ญี่ปุ่นเปิดแผนติดเขี้ยวเล็บทางกลาโหม ครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง

ญี่ปุ่นเปิดเผยในวันศุกร์ว่าได้เตรียมแผนเสริมความแข็งแกร่งทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง โดยตั้งงบประมาณไว้ที่ 3 แสน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามรายงานของรอยเตอร์

ภายใต้แผนดังกล่าว ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเรื่องสงครามทั้งจากในภูมิภาคเอเชียพร้อมทั้งการรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย ญี่ปุ่นจะซื้อขีปนาวุธที่สามารถยิงไปถึงจีน พร้อมทั้งเตรียมพร้อมหาเกิดความขัดแย้งที่กินเวลายืดเยื้อ

แผนเพิ่มความเข็งแกร่งทางทหารที่จะกินเวลา 5 ปีนี้ ที่จะทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่จัดงบประมาณกลาโหมมูลค่าสูงสุดอันดับสามของโลก มีนัยสำคัญตรงที่ตามประวัติศาสตร์หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นมีนโยบายไม่ฝักใฝ่การใช้สงครามในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง

ประเทศที่ใช้งบประมาณด้านกลาโหมมากที่สุดสองอันดับแรกคือสหรัฐฯ ตามมาด้วยจีน

นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ฟูมิโอะ คิชิดะ บอกว่าประเทศญี่ปุ่นพร้อมทั้งชาวแดนอาทิตย์อุทัย กำลังอยู่ ณ จุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์ เขาบอกว่าแผนเพิ่มศักยภาพทางทหารนี้ “คือคำตอบของข้าพเจ้าต่อสิ่งท้าทายมากมายด้านความมั่นคงที่เรากำลังเผชิญอยู่”

รัฐบาลของคิชิดะ กังวลว่า รัสเซียกำลังสร้างตัวอย่างที่อาจเกิดขึ้นซ้ำ เช่น การที่จีนอาจรุกรานไต้หวัน ซึ่งกรณีดังกล่าวจะเป็นภัยคุกคามต่อเกาะในญี่ปุ่นพร้อมทั้งสายการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของโลก พร้อมทั้งระบบข่นส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางมายังภูมิภาคนี้ของโลก

เอกสารที่ระบุยุทธศาสตร์ทางกลาโหมของญี่ปุ่นในครั้งนี้พบว่า “การรุกรานยูเครนของรัสเซียเป็นการละเมิดกฎหมายที่ห้ามกำลังอย่างร้ายแรง พร้อมทั้งสั่นสะเทือนฐานรากของระเบียบระหว่างประเทศ”

“ความท้าทายทางยุทธศาสตร์ที่มาจากจีน เป็นความท้าทายที่สำคัญที่สุดต่อญี่ปุ่น” เอกสารฉบับดังกล่าวระบุ พร้อมทั้งชี้ด้วยว่า รัฐบาลจีนมีโอกาสใช้กำลังทหารเพื่อให้ไต้หวันเข้ามาอยู่ใต้การควบคุมด้วยวิธีบังคับ”

ในเอกสารด้านยุทธศาสตร์กลาโหมอีกฉบับหนึ่งของญี่ปุ่น ระบุถึงจีน รัสเซีย พร้อมทั้งเกาหลีเหนือ พร้อมทั้งว่าญี่ปุ่นจะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสหรัฐฯ พร้อมทั้งชาติที่มีมุมมองเดียวกัน เพื่อป้องปรามภัยคุกคามต่าง ๆ

เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำญี่ปุ่น ราห์ม เอ็มมานูเอล กล่าวในแถลงการณ์ว่า “นายกรัฐมนตรี (คิชิดะ) แสดงให้เห็นในสารที่ส่งออกมา อย่างกระจ่างถึงบทบาทของญี่ปุ่นในฐานะผู้สร้างความมั่นคงให้กับภูมิภาคอินโดแปซิฟิก”

ส่วนประธานาธิบดีไต้หวัน ไช่ อิงเหวิน กล่าวขณะหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของญี่ปุ่น ว่าเธอคาดหวังที่จะมีความร่วมมือทางกลาโหมมากขึ้นกับญี่ปุ่น

ขณะนี้จีนมีงบประมาณทางทหารคิดเป็นสี่เท่าของญี่ปุ่น หลังจากที่ใช้จ่ายด้านอาวุธยุทโธปกรณ์มากกว่าญี่ปุ่นตั้งแต่เข้าสู่ศตวรรษที่ 21

ในการเพิ่มศักยภาพทางทหารของญี่ปุ่น รัฐบาลจะจัดสรรงบคิดเป็นร้อยละ 2 ของขนาดเศรษฐกิจของประเทศในช่วง 5 ปีจากนี้ โดยเดิมทีญี่ปุ่นจำกัดงบการทหารของตนเองอยู่ที่ร้อยละ 1 ของขนาดเศรษฐกิจมากตั้งแต่ 46 ปีก่อน

นอกจากขีปนาวุธแล้วญี่ปุ่นต้องการเพิ่มจำนวนอะไหล่ต่างๆ พร้อมทั้งอาวุธประเภทระเบิด กระสุนพร้อมทั้งปืน ไปจนถึงโดรนสอดแนม อุปกรณ์ที่ใช้สื่อสารผ่านดาวเทียม เรือดำน้ำ เรือรบ เครื่องบินรบล่องหน เอฟ-35 ของบริษัทล็อคฮีดมาร์ติน พร้อมทั้งเครื่องบินขนส่งขนาดใหญ่

ที่มา: รอยเตอร์

รัสเซียจู่โจมยูเครนหนัก – กระหน่ำเคียฟพร้อมทั้งอีกหลายเมือง 

เสียงเตือนภัยดังสนั่นหลายพื้นที่ในยูเครนช่วงเช้าวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยการระเบิด 3 ครั้งที่กรุงเคียฟสร้างแรงสั่นสะเทือนในนครหลวงของยูเครน

ประชาชนจำนวนมากเข้าหลบในสถานีรถไฟใต้ดิน ซึ่งไม่มีรถให้บริการ

ผู้สื่อข่าววีโอเอ แอนนา เชอร์นิโควา รายงานจากเคียฟว่า แรงระเบิดทำให้ตึกอพาร์ตเมนต์ที่เธออาศัยอยู่สั่นสะเทือนพร้อมทั้งระบบไฟฟ้าพร้อมทั้งน้ำประปาเกิดปัญหาในเวลาต่อมา

นอกจากเคียฟแล้วเสียงระเบิดพร้อมทั้งการถูกจู่โจมยังเกิดขึ้นที่คาร์คิฟ ซาปอริซห์เชีย ดนิโปรเปโตรฟสก์ ดอแนตสก์ รวมถึงครีวิริห์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของประธานาธิบดียูเครนโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี

ที่เมืองริห์ มีผู้จบชีวิต 2 ราย พร้อมทั้งบาดเจ็บอีก 8 คน รวมถึงเด็ก ๆ ขณะที่ยังไม่มีการยืนยันตัวเลขสรุปสำหรับจำนวนผู้บาดเจ็บพร้อมทั้งจบชีวิต

รัฐบาลมอสโกบอกว่าการจู่โจมระบบพื้นฐานของยูเครนเป็นเรื่องที่ชอบธรรมทางทหาร แต่ยูเครนบอกว่ารัสเซียตั้งใจสร้างทุกข์เข็ญต่อประชาชน พร้อมทั้งการกระทำดังกล่าวเป็นอาชญากรรมสงคราม

ในวันพฤหัสบดี รัสเซียเตือนสหรัฐฯว่า ถ้าอเมริกาส่งขีปนาวุธแพทริออตอันล้ำสมัยให้กับยูเครน รัสเซียจะถือว่าเป็นการกระทำที่ “ยั่วยุ” ซึ่งอาจทำให้รัสเซียต้องตอบโต้กลับ

ถ้าหากว่าโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย มาเรีย ซาคาโรวา ไม่ได้ให้ข้อมูลว่ารัสเซียจะตอบโต้กลับอย่างใด

เธอกล่าวเพียงว่าการที่สหรัฐฯ ส่งอาวุธให้ยูเครน ถือว่าอเมริกามีส่วนร่วมในสงครามแล้ว

ในสัปดาห์นี้ เจ้าหน้าที่อเมริกันยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า สหรัฐฯ มีแผนที่จะส่งขีปนาวุธแพทริออต ไปยังยูเครน ซึ่งเป็นอาวุธที่ประธานาธิบดีเซเลนสกีพบว่า คือสิ่งที่ยูเครนต้องการในการป้องกันประเทศจากการจู่โจมทางอากาศของรัสเซียที่พุ่งเป้าไปยังระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน

ขณะนี้ยังไม่มีคำประกาศอย่างเป็นทางการของสหรัฐฯ เกี่ยวกับแผนส่งขีปนาวุธแพทริออตให้ยูเครน

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าววันพฤหัสบดีด้วยว่าจะขยายการอบรมทางยุทธวิธีรบให้กับกองทัพยูเครนในฟดูหนาว โดยการฝึกครั้งนี้จะเกิดขึ้นที่ศูนย์ในเมืองกราเฟนโฮห์ร ของเยอรมนี

ปัจจุบัน สหรัฐฯ ฝึกทหารยูเครนไปแล้ว 3,100 คน ในการขับรถหุ้มเกราะ พร้อมทั้งใช้อาวุธหลายชนิดรวมถึงระบบยิงปืนใหญ่ HIMARS

ที่มา: ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี เอเอฟพี รอยเตอร์

เปิดห้องเรียน‘นาฏศิลป์-ดนตรีไทย’ในอเมริกาที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย UCLA

หลักสูตรวิชาศิลปะดนตรีพร้อมทั้งนาฏศิลป์ไทยซึ่งเปิดสอนเป็นวิชาเลือกเสรีโดยอาจารย์เชื้อสายไทย ในภาควิชามานุษยวิทยาการดนตรีที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตลอสแอนเจลิส หรือ UCLA เริ่มเป็นที่รู้จักพร้อมทั้งได้รับความสนใจมากขึ้นในเวลาเดียวกันก็เป็นโอกาสการสืบทอดพร้อมทั้งเผยแพร่มรดกวัฒนธรรมไทยในเชิงวิชาการได้อีกทางด้วย

สวรรค์สายคาราโอเกะ! ‘แอปเปิล มิวสิค’ เพิ่มฟีเจอร์ ‘ซิง’ ปลดล็อคสกิลลูกคอทองคำ

มาทันเวลาส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เมื่อแอปเปิล มิวสิค เพิ่มฟีเจอร์ ‘ซิง’ (Sing) ให้ผู้ใช้พร้อมทั้งเพื่อนฝูงได้ร้องเพลงโปรดได้จนจบครบเนื้อเพลงทุกท่อน พร้อมลูกเล่นใหม่เอาใจสายร้องคาราโอเกะ ตามรายงานของเอพี

แอปเปิล มิวสิค ‘ซิง’ ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นเดือนธันวาคมแบบเบต้า พร้อมทั้งเปิดให้ใช้บริการเต็มรูปแบบในสัปดาห์นี้ จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ปรับเสียงร้องของนักร้องขึ้นลงได้ พร้อมทั้งเพิ่มจังหวะตามเนื้อเพลงที่ปรากฎ จากเดิมที่จะมีแค่หน้าปกอัลบัมโชว์อยู่ในรายการเพลงเท่านั้น หวังเป็นการช่วยผู้ใช้ให้สนุกกับการร้องคาราโอเกะได้มากขึ้น

โดยตัวเนื้อเพลงได้ปรับให้มีขนาดชัดเจนขึ้น สะดวกแก่การร้องตามเป็นท่อน ๆ มีโหมดปรับเสียงร้อง พร้อมทั้งเนื้อร้องแบบเรียลไทม์ มีโหมดร้องเพลงคู่ ที่สลับช่วงเนื้อร้องฝั่งซ้ายพร้อมทั้งขวาของหน้าจอตามคิวของการร้องในแต่ละช่วง พร้อมทั้งสามารถใช้โหมดร้องเพลงที่มีทีมแบ็คอัพคอรัสได้อีกด้วย รองรับแนวเพลงหลากหลายที่มีในแอปเปิล มิวสิค พร้อมทั้งใช้ได้ทั้งไอโฟน ไอแพด พร้อมทั้งแอปเปิล ทีวี

ตอนนี้ แอปเปิล มิวสิค มีคลังเพลงทะลุ 100 ล้านเพลงให้สตรีมฟังกันได้ มากกว่ายูทูบ มิวสิค ที่มี 80 ล้านเพลง สปอติฟายมีเพลง 82 ล้านเพลง พร้อมทั้งแอมะซอน มิวสิค มีบทเพลงในคลัง 90 ล้านเพลง

ที่มา: เอพี

ปาร์ตี้บริษัทกลับมาแล้ว! บนความปกติใหม่หลายด้าน

โบกมือลาการชิมไวน์ผ่านซูมในชุดนอนหรือแต่งชุดทำงานแบบครึ่งท่อน พร้อมทั้งกลับมาคว้าไมค์แผดเสียงในวงการคาราโอเกะกับเพื่อนร่วมงานอีกครั้ง ไม่ว่าคุณจะชอบมันหรือไม่ แต่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือปาร์ตี้เฉลิมฉลองในบริษัทหวนคืนกลับมาอีกครั้ง แต่เกิดขึ้นบนความปกติใหม่หลังไวรัสโคโรน่าคลี่คลาย

โชพา ซูร์ยา ที่ไม่ได้สวมชุดใหม่ไปปาร์ตี้มื้อเย็นพร้อมทั้งร้องคาราโอเกะมาหลายปี เหมือนได้ปลดปล่อยตัวเองอีกครั้ง ในงานเลี้ยงบริษัทอายิโนะโมโตะที่นครชิคาโก ซึ่งเป็นงานเลี้ยงแรกในรอบ 2 ปีของบริษัท พร้อมทั้งถึงขนาดซื้อชุดรอล่วงหน้า 2 เดือน เธอกล่าวพร้อมรอยยิ้มหลังร่วมงานเลี้ยงบริษัทที่จัดขึ้นหลังไวรัสโคโรน่าคลี่คลายว่า “ทุกคนสุดเหวี่ยงกันไปเลย มันเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกพิเศษเสมอ พร้อมทั้งมันได้พาคุณเข้าสู่เทศกาลแห่งวันหยุดอย่างแท้จริง”

ปีนี้บริษัทมากกว่า 57% วางแผนจัดปาร์ตี้ในองค์กรอีกครั้ง ตามการสำรวจของบริษัทจ้างงานในสหรัฐฯ Challenger, Gray & Christmas แม้จะมากกว่าระดับ 5% พร้อมทั้ง 26% ในปี 2020 พร้อมทั้ง 2021 ก็ตาม แต่ยังถือว่าน้อยกว่าระดับ 75% ในปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงก่อนไวรัสโคโรน่าระบาดอยู่ดี

สิ่งที่เปลี่ยนไปในปาร์ตี้บริษัทยุคหลังไวรัสโคโรน่า

หลายงานเลี้ยงจะค่อนข้างใกล้ชิดเป็นกันเองมากขึ้น บางบริษัทอำนวยความสะดวกให้พนักงานที่ทำงานทางไกลมากขึ้นด้วย เช่น บัตรไปสปา งานคอนเสิร์ต งานแสดง หรือปิดโรงภาพยนตร์จัดงานเลี้ยง เพื่อดึงให้คนที่ทำงานอยู่บ้านออกมาสังสรรค์

แต่มีบางส่วนที่ยังยืนหยัดในการรับโบนัสพร้อมทั้งเวลาหยุดงานเพิ่มเติมแทนที่จะมาร่วมงานเลี้ยงในช่วงไวรัสโคโรน่าแบบนี้ เช่น คารี สนาฟลีย์ บอกว่าพนักงาน 20 ชีวิตในบริษัทซอฟต์แวร์ในบอสตันของเธอ เลือกจะมาร่วมเล่น pickleball ยามบ่ายด้วยกัน เมื่อให้พนักงานโหวตว่าจะใช้งบบริษัทฉลองกันอย่างไร ซึ่งแตกต่างจากการฉลองกับบริษัทใหญ่อย่างโคคาโคลา ในแอตแลนตา เมื่อครั้งที่เธอทำงานอยู่ที่นั่นเมื่อ 2-3 ปีก่อน แต่เธอยอมรับว่า มีเพื่อนร่วมงานหลายคนต้องการเลิกงานพร้อมทั้งกลับบ้านเร็วขึ้น เพราะมีครอบครัวที่ต้องดูแล

ด้านบริษัทควิคเบส ที่มีพนักงาน 700 ตำแหน่งที่ส่วนใหญ่ทำงานทางไกล มีบางคนทำงานจากบัลแกเรีย จึงไม่มีเหตุผลนักที่จะจัดงานปาร์ตี้ที่สำนักงานใหญ่ แต่เปลี่ยนมาเป็นการให้ทีมงานแต่ละหน่วยไปหาทางฉลองกันเอง พร้อมทั้งพบว่าพนักงาน 30-40% ที่นครบอสตัน กลับเข้ามาทำงานกลางสัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีคนเข้ามาทำงานในบริษัทมากที่สุด

แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนที่สุด คือ ผู้คนเบื่อหน่ายกับการจิบเครื่องดื่มค็อกเทลออนไลน์ หรือกิจกรรมแลกของขวัญจากซานต้าปริศนา โดยในการสำรวจของ Challenger พบว่า น้อยกว่า 2% ของบริษัท ยังเดินหน้าจัดงานปาร์ตี้ออนไลน์อยู่ในปีนี้ เมื่อเทียบกับ 7% พร้อมทั้ง 17% ในปี 2021 พร้อมทั้ง 2020 ตามลำดับ

เจฟฟ์ คอนโซเล็ตตี ผู้ก่อตั้ง JJLA บริษัทจัดงานอีเวนต์ในแอลเอ บอกว่า บริษัทไม่ได้รับคำสั่งซื้อกล่องของขวัญที่มีชีสพร้อมทั้งไวน์คู่เคียงกันเลยสักกล่อง ซึ่งเคยเป็นแหล่งรายได้หลักในช่วงไวรัสโคโรน่าระบาดของบริษัท แต่ตอนนี้มียอดจองจัดปาร์ตี้แบบเจอหน้ากันเพิ่มขึ้น 100% แต่ยังเป็นงานเล็ก ๆ ไม่ถึงขั้นระดับ 5,000 คนที่มาร่วมงานเหมือนแต่ก่อน ส่วนบริษัทจัดงาน Monarch Rooftop & Indoor Lounge ในนิวยอร์ก พบยอดจองงานเลี้ยงเล็ก ๆ เพิ่มขึ้น 30% ในปีนี้เช่นกัน โดยงานส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยมคืองานช่วงมื้อเที่ยง ขณะที่งานปาร์ตี้วันศุกร์นั้นกลายเป็นอดีตไปแล้ว เพราะคนเลือกไม่เข้างานกันวันศุกร์

แม้ก่อนไวรัสโคโรน่าจะระบาด มีผู้คนบางส่วนที่ไม่ชอบแนวคิด “การ (บีบบังคับ) ให้ร่วมสนุก” ในที่ทำงาน โดยเฉพาะกับองค์การที่มีวัฒนธรรมการดื่มหนักพ่วงด้วยการสร้างสัมพันธ์ในองค์กร อย่างสเวตา พาย ที่ทำงานจากบ้านให้กับบริษัทวิเคราะห์ในซินซินนาติ บอกว่า งานเลี้ยงที่ดื่มหนักทำให้นึกถึงวันวานในสายงานธนาคาร ซึ่งเธอต้องระวังตัวในสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ในงานเลี้ยงยามค่ำคืน พร้อมทั้งใช้ข้ออ้างเรื่องการเดินทางกลับบ้านไกล ๆ เพื่อขอออกจากงานเลี้ยงก่อนเวลาทุกครั้ง

แต่สำหรับ บิล แมคควีน ที่ย้ายจากเมืองใหญ่มาทำงานที่รัฐไอโอวา เพราะเป็นคนไม่ดื่มแอลกอฮอล์ แต่ขอสู้ไม่ถอยหากเป็นการเล่นเกมบิงโก เขาบอกว่างานเลี้ยงบริษัทยังเป็นสิ่งที่งดงามสำหรับเขา จากประสบการณ์ทำงานมาก 28 ปี ที่ได้ยินเสียงหัวเราะพูดคุยสนุกสนาน พร้อมทั้งว่ามันเหมือนกับงานเลี้ยงรวมญาติเสียมากกว่า

ที่มา: เอพี

แตกตื่น! ตู้ปลายักษ์ระเบิดกลางกรุงเบอร์ลิน

เกิดเหตุตู้ปลาขนาดยักษ์ อควาดอม (AqauDom) ระเบิด เมื่อวันศุกร์ ทำให้น้ำ 1 ล้านลิตร ปลาราว 1,500 ตัว พร้อมทั้งเศษซากต่าง ๆ ไหลทะลักลงถนนเส้นหลักในเขตมิตต์ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ตามรายงานของรอยเตอร์โดยอ้างอิงคำกล่าวของหน่วยงานฉุกเฉิน

เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินราว 100 คน รุดหน้าไปยังอาคารเกิดเหตุ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมแรดิสสัน พิพิธภัณฑ์ พร้อมทั้งตู้ปลาอควาดอม ที่ทางพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ซี ไลฟ์ เบอร์ลิน พบว่า เป็นตู้ปลาทรงกระบอกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีความสูง 14 เมตร

แขกในโรงแรมได้บอกกล่าวกับรอยเตอร์ว่า พวกเขารู้สึกเหมือนแผ่นดินไหวขณะเกิดเหตุ พร้อมทั้งเหตุดังกล่าวทำให้ปลาตายพร้อมทั้งเศษซากต่าง ๆ กระจายเกลื่อนกลาดเต็มบริเวณ

โฆษกของบริษัทยูเนียน อินเวสต์เมนท์ ซึ่งดูแลกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นเจ้าของอาคารดังกล่าว พบว่า ปลาทั้ง 1,500 ตัวในตู้ปลายักษ์นี้ ตายทั้งหมด

โฆษกคนดังกล่าวยังพบว่า ทางบริษัทเดินหน้าช่วยเหลือปลาในตู้ปลาขนาดเล็กที่อยู่ใกล้บริเวณดังกล่าว ที่ได้รับผลกระทบจากไฟดับในอาคารหลังเกิดเหตุ

โฆษกหน่วยดับเพลิงได้บอกกล่าวกับรอยเตอร์ว่า ยังไม่ทราบแน่ชัดถึงสาเหตุการระเบิดของตู้ปลาอควาดอม

ฟรานซิสกา กิฟฟีย์ นายกเทศมนตรีกรุงเบอร์ลิน ได้บอกกล่าวกับสถานีวิทยุอาร์บีบีว่า เหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเช้าตรู่ ทำให้แทบไม่มีผู้อยู่ใกล้บริเวณดังกล่าวขณะเกิดเหตุ

มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเศษกระจกที่แตกสองคน รวมถึงพนักงานโรงแรมหนึ่งคน ขณะที่หน่วยงานฉุกเฉินขอให้แขกของโรงแรมราว 350 คน เก็บสัมภาระออกจากโรงแรม เนื่องจากมีความกังวลว่าอาจเกิดความเสียหายกับโครงสร้างของอาคาร

ตำรวจพบว่า ได้นำรถเมล์มาใช้เป็นแหล่งพักพิงชั่วคราวสำหรับแขกของโรงแรม ขณะที่อุณหภูมิในกรุงเบอร์ลินยามเช้าอยู่ที่ -7 องศาเซลเซียส

ทางด้านโรงแรมแรดิสสันได้บอกกล่าวกับสมาชิกของโรงแรมผ่านทางอีเมลว่า โรงแรมจะปิดจนกว่าจะมีการแจ้งให้ทราบ ขณะที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ซี ไลฟ์ เบอร์ลิน กล่าวในแถลงการณ์ว่า ทางทีมงาน “ตกใจ” ต่อเหตุดังกล่าว พร้อมทั้งจะพยายามถามข้อมูลจากเจ้าของตู้ปลาอวาคอมเพื่อหาสาเหตุของการระเบิดต่อไป โดยทางพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจะปิดต่อไปจนกว่าจะมีการแจ้งให้ทราบเช่นกัน

หน่วยงานฉุกเฉินปิดถนนเส้นหลักที่อยู่ติดกับอาคาร เนื่องจากมีน้ำปริมาณมากไหลทะลักออกมาจากอาคาร

เว็บไซต์ของศูนย์ดอมอควารี เจ้าของอาคารดังกล่าว พบว่า ตู้ปลานี้ถูกซ่อมแซมครั้งล่าสุดเมื่อปี 2020 โดยในขณะนั้น มีการสูบน้ำทั้งหมดออกจากตู้ พร้อมทั้งขนย้ายปลาไปยังตู้ปลาในชั้นใต้ดินของอาคาร ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์เพาะพันธุ์ปลา

ที่มา: รอยเตอร์

ฟุตบอลโลกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกว่านี้ จะมีหน้าตาอย่างไร?

ฟุตบอลโลกที่ประเทศกาตาร์เป็นเจ้าภาพกำลังจะสิ้นสุดลงในวันอาทิตย์นี้ แต่คำมั่นสัญญาของกาตาร์ ที่จะทำให้การจัดฟุตบอลโลกเป็นกิจกรรมที่ “เป็นกลางทางคาร์บอน” (carbon-neutral) หรือเป็นกิจกรรมที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ เป็นคำสัญญาที่จะมีผลต่อเจ้าภาพประเทศต่อไปของทั้งฟุตบอลโลก พร้อมทั้งโอลิมปิก

ฝรั่งเศสได้ออกมาประกาศแล้วว่า ‘ปารีสโอลิมปิก’ ในปี 2024 จะเป็นโอลิมปิกที่ “เป็นบวกต่อสภาพอากาศ” ในขณะที่ เม็กซิโก สหรัฐฯ พร้อมทั้งแคนาดา เจ้าภาพร่วมการจัดฟุตบอลโลกในปี 2026 สัญญาว่าฟุตบอลโลก 2026 จะเป็น “ฟุตบอลโลกที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต่ำที่สุดในยุคสมัยใหม่” ตามรายงานของสำนักข่าวนานาชาติเอพี

ผลกระทบทางสภาพอากาศพร้อมทั้งมลพิษที่เกิดจากการจัดมหกรรมกีฬาของแต่ละประเทศเจ้าภาพ แตกต่างกันด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น ขนาดของประเทศ จำนวนสนามกีฬาที่จะสร้างขึ้น ระบบขนส่งมวลชนระหว่างแต่ละสนาม พร้อมทั้งเครือข่ายไฟฟ้าของประเทศนั้น ๆ

ถ้าหากว่า นักวิทยาศาสตร์ นักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ บอกว่า การจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกพร้อมทั้งโอลิมปิก ได้กลายเป็นกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมมาก ทำให้เจ้าภาพต้องเตรียมการมากกว่าที่กาตาร์ทำเอาไว้ พร้อมทั้งควรจะตอบคำถามให้ได้ว่า ใครหรือประเทศใดควรจะเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาระดับนี้?

ฟุตบอลโลกครั้งนี้ กาตาร์ลงทุนสร้างสนามกีฬาใหม่ 7 แห่ง พร้อมทั้งปรับปรุงสนามเก่าขึ้นมาอีกหนึ่งแห่งเพื่อจัดการแข่งขัน พร้อมทั้งนอกจากจะสร้างสนามขึ้นมาใหม่แล้ว กาตาร์ยังมีแผนท่ีจะทุบสนามหนึ่งทิ้งหลังการแข่งขันอีกด้วย กิจกรรมเหล่านี้ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจกจำนวนมากที่จะอยู่ในอากาศนานกว่า 100 ปี พร้อมทั้งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

ในทางตรงกันข้าม สนามแข่งฟุตบอลโลกในเม็กซิโก สหรัฐฯ พร้อมทั้งแคนาดาในอีกสี่ปีข้างหน้านั้นเป็นสนามที่มีอยู่แล้ว ส่วนผู้จัดโอลิมปิกในกรุงปารีสบอกว่า 95% ของสนามแข่ง เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีอยู่แล้วหรือเป็นสนามชั่วคราว

การหาเจ้าภาพฟุตบอลโลกที่มีสนามแข่งอยู่แล้ว หาง่ายกว่าการหาเจ้าภาพโอลิมปิกที่มีสนามอยู่แล้วสำหรับกีฬาทุกประเภท ตัวอย่างเช่น การแข่งโอลิมปิกฤดูร้อนต้องใช้สนามแข่งมากกว่า 40 สนาม พร้อมทั้งมักจะเป็นสนามที่ปกติไม่ค่อยมีคนได้ใช้งาน

แนวคิดอีกอย่างหนึ่ง คือการแต่งตั้งเจ้าภาพถาวรในการจัดการแข่งขันโอลิมปิกหรือกีฬาอื่น ๆ เพื่อไม่ต้องให้มีการสร้างสนามการแข่งขันหรือโครงการก่อสร้างอื่น ๆ ขึ้นมาใหม่ ที่อาจจะไม่มีประโยชน์อะไรหลังจากการแข่งขันจบลง ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับอดีตประเทศเจ้าภาพอย่าง แอฟริกาใต้ บราซิล พร้อมทั้งรัสเซีย

อาร์โนลด์ โบรเฮอะ ผู้บริหารบริษัทให้คำปรึกษาด้านสภาพอากาศ บอกว่าการลดระยะทางที่แฟนกีฬาจะต้องเดินทางไปประเทศเจ้าภาพพร้อมทั้งไปดูการแข่งขันต่าง ๆ เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพราะการเดินทางเป็นกิจกรรมสำคัญที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก

กาตาร์ยืนยันว่าการจัดฟุตบอลโลกที่กาตาร์ ซึ่งเป็นประเทศขนาดเล็ก ทำให้แฟนบอลไม่ต้องเดินทางไกลในการไปชมการแข่งขันฟุตบอลตามสนามต่าง ๆ ถ้าหากว่า ก็ยังมีแฟนบอลหลายพันคนที่ไปพักที่ดูไบ เมืองหลวงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เนื่องจากที่พักในกาตาร์นั้นไม่เพียงพอ ทำให้แฟนบอลเหล่านี้ต้องเดินทางโดยเครื่องบิน ใช้เวลาบินประมาณ 45 นาทีเพื่อมาเชียร์ฟุตบอลในกาตาร์

ส่วนในฟุตบอลโลก 2026 แฟนบอลจะต้องเดินทางไกลกว่านั้นในการไปเชียร์ฟุตบอลตามสนามแข่งต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายกันอยู่ใน 3 ประเทศของทวีปอเมริกาเหนือ เช่น เมืองฮิวส์ตัน นครลอสแอนเจลิส โตรอนโต พร้อมทั้งกรุงเม็กซิโก ซิตี้ ซึ่งทางผู้จัดได้ออกมาบอกว่าจะพยายามจัดรอบน็อคเอาท์ (knockout) ที่สนามแข่งที่อยู่ใกล้กันเพื่อลดการเดินทางของผู้เข้าชม

ผู้เชี่ยวชาญมองว่า เจ้าภาพบางประเทศมักจะสัญญาว่าจะจัดการแข่งขันที่ “เป็นกลางทางคาร์บอน” โดยจะชดเชยหรือหักล้างปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาด้วยวิธีอื่น เช่น จ่ายเงินเพื่อขุดฝังก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงใต้ดิน ปลูกต้นไม้ หรือดักจับเพื่อป้องกันไม่ให้ก๊าซเรือนกระจกหลุดรอดออกไป

ถ้าหากว่า ไม่มีความชัดเจนว่า ใครจะเป็นผู้ตรวจสอบหรือติดตามคำสัญญาดังกล่าวหรือไม่หลังจากที่มหกรรมกีฬาได้สิ้นสุดลงไปแล้ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หลายคนเชื่อว่าไม่มีการชดเชย หรือทำการใด ๆ ที่จะไปหักล้างก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาได้อย่างเพียงพอ

ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่า องค์กรหรือหน่วยงานจัดกีฬาระดับโลกแบบควรจะซื่อสัตย์กว่านี้ พร้อมทั้งไม่ควรอ้างว่ามหกรรมกีฬาที่พวกเขาจัดขึ้นมานั้นเป็นกิจกรรม “เชิงบวกต่อสภาพอากาศ” หรือ “เป็นกลางทางคาร์บอน” ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการเสนอว่า การจัดกีฬาเหล่านี้มีผลกระทบต่อสภาพอากาศน้อยมาก หรือแทบไม่มีผลกระทบ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เป็นคำกล่าวอ้างที่เป็นไปไม่ได้เลย

‘แองเจลิน่า โจลี’ อำลาตำแหน่งทูตพิเศษ UNHCR

เมื่อวันศุกร์ สหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น เผยว่า แองเจลิน่า โจลี ดาราฮอลลีวู้ดชื่อดัง เตรียมอำลาตำแหน่งทูตพิเศษของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR แต่จะยังคงเป็นนักเคลื่อนไหวด้านมนุษยธรรมต่อไป ตามรายงานของรอยเตอร์

โจลีลงพื้นที่มาแล้วกว่า 60 ครั้งตลอดการดำรงตำแหน่ง 21 ปี โดยเธอบอกว่า เธอยังคงต้องการทำงานกับผู้ลี้ภัยต่อไป แม้จะไม่ได้ทำงานกับ UNHCR แล้วก็ตาม

“หลายปีต่อจากนี้ ฉันจะยังคงทำทุกอย่างต่อไปเพื่อสนับสนุนผู้ลี้ภัยพร้อมทั้งผู้พลัดถิ่นอื่น ๆ” โจลีระบุในแถลงการณ์ “หลังทำงานกับระบบของยูเอ็นมา 20 ปี ฉันรู้สึกว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องทำงานที่ต่างออกไป มีส่วนร่วมกับผู้ลี้ภัยพร้อมทั้งองค์กรท้องถิ่นโดยตรง พร้อมทั้งสนับสนุนพวกเขาในการหาทางออกต่อไป”

โจลีเป็นทูตพิเศษของ UNHCR มาตั้งแต่ปี 2012 โดยในปีนี้ เธอลงพื้นที่เพื่อพบผู้พลัดถิ่นในเยเมนพร้อมทั้งยูเครน

ทางด้านฟิลิปโป แกรนดิ ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ขอบคุณโจลีที่ทำงานพร้อมทั้งอุทิศตนเพื่อองค์กร รวมถึงสร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตแก่ผู้ลี้ภัยพร้อมทั้งผู้ที่ต้องหลบหนีจากที่อยู่อาศัย

ทั้งนี้ UNHCR ประมาณการว่า ไม่เคยมีผู้ถูกบังคับพลัดถิ่นจากความรุนแรง ความขัดแย้ง พร้อมทั้งการข่มเหงรังแกมากเท่าในปัจจุบันมาก่อน โดยทางหน่วยงานประเมินว่า มีผู้พลัดถิ่นกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก

ที่มา: รอยเตอร์

ทวิตเตอร์ระงับบัญชีผู้สื่อข่าวหลายคน

ทวิตเตอร์ระงับบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของผู้สื่อข่าวหลายรายอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จากกรณีการเผยพิกัดของอิลอน มัสก์ เจ้าของทวิตเตอร์แบบเรียลไทม์ เรียกกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากเจ้าหน้าที่รัฐบาล นักเคลื่อนไหว พร้อมทั้งองค์กรสื่อทั่วโลกในวันศุกร์ ตามรายงานของรอยเตอร์

เจ้าหน้าที่ทางการฝรั่งเศส เยอรมนี อังกฤษ พร้อมทั้งสหภาพยุโรป ออกมาประณามการระงับบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของผู้สื่อข่าวชื่อดังหลายราย พร้อมทั้งบางส่วนพบว่าทวิตเตอร์กำลังคุกคามเสรีภาพสื่อ

เมื่อวันพฤหัสบดี ทวิตเตอร์ (Twitter) สื่อสังคมออนไลน์ชื่อดัง ระงับบัญชีทวิตเตอร์ของผู้สื่อข่าวหลายคนที่รายงานข่าวเกี่ยวกับอิลอน มัสก์ เจ้าของทวิตเตอร์คนใหม่ โดยเขาทวีตข้อความว่า ทวิตเตอร์บังคับใช้กฎห้ามเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานทุกคน รวมถึงผู้สื่อข่าวด้วย ตามรายงานของรอยเตอร์

ทวีตของมัสก์อ้างอิงถึงการระงับบัญชีทวิตเตอร์ @elonjet เมื่อวันพุธ โดยบัญชีดังกล่าวติดตามเครื่องบินไอพ่นส่วนตัวของเขาแบบตามเวลาจริง โดยใช้ข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ โดยมัสก์ขู่ว่า จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ใช้บัญชีดังกล่าว โดยพบว่า ลูกชายของเขาถูก “คนบ้าสะกดรอยตาม”

ทั้งนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าผู้สื่อข่าวที่ถูกระงับบัญชี ได้แสดงความเห็นถึงบัญชี @elonjet หรือเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับบัญชีดังกล่าวหรือไม่

เมื่อเดือนที่แล้ว มัสก์ทวีตข้อความว่า ความยึดมั่นในเสรีภาพการแสดงออกของเขา ครอบคลุมถึง “การไม่ระงับบัญชีที่ติดตามเครื่องบินผม แม้ว่านั่นจะเป็น (การสร้าง) ความเสี่ยงต่อความปลอดภัยส่วนตัวโดยตรงก็ตาม”

ถ้าหากว่า เมื่อวันพฤหัสบดี เขาทวีตข้อความว่า บัญชีที่เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวจะถูกระงับเจ็ดวัน หลังจากเขาทำโพลสำรวจความเห็นชาวทวิตเตอร์ว่า ควรนำบัญชีที่เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวที่ถูกระงับชั่วคราว กลับมาเมื่อใด

มัสก์บอกว่า เขาเสนอตัวเลือกในโพลมากเกินไป พร้อมทั้งจะจัดทำโพลอีกครั้ง หลังผลสำรวจพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ราว 43% สนับสนุนให้นำบัญชีดังกล่าวกลับคืนมาทันที

ทวิตเตอร์ไม่แสดงความเห็นต่อประเด็นดังกล่าว

การระงับบัญชีครั้งนี้สะท้อนถึงความโกลาหลในทวิตเตอร์นับตั้งแต่มัสก์เข้ามาเป็นเจ้าของคนใหม่ รวมถึงการไล่ผู้บริหารระดับสูงออกพร้อมทั้งพนักงานหลายพันคนออกอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนค่าใช้จ่ายเพื่อใช้บริการทวิตเตอร์ บลู พร้อมทั้งการนำบัญชีทวิตเตอร์ที่ถูกระงับกลับมาใหม่ รวมถึงบัญชีของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

เอลลา เออร์วิน หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยคนใหม่ของทวิตเตอร์ ได้บอกกล่าวกับรอยเตอร์ในเดือนนี้ว่า ขณะนี้ ทวิตเตอร์พึ่งพาระบบอัตโนมัติอย่างมากในการควบคุมเนื้อหา เลิกการทบทวนเนื้อหาโดยคน พร้อมทั้งจำกัดการแบ่งปันเนื้อหาแทนการนำเนื้อหาออกไปโดยสิ้นเชิง

ในบรรดาผู้สื่อข่าวที่ถูกระงับบัญชีทวิตเตอร์เมื่อวันพฤหัสบดีนี้ มีบัญชี @drewharwell ของดริว ฮาร์เวลล์ ผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตันโพสต์ เขียนในแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ มาสโตดอน (Mastodon) ว่า เขาเขียนข่าวเกี่ยวกับมัสก์พร้อมทั้งเผยแพร่ลิงค์ข่าวที่ “เป็นสาธารณะพร้อมทั้งมีข้อมูลที่ได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย”

ทวิตเตอร์ยังระงับบัญชี @joinmastodon ซึ่งเป็นบัญชีทางการของมาสโตดอน ซึ่งเป็นสื่อสังคมออนไลน์ทางเลือกของทวิตเตอร์ โดยทางมาสโตดอนยังไม่ให้ความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวโดยทันที

แซลลี บัสบี บรรณาธิการบริหารของเดอะวอชิงตันโพสต์ พบว่า การระงับบัญชีของฮาร์เวลล์นั้นแย้งกับคำกล่าวอ้างของมัสก์ว่า เขาต้องการให้ทวิตเตอร์เป็นพื้นที่เพื่อเสรีภาพในการแสดงออก

ถ้าหากว่า ฮาร์เวลล์ยังคงใช้ช่องทางสนทนาในห้องคุยทวิตเตอร์ สเปซ ได้ เมื่อช่วงเย็นวันพฤหัสบดี ก่อนที่มัสก์จะเข้าร่วมห้องดังกล่าว พร้อมทั้งได้บอกกล่าวกับฮาร์เวลล์ว่า “คุณเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของผม คุณถูกระงับบัญชี จบเท่านี้แหละ” ขณะที่ฮาร์เวลล์ปฏิเสธว่า เขาไม่ได้เผยแพร่ตำแหน่งของมัสก์ตามเวลาจริง เขาเพียงเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ @elonjet เท่านั้น

ทั้งนี้ ในวันพุธ ทวิตเตอร์ระบุนโยบายใหม่ว่า ทางบริษัทห้ามเผยแพร่ “ข้อมูลตำแหน่งตามเวลาจริง”

สำหรับบัญชีของผู้สื่อข่าวคนอื่น ๆ ที่ถูกระงับนั้น มีทั้งบัญชี @rmac18 ของไรอัน แม็ค ผู้สื่อข่าวของเดอะนิวยอร์กไทมส์ บัญชี@donie ของโดนี โอซัลลิแวน ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น บัญชี @MattBinder ของแมทท์ ไบน์เดอร์ ผู้สื่อข่าวของเว็บไซต์ข่าว แมชเชเบิล (Mashable) พร้อมทั้งบัญชี @atrupar ของแอรอน รูพาร์ ผู้สื่อข่าวอิสระด้านนโยบายพร้อมทั้งการเมืองสหรัฐฯ

นอกจากนี้ สตีฟ เฮอร์แมน หัวหน้าฝ่ายข่าวในประเทศของวีโอเอ ก็อยู่ในกลุ่มผู้สื่อข่าวที่ถูกระงับบัญชีทวิตเตอร์ในวันพฤหัสบดีเช่นกัน พร้อมทั้งวีโอเอได้สอบถามทางทวิตเตอร์เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวแต่ไม่ได้รับการตอบกลับ

โฆษกของสื่อเดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ บอกว่า การระงับบัญชีครั้งนี้ “น่ากังขาพร้อมทั้งน่าเศร้า ทั้งเดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ พร้อมทั้งไรอัน ไม่ได้รับคำอธิบายถึงสาเหตุ (การระงับบัญชี) เราหวังว่าบัญชีของผู้สื่อข่าวทั้งหมดจะถูกนำกลับมา พร้อมทั้งหวังว่าทวิตเตอร์จะให้คำอธิบายที่น่าพอใจต่อการกระทำครั้งนี้”

ทางด้านซีเอ็นเอ็นพบว่า ได้ขอคำอธิบายการระงับบัญชีกับทางทวิตเตอร์ พร้อมทั้งซีเอ็นเอ็นจะประเมินความสัมพันธ์ของคนกับทวิตเตอร์ใหม่ ขึ้นอยู่กับท่าทีของทวิตเตอร์ต่อตน

ที่มา: รอยเตอร์พร้อมทั้งวีโอเอ

‘สี จิ้นผิง’ ให้คำมั่นฟื้นศก.หลังไวรัสโคโรน่า แม้ยอดจบชีวิต-ติดเชื้อพุ่ง

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ให้คำมั่นในการพยุงเศรษฐกิจในปีหน้า ระหว่างที่มีรายงานอดีตผู้สื่อข่าวของสื่อทางการจีนจบชีวิต 2 คน ซึ่งตอกย้ำสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่า-19 ในกรุงปักกิ่งขึ้นมา ตามรายงานของรอยเตอร์

ปธน.สี พร้อมทั้งคณะกรรมการถาวรของพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือ โพลิทบูโร (Politburo) รวมทั้งเจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาล จบการประชุมวาระ 2 วัน ในการหารือแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจของจีนที่ถูกกดดันจากการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรน่า-19 ด้วยการปรับมาตรการพร้อมทั้งเพิ่มความร่วมมือในการสนับสนุนเศรษฐกิจจีน

ในแถลงการณ์ที่สื่อทางการจีนรายงาน พบว่า จีนจะเสริมสร้างความร่วมมือด้านนโยบายโรคระบาด สร้างความเชื่อมั่นในการ “เปลี่ยนผ่าน” ในช่วงการระบาดพร้อมทั้งความสงบเรียบร้อยทางสังคม “เราต้องยืดหยันในการสร้างเสถียรภาพเป็นอันดับแรกในปีหน้าระหว่างที่เรากำลังก้าวไปข้างหน้า”

นักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตเพียง 3% ในปีนี้ พร้อมทั้งเมื่อวันศุกร์ JPMorgan หั่นคาดการณ์จีดีพีจีนโตเพียง 2.8% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมาย 5.5% ของรัฐบาลจีน พร้อมทั้งถือว่าเป็นสถานการณ์เศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดในรอบกว่าศตวรรษของ

ทั้งนี้ “การเปลี่ยนผ่าน” ไปสู่ “ปีแห่งเสถียรภาพ” เริ่มต้นขึ้นในช่วงที่พบการระบาดของไวรัสโคโรน่า-19 ในกรุงปักกิ่งพุ่งสูง พร้อมทั้งความกังวลว่าไวรัสโคโรน่าจะแพร่ระบาดสู่ประชาชน 1,400 ล้านคนได้อย่างรวดเร็ว ในช่วงที่ชาวจีนใช้เวลาที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการคุมไวรัสโคโรน่าในการเดินทางท่องเที่ยวช่วงตรุษจีนที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 มกราคมปีหน้า

ในวันศุกร์ สื่อรัฐบาลจีนรายงานว่าอดีตผู้สื่อข่าว 2 คนจบชีวิต หลังพบติดเชื้อไวรัสโคโรน่า-19 ในกรุงปักกิ่ง นับเป็นผู้จบชีวิตรายแรก ๆ นับตั้งแต่รัฐบาลจีนยกเลิกมาตรการควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรน่า-19 เมื่อ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา

ในวันเดียวกันนี้ คณะกรรมาธิการด้านสาธารณสุขแห่งชาติจีน (National Health Commission-NHC) รายงานว่าได้เพิ่มการฉีดวัคซีนพร้อมทั้งเพิ่มอุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจ ยาจำเป็น พร้อมทั้งชุดตรวจไวรัสโคโรน่า กระจายไปตามชุมชนห่างไกล รวมทั้งแนะให้ผู้เดินทางจากต่างเมือง ลดหรือเลี่ยงการสัมผัสเกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ

ขณะที่เมื่อเมื่อวันพฤหัสบดี จีนรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อแบบแสดงอาการรายใหม่ 2,157 คน เพิ่มจากระดับ 2,000 คนในวันก่อนหน้า 

ที่มา: รอยเตอร์