หายเศร้าแล้ว “เนย์มาร์” ว่องไว โผล่กดไลค์รูปสาวคนดัง หลังอวดหุ่นสุดเซ็กซี่ (ภาพ)
“ประวิตร” ประชุมเรื่องน้ำ หนุน 5 โครงการแก้ท่วม-แล้ง พร้อมตามงาน-ประเมินผล
“กุนซือโมร็อกโก” ชี้ชัด 2 สาเหตุพ่าย “ฝรั่งเศส” ชวดเข้าชิงฟุตบอลโลก 2022
อร่อยเองยกถาด ซอยจุ๊ขันโตก ให้ลูกค้าหั่นปรุงแจ่วตามใจสไตล์ร้านลาบยโสธร
สุดระทึก ตำรวจปราบกลุ่มแฟนบอล “ฝรั่งเศส-โมร็อกโก” ปะทะเดือดทั่วเมืองหลังเกมใน ฟุตบอลโลก
บ้ารึเปล่าจารย์ ชาวเน็ตถล่มผู้ตัดสิน หลังแจกใบเหลืองแข้ง “โมร็อกโก” สุดมึน
โอห์ม-ฟลุ้ค เสิร์ฟความฟิน เลิฟซีนจัดเต็ม ในซีรีส์วายแฟนตาซี “609 Bedtime Story”
เปิดตัวเทคโนโลยีจดจำใบหน้าแบบใหม่ ใช้ระบุตัวแมวน้ำ
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอลเกตในรัฐนิวยอร์กของสหรัฐฯ ได้พัฒนา SealNet ซึ่งเป็นฐานข้อมูลใบหน้าของแมวน้ำที่สร้างขึ้นโดยการถ่ายภาพแมวน้ำจำนวนมากตามท่าเรือในอ่าว Casco ของรัฐเมน พร้อมทั้งพบว่าเครื่องมือในการระบุใบหน้าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมนี้มีความแม่นยำเกือบ 100%
คริสตา อินแกรม (Krista Ingram) ศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาที่มหาวิทยาลัยคอลเกต พร้อมทั้งหนึ่งในนักวิจัยของ Sealnet บอกว่า นักวิจัยกำลังพยายามที่จะเพิ่มขนาดของฐานข้อมูลเพื่อให้นักวิทยาศาสตร์คนอื่น ๆ สามารถใช้งาน Sealnet ได้ พร้อมทั้งว่า การเพิ่มฐานข้อมูลนั้นมีขึ้นเพื่อรวมแมวน้ำสายพันธุ์หายาก เช่น Mediterranean monk พร้อมทั้ง Hawaiian monk เพื่อความพยายามในการอนุรักษ์สายพันธุ์เหล่านั้น
นอกจากนี้ การสร้างข้อมูลใบหน้าแมวน้ำพร้อมทั้งการใช้ Machine Learning ในการระบุใบหน้าของพวกมันยังอาจช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ทราบว่าแมวน้ำอยู่บริเวณไหนในมหาสมุทร
อินแกรม กล่าวต่อไปว่า “สำหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลที่เคลื่อนไหวไปมาบ่อย ๆ พร้อมทั้งยากต่อการถ่ายภาพในน้ำ เราจำเป็นที่จะต้องระบุตัวพวกมันให้ได้”
SealNet ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้แยกแยะใบหน้าจากรูปภาพ ระบบจะจดจำใบหน้าของแมวน้ำตามข้อมูลของดวงตาพร้อมทั้งรูปร่างจมูกเช่นเดียวกับมนุษย์
ก่อนหน้านี้เคยมีการนำเครื่องมือที่คล้ายกันสำหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เรียกว่า PrimNet มาใช้กับแมวน้ำมาก่อน แต่นักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอลเกตบอกว่า SealNet ทำงานได้ดีกว่า
นักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอลเกตได้เผยแพร่ผลการศึกษาเมื่อฤดูใบไม้ผลิปีที่แล้วใน Ecology and Evolution โดยได้ประมวลผลภาพแมวน้ำมากกว่า 400 ตัว เป็นจำนวนมากกว่า 1,700 ภาพ
การศึกษาดังกล่าวพบว่า ซอฟต์แวร์ SealNet อาจเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในด้านการพัฒนา “เทคโนโลยีการอนุรักษ์” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มุ่งช่วยชีวิตพร้อมทั้งปกป้องสัตว์ป่า
แมวน้ำฮาร์เบอร์ เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวความสำเร็จในการอนุรักษ์ในสหรัฐฯ โดยเมื่อกว่า 100 ปีก่อน สัตว์เหล่านี้เคยถูกฆ่าตายจำนวนมาก แต่กฎหมายคุ้มครองสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลซึ่งมีอายุครบ 50 ปีในเดือนตุลาคม ได้ให้การปกป้องคุ้มครองสัตว์เหล่านี้ จนทำให้ประชากรของพวกมันเริ่มกลับมา
ทั้งนี้ มีการศึกษาแมวน้ำพร้อมทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ๆ ในมหาสมุทรมานานแล้วโดยใช้เทคโนโลยีดาวเทียม เจสัน โฮล์มเบิร์ก (Jason Holmberg) จาก Wild Me บอกว่า การใช้ AI เพื่อศึกษาพวกมันเป็นวิธีนำการอนุรักษ์กลับมาสู่ศตวรรษที่ 21 พร้อมทั้ง Wild Me กำลังพัฒนาความร่วมมือที่เป็นไปได้กับ SealNet อีกด้วย
ปัจจุบันแมวน้ำฮาร์เบอร์มีอยู่ทั่วไปตามน่านน้ำนอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ แต่แมวน้ำสายพันธุ์อื่น ๆ ยังคงตกอยู่ในความเสี่ยง โดยแมวน้ำ Mediterranean monk ถือเป็นแมวน้ำที่มีความเสี่ยงมากที่สุดในโลก เพราะมีเหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้อยตัว
มิเชลล์ เบอร์เกอร์ (Michelle Berger) นักวิทยาศาสตร์ร่วมของสถาบัน Shaw ในรัฐเมนซึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมในงานวิจัยของ Sealnet บอกว่า เทคโนโลยีจดจำใบหน้าอาจช่วยให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้ พร้อมทั้งเมื่อระบบสมบูรณ์แบบแล้ว ก็จะถูกนำไปใช้งานด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งว่าหากระบบนี้สามารถจดจำแมวน้ำได้ โดยสามารถจดจำได้ปีต่อปี ก็จะทำให้มีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของแมวน้ำ พร้อมทั้งการเคลื่อนย้ายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
นอกจากนี้ยังช่วยให้นักชีววิทยาได้ศึกษาพฤติกรรมของแมวน้ำ พร้อมทั้งแมวน้ำฮาร์เบอร์ยังให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวพวกมันอีกด้วย
ที่มา: เอพี
‘ฟีฟ่า’ ทบทวนสูตรจัดกลุ่ม 48 ทีมในฟุตบอลโลก 2026 ที่อเมริกาเหนือ
เดิมทีฟีฟ่าวางรูปแบบไว้ว่า ฟุตบอลโลก 2026 จะมี 16 กลุ่ม จากปัจจุบันที่มี 8 กลุ่ม โดยจะมีกลุ่มละ 3 ทีมรวม 48 ทีม พร้อมทั้งจะเอาสองทีมที่มีคะแนนดีที่สุดของแต่ละกลุ่มเข้าไปแข่งขันในรอบ 32 ทีมสุดท้ายแบบแพ้ตกรอบ
ถ้าหากว่า รูปแบบดังกล่าวอาจจะไม่เกิดขึ้นหลังจากที่มีเสียงวิจารณ์ว่าอาจเกิดการฮั้วกันของสองทีมที่ชนะในเกมแรกพร้อมทั้งมีโอกาสเข้ารอบต่อไปเพื่อให้ได้ผล “เสมอ” หรือผลที่ต้องการ ซึ่งจะทำให้อีกทีมหนึ่งในกลุ่มตกรอบไปโดยปริยาย
รองประธานฟีฟ่า วิคเตอร์ มอนตากลิอานี ยอมรับเมื่อเดือนมีนาคมว่า มีการยกประเด็นเรื่องการแบ่งแต้มหรือฮั้วผลนี้ขึ้นมา ซึ่งอาจนำไปสู่การคิดทบทวนรูปแบบการแข่งขันใหม่
สำหรับสูตรใหม่ที่มีการหยิบยกขึ้นมาพิจารณา คือการแบ่งเป็น 12 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีมเหมือนเดิม โดยที่จะมีอันดับที่สามที่มีคะแนนดีที่สุดของ 8 กลุ่มตามเข้ารอบไปด้วย รวมเป็น 32 ทีมเพื่อไปเจอกันในรอบน็อคเอาท์
แต่สูตรนี้จะทำให้มีเกมการแข่งขันเพิ่มขึ้นเป็น 104 เกม จากจำนวน 64 เกมในปัจจุบัน ซึ่งหมายความว่าฟุตบอลโลกครั้งหน้าอาจต้องใช้เวลาราว 5 สัปดาห์กว่าจะแข่งกันเสร็จ
ถ้าหากว่า ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าผู้บริหารของฟีฟ่าอาจจะชอบใจที่มีจำนวนเกมมากขึ้นเพราะหมายถึงรายได้จากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดที่สูงขึ้นด้วย แม้อาจต้องแลกมาด้วยความตื่นเต้นที่ลดลงเพราะการแข่งขันที่ยาวนานยืดเยื้อไปอีกหนึ่งสัปดาห์
ทั้งนี้ ฟีฟ่าเปิดเผยว่า ฟุตบอลโลกที่กาตาร์ครั้งนี้ทางสมาพันธ์ฯ มีรายได้จากค่าลิขสิทธิ์พร้อมทั้งสปอนเซอร์ราว 7,500 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่าเมื่อ 4 ปีก่อนที่รัสเซียราว 1,000 ล้านดอลลาร์
ที่มา: รอยเตอร์