ในการมีเสียงในการสร้างชาติที่ผมเรียกมันว่าบ้านหลังที่สอง”

ข้อมูลเมื่อปี 2022 จากหน่วยงานสำมะโนประชากรแห่งสหรัฐฯ รายงานว่ามีชาวอเมริกันเชื้อสายเวียดนามราว 1.4 ล้านคนที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง คิดเป็น 68% ของกลุ่มประชากรนี้ 

พร้อมทั้งถึงแม้ในภาพกว้าง คนเชื้อสายเอเชียจะมีจำนวนน้อยในรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่สำหรับเขตปกครองออเรนจ์ เคาน์ตี ประชากรกลุ่มนี้มีบทบาทที่สำคัญต่อการกำหนดผลการเลือกตั้ง

เมย์ หลิน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านเอเชียนอเมริกันศึกษา จากมหาวิทยาลัยรัฐแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตลองบีช อธิบายว่า “ในเขตเลือกตั้งสภาคองเกรสที่ 45 ชาวเอเชียนอเมริกันมีจำนวนมากกว่าหนึ่งในสาม พร้อมทั้งในเขต 47 ซึ่งเป็นเขตของเคที พอร์เตอร์ (ส.ส.รัฐแคลิฟอร์เนีย) ฉันเชื่อว่าพวกเขามีจำนวนประมาณหนึ่งในสี่ ซึ่งนั่นถือเป็นสัดส่วนที่มีความสำคัญ”

ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเชื้อสายเวียดนามบอกว่า เสียงของพวกเขาในคูหา สะท้อนความกังวลที่สำคัญในหลายเรื่อง

สำหรับ ชิ ทราน ที่มีอาชีพนักเขียน สิ่งที่เขากังวลก็คือเรื่องเศรษฐกิจ โดยพบว่า “ชีวิตจะดีขึ้นได้ยังไง การจับจ่ายใช้สอยทั่วไปของผมเคยอยู่ที่ 70 ถึง 80 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ ตอนนี้มันมากกว่า 100 ไปแล้ว ค่าครองชีพมันเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด”

ลิลี ทราน นักจิตวิทยา บอกว่า สิ่งที่เธอให้ความสำคัญคือเรื่องการศึกษา โดยเฉพาะในเรื่องการเพิ่มงบประมาณให้โรงเรียนพร้อมทั้งครูอาจารย์

ที่มา: วีโอเอ

“ชาญชัย” จี้ ยกเลิกสัมปทานดอนเมืองโทลล์เวย์ แฉผิดสัญญาจะขอขึ้นค่าทางด่วนไม่ได้

“ชาญชัย อิสระเสนารักษ์” แฉ ดอนเมืองโทลล์เวย์ ผิดสัญญาจะขอขึ้นค่าทางด่วนไม่ได้ พร้อมยกเหตุผลชี้แจง อัด “สุริยะ” รู้อยู่แล้วแต่ยังขยายสัญญา จนทำประชาชนเดือดร้อน จี้ คมนาคม ให้กรมทางหลวงยกเลิกสัมปทาน

“บิ๊กเต่า” เรียกสามี “กฤษอนงค์” ให้ปากคำ แจงปมคลิปเสียงโผล่มือถือบอสพอล

“บิ๊กเต่า” ยืนยัน พนักงานสอบสวนเรียกสามี “กฤษอนงค์” เข้าให้ปากคำกองปราบวันนี้ หลังมีคลิปเสียงโผล่อยู่ในมือถือบอสพอล ส่วนความคืบหน้าเรื่องเทวดา เร่งสอบให้เสร็จภายในสัปดาห์หน้า

“ลุงป้อม” เป็นเจ้าภาพทอดกฐิน 2 วัดประจำที่ จ.อยุธยา ชาวบ้านแห่ทักทาย

“พล.อ.ประวิตร” พาลูกพรรคพลังประชารัฐ ทอดกฐิน วัดเกาะแก้ว-วัดโพธิ์เผือก จ.อยุธยา ซึ่งเป็นวัดประจำที่ทำทุกปี พร้อมถือโอกาสนี้ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ “คุณแม่สายสนี วงษ์สุวรรณ” ขณะที่ชาวบ้านแห่ทักทาย เจ้าตัวบอกห่วงสถานการณ์น้ำในพื้นที่

“นพดล” ยัน พรรคเพื่อไทยไม่คิดนิรโทษ 112 พร้อมทั้งคดี ม.110 เชื่อ “ชูศักดิ์” ไม่น้อยใจ

“นพดล ปัทมะ” ชี้ พรรคเพื่อไทยไม่เคยมีมติให้ ส.ส. โหวตเรื่องนิรโทษกรรม เชื่อ “ชูศักดิ์” อาวุโสพอที่จะไม่น้อยใจ ยันพรรคไม่มีนโยบายนิรโทษรวมคดี ม.110 พร้อมทั้ง ม.112

ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เร่งตรวจสอบ เล็งคาดโทษ “อัจฉริยะ” ปมละเมิดพื้นที่เรือนจำฯ

ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เล็งคาดโทษ “อัจฉริยะ” ปมละเมิดพื้นที่เรือนจำฯ ตรวจสอบกรณีเข้านั่งห้องพนักงานสอบสวน ขณะตำรวจ ปคบ. สอบ “โค้ชแล็ป ดิไอคอนฯ” โดยไม่ได้มีสถานะเป็นทนายความหรือเกี่ยวข้องกับผู้ต้องขัง

ทัพเรือสหรัฐฯ เล็งติดระบบ ‘แพทริออต’ รับมืออาวุธเร็วเหนือเสียงจีน

เจ้าหน้าที่อาวุโสในกระทรวงกลาโหมสองราย ได้บอกกล่าวกับรอยเตอร์ว่ากองทัพเรือสหรัฐฯ เดินหน้าแผนการติดระบบสกัดการจู่โจมทางอากาศแพทริออต (Patriot) ให้เรือบางลำ เพราะกลัวว่าจีนจะใช้อาวุธความเร็วเหนือเสียงจมเรือในมหาสมุทรแปซิฟิก

เจ้าหน้าที่ในอุตสาหกรรมอาวุธบอกว่า การติดระบบแพทริออตที่เสริมศักยภาพ ที่เรียกว่า PAC-3 MSE หรือ Patriot Advanced Capability – 3 Missile Segment Enhancement ที่เดิมทีใช้กันภายในกองทัพบกสหรัฐฯ เป็นหลัก จะทำให้ทัพเรืออเมริกันสามารถรับมือขีปนาวุธจากจีนที่มีความก้าวหน้าได้ รวมถึงอาวุธความเร็วเหนือเสียง หรือไฮเปอร์โซนิก

แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมอาวุธหลายรายได้บอกกล่าวกับรอยเตอร์ว่า สหรัฐฯ กำลังติดต่อกับพันธมิตรสำคัญอย่างญี่ปุ่น เพื่อใช้เป็นสถานที่ผลิตจรวดแพทริออตร่วมกัน ส่วนบริษัทล็อคฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) ผู้ผลิตระบบแพทริออต ก็ต้องการหาฐานผลิตระบบตรวจจับขีปนาวุธใหม่ในรัฐฟลอริดา โดยหวังร่วมกับผู้ผลิตชิ้นส่วนนี้อย่างบริษัทโบอิ้ง 

ถ้าหากว่า การผลิตเพิ่มเติมจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากกองทัพบกสหรัฐฯ ซึ่งล็อคฮีด มาร์ตินกำลังเสนอแนวคิดนี้อยู่

กองทัพเรือสหรัฐฯ กล่าวถึงแผนติดตั้งระบบป้องกันดังบอกว่า ยังคงต้องทำการทดสอบมากกว่านี้เพื่อพัฒนาปรับปรุงแผนงาน รวมถึงการลองยิง PAC-3 จากเรือ พร้อมทั้งการทดลองสื่อสารด้วยระบบเรดาร์ SPY-1 อุปกรณ์ตรวจจับที่เป็นหัวใจหลักของระบบจรวดเอจิส (Aegis) 

ความเคลื่อนไหวของกองทัพเรืออเมริกัน เกิดขึ้นหลังกองทัพสหรัฐฯ เริ่มติดอาวุธพร้อมทั้งจัดทำยุทธศาสตร์ใหม่สำหรับภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ทั้งเพื่อป้องปรามจีนไม่ให้จุดชนวนความขัดแย้ง พร้อมทั้งหากเกิดความขัดแย้งขึ้นจริง สหรัฐฯ จะต้องเป็นผู้ชนะ

ขีปนาวุธร่อนความเร็วเหนือเสียง DF-27 คืออาวุธทำลายเรือที่จีนทำขึ้นมาได้ดีที่สุด พร้อมทั้งสามารถบังคับควบคุมให้พุ่งเข้าหาเป้าหมายที่ต้องการได้ โดยเพิ่งมีการทดสอบไปเมื่อปี 2023 ซึ่งในปีดังกล่าว รายงานด้านการทหารของจีนที่จัดทำโดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยังบอกว่า DF-27 นั้นยังอยู่ในขั้น “กำลังพัฒนา”

แม้ PAC-3 จะมีพิสัยการยิงสั้นกว่าระบบขีปนาวุธ SM-6 ของกองทัพเรือสหรัฐฯ แต่ก็มีความว่องไวพร้อมทั้งสามารถทำลายเป้าหมายได้ดีกว่า อ้างอิงตามข้อมูลของหัวหน้าโครงการป้องกันขีปนาวุธที่มีข้อมูลเรื่องระบบเอจิสที่ขอไม่เปิดเผยชื่อ เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตในการให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน

PAC-3 เป็นระบบที่กองทัพบกสหรัฐฯ พร้อมทั้งชาติพันธมิตรใช้ในการป้องกันพื้นที่บนแผ่นดินเป็นหลัก เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีการทดสอบในเรือเสมือนจริง แต่ยังไม่เคยทำการทดลองบนเรือรบ

ทั้งนี้ ข่าวคราวการสกัดกั้นภัยทางอากาศโดยแพทริออตในตะวันออกกลางพร้อมทั้งในสมรภูมิยูเครน ที่สามารถทำลายขีปนาวุธคินซาลของรัสเซียได้ ทำให้กองทัพเรืออเมริกันสนใจระบบนี้ขึ้นมา ตามการรายงานของรอยเตอร์ที่อ้างจากเจ้าหน้าที่กลาโหมที่มีข้อมูล

ทอม คาราโค ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันขีปนาวุธจากศูนย์ Center for Strategic and International Studies กรุงวอชิงตัน บอกว่า ในภาพรวม ความต้องการระบบจรวดนี้ ที่ผลิตโดยบริษัทล็อคฮีด มาร์ตินของสหรัฐฯ นั้นสูง “ทะลุหลังคา”

แม้คาราโคไม่ทราบว่ากองทัพเรือสหรัฐฯ มีความต้องการระบบนี้เป็นจำนวนเท่าใด แต่คิดว่ากองทัพบกสหรัฐฯ คงต้องการเพิ่มจำนวนการผลิตเป็นสองเท่า สืบเนื่องจากกระแสความสนใจจากรัฐบาลหลายประเทศ

ที่มา: รอยเตอร์

ไบเดนขอโทษต่อ ‘บาป’ ที่รัฐบาลเคยทำกับชาวอเมริกันพื้นเมือง

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดนกล่าวขอโทษอย่างเป็นทางการต่อคนพื้นเมืองอเมริกัน สำหรับสิ่งที่เขาเรียกว่า เป็น “บาป” ของรัฐบาลกลางที่เคยทำไว้ในอดีต ภายใต้โครงการโรงเรียนประจำที่กินยาวนานหลายสิบปี พร้อมทั้งพรากเด็ก ๆ ของประชากรกลุ่มนี้จากพ่อเเม่

เขามีถ้อยเเถลงอันเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ ที่เขตปกครองของชาวอเมริกันพื้นเมือง โดยเรียกโครงการโรงเรียนประจำดังบอกว่าเป็น “รอยด่างในประวัติศาสตร์อเมริกัน” พร้อมทั้งว่าเรื่องนี้เป็น “บาปที่ติดอยู่ในใจของพวกเรา”

“พูดตามตรง มันไม่มีข้อเเก้ตัวว่าคำขอโทษนี้ใช้เวลายาวนาน 50 ปี ที่จะพูดออกมา” ไบเดนกล่าว

ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวถึงการกระทำผิดต่อเด็ก ๆ อเมริกันพื้นเมือง พร้อมทั้งการจบชีวิตของพวกเขา จากนโยบายของรัฐบาลกลาง

“ขณะที่ความมืดปกปิดเรื่องต่าง ๆ ได้ มันลบอะไรออกไปไม่ได้เลย” ไบเดนกล่าว “ผมขอโทษอย่างเป็นทางการในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ สำหรับสิ่งที่เราเคยทำไว้”

“เป็นเวลานานเกินไปที่สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น โดยเเทบไม่มีคนสนใจ ไม่มีการเขียนถึงในหนังสือประวัติศาสตร์ พร้อมทั้งไม่มีการสอนเรื่องนี้ตามโรงเรียน” ไบเดนกล่าว

การเยือนเขตของชาวอเมริกันพื้นเมืองเกิดขึ้นชานนครฟินิกซ์รัฐแอริโซนา ซึ่งเป็นรัฐที่รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมเเครตกำลังขับเคี่ยวกับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากรีพับลิกัน ในการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ 

เมื่อ 4 ปีก่อนไบเดน ชนะในรัฐนี้เหนือทรัมป์ ด้วยคะเเนนเพียงราว ๆ  10,000 เสียงเท่านั้น 

เอพีรายงานว่าปีนี้การเเข่งขันระหว่างแฮร์ริสพร้อมทั้งทรัมป์ในแอริโซนาก็น่าจะคู่คี่กันมากเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งในตอนนี้คณะหาเสียงของทั้งสองฝ่ายกำลังทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้ผู้สนับสนุนตนออกมาใช้สิทธิ์กันมากที่สุด

เป็นเวลาหลายทศวรรษ ที่ระบบโรงเรียนประจำของรัฐบาลกลาง ถูกใช้เป็นเครื่องมือให้เด็ก ๆ ปรับตัวให้เข้ากับสังคมคนผิวขาว ตามข้อมูลของทำเนียบขาว

การออกมาขอโทษครั้งนี้ของไบเดน ดูจะไม่เพียงพอสำหรับ เชส ไอรอน อายส์ ผู้อำนวยการโครงการ Lakota People’s Law Project  พร้อมทั้งกองทุน Sacred Defense Fund

“คำขอโทษเป็นการเริ่มต้นที่ดี แต่ไม่ใช่การรับผิดชอบที่เเท้จริง พร้อมทั้งก็ไม่ใช่การเยียวยาที่เพียงพอสำหรับประวัติศาตร์อันยาวนานแห่งความรุนเเรงของการล่าอาณานิคม” เขากล่าว

ในเวลาเดียวกัน ราโมนา ชาเรตต์ ไคลน์ วัย  77 ปี สมาชิกของ Turtle Mountain Band of Chippewa พร้อมทั้งเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากโครงการโรงเรียนประจำพบว่า “ประธานาธิบดีไบเดนสมควรได้รับคำชมจากการที่นำประเด็นนี้ พร้อมทั้งประเด็นอื่น ๆ ที่มีผลต่อชุมชนของเรามาสู่ความสนใจ”

เด็กอเมริกันพื้นเมืองอย่างน้อย 973 คนจบชีวิต ภายใต้โครงการโรงเรียนประจำที่มีการกระทำผิด โดย ระบบดังกล่าวมีเด็กพื้นเมืองทั้งหมดอย่างน้อย 18,000 คน บางคนอายุเพียงเเค่ 4 ปี 

นโยบายดังกล่าวดำเนินไปยาวนาน 150 ปี จนถึงปี 1969 ตามข้อมูลของรายงานการสืบสวนหาความจริงโดยกระทรวงกิจการภายในของสหรัฐฯ รายงานฉบับนี้เรียกร้องให้มีการขอโทษย่างเป็นทางการจากรัฐบาล

ที่มา: เอพี