ปูตินอ้าง รัสเซียใกล้บรรลุเป้าหมายในยูเครนแล้ว

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวในวันพฤหัสบดีว่า กองกำลังรัสเซียกำลังใกล้ที่จะบรรลุเป้าหมายหลักในสนามรบกับยูเครนแล้ว พร้อมคุยโอ่เกี่ยวกับขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงของมอสโกว่า มีความแข็งแกร่งคงกระพันอย่างมากด้วย

ในการให้สัมภาษณ์พิเศษประจำปีที่มีการออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลมอสโก ปูตินบอกว่า กองทัพรัสเซียได้รุกคืบเข้าไปตามแนวหน้าของสนามรบกับยูเครนแล้ว แม้ว่า สถานการณ์นั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทุกวัน

นักวิเคราะห์ทั้งฝั่งรัสเซียพร้อมทั้งชาติตะวันตกบอกว่า รัสเซียกำลังทำการรุกคืบเข้าไปในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครนในระดับที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 มา รวมทั้งเข้ายึดหมู่บ้านหลายแห่งพร้อมทั้งเข้าใกล้เมืองสำคัญ ๆ รวมทั้งถนนสายหลักพร้อมทั้งศูนย์กลางระบบขนส่งทางรางด้วย

ปูตินกล่าวด้วยว่า นักรบรัสเซียเข้ายึดอาณาเขตต่าง ๆ ได้ในแต่ละวัน แต่ก็ยอมรับว่า สถานการณ์การต่อสู้นั้นมีความซับซ้อน

ผู้นำรัสเซียพบว่า “ทุกคนนั้นสู้ เยี่ยงวีรบุรุษ พร้อมทั้งทั้งหมดก็ยังคงสู้ต่อไป ขอให้ทุกคนอวยพรพวกเขาโชคดี มีชัยพร้อมทั้งได้กลับคืนสู่บ้านของพวกเขาในที่สุด”

พร้อมทั้งเมื่อมีผู้ถามเกี่ยวกับทัพยูเครนที่ประจำอยู่ในแคว้นเคิร์สก ปูตินตอบว่า ทัพทหารของกรุงเคียฟจะถูกขับออกไปในที่สุด แต่ก็ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับช่วงเวลาที่น่าจะเกิดขึ้น

ในเวลาเดียวกัน ผู้นำเครมลินใช้เวลาในการสัมภาษณ์เพื่อพูดถึงความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครทำลายได้ของขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง “โอเรชนิก” ที่รัสเซียทำการยิงทดสอบเข้าใส่โรงงานของกองทัพยูเครนมาแล้ว โดยบอกว่า ตนพร้อมที่จะทำการยิงขีปนาวุธที่ว่าอีกครั้ง เพื่อดูว่า ระบบป้องกันการจู่โจมทางอากาศของชาติตะวันตกจะยิงสกัดได้ไหม

ปูตินกล่าวด้วยว่า “ไม่มีทางเลยที่จะยิงขีปนาวุธเหล่านี้ตกลงได้”

ปธน.รัสเซียยังกล่าวท้าทายชาติตะวันตกพร้อมทั้งสหรัฐฯ ให้มาทดสอบความสามารถของขีปนาวุธ “โอเรชนิก” ด้วยการใช้กรุงเคียฟเป็นเป้าพร้อมทั้งให้ติดตั้งระบบป้องกันการจู่โจมทั้งหมดที่มีเพื่อดูว่า จะเกิดอะไรขึ้นด้วย

 

ที่มา: วีโอเอ

ทรัมป์ระดมเสียงคองเกรสปฏิเสธร่างกม.งบใหม่-ส่งกระแสกังวลรัฐบาลปิดทำการชั่วคราว

 

ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้สมาชิกสภาคองเกรสร่วมปฏิเสธร่างกฎหมายงบประมาณที่จะช่วยให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินงานต่าง ๆ ต่อไปได้อีกระยะ

การเคลื่อนไหวของว่าที่ผู้นำทำเนียบขาวที่มีออกมาในวันพุธส่งผลให้เกิดความเสี่ยงสูงขึ้นว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องการปิดทำการบางส่วนหลังวันศุกร์นี้

นอกจากนั้น ทรัมป์พร้อมทั้งว่าที่รองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ ร่วมกันเร่งเร้าให้สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายชั่วคราวอีกฉบับที่ปราศจากส่วนที่ทั้งสองพบว่าเป็น “ของแจกจากพรรคเดโมแครต” เพื่อแทนร่างกฎหมายที่มีการเปิดเผยออกมาเมื่อวันอังคาร

ทรัมป์ยังขอให้สมาชิกสภาใช้ร่างกฎหมายฉบับซึ่งจะมาแทนที่ ในการหยิบยกประเด็นการขยายเพดานหนี้ของประเทศขึ้นมาหารือต่อรอง พร้อมทั้งเพิ่มองค์ประกอบใหม่ ๆ ที่ทำให้กระบวนการผ่านงบมีความซับซ้อนมากขึ้นด้วย

ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการปิดทำการชั่วคราวของรัฐบาลยุ่งยากขึ้น พร้อมทั้งนำความกังวลมาสู่ทุกฝ่ายอย่างมาก เพราะนั่นหมายถึงผลกระทบต่อส่วนงานต่าง ๆ ตั้งแต่การควบคุมการเดินทางทางอากาศไปจนถึงงานด้านการรักษากฎหมายในช่วงก่อนวันหยุดคริสต์มาส

พร้อมทั้งหากสถานการณ์นี้เกิดขึ้นจริง นี่จะเป็นการปิดทำการชั่วคราวของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ครอบคลุมช่วงเวลาเทศกาลวันหยุดส่งท้ายปีครั้งแรกตั้งแต่ช่วงปลายปี 2018 ถึงต้นปี 2019 หรือช่วงวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรกของทรัมป์ โดยครั้งนั้นเป็นการปิดทำการยาวที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ซึ่งก็คือ 34 วัน

เนื้อหาของร่างกฎหมายงบที่ทรัมป์ไม่เห็นด้วยนี้มีการจัดงบประมาณให้กับหน่วยงานรัฐบาลทั้งหลายให้ดำเนินงานตามปกติต่อไป พร้อมทั้งมีการตั้งงบ 100,000 ล้านดอลลาร์เพื่อการบรรเทาภัยพิบัติ รวมทั้งการเพิ่มเพดานหนี้ของประเทศซึ่งเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองที่น่าจะต้องมีการลงมือจัดการในปีหน้าอยู่ดี

แถลงการณ์ของทรัทป์พร้อมทั้งแวนซ์ ระบุด้วยว่า “ถ้าพรรคเดโมแครตไม่ยอมร่วมมือในเรื่องเพดานหนี้ตอนนี้ อะไรทำให้ทุกคนคิดว่า พวกเขาจะยอมร่วมมือในเดือนมิถุนายนในช่วงรัฐบาลใหม่ของเรา”

ในเวลานี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า คองเกรสจะเดินหน้าต่อไปในทิศทางใด เพราะการผ่านร่างกฎหมายงบนั้นต้องได้รับการสนับสนุนจากทั้งสองพรรคการเมืองใหญ่ทั้งในสภาผู้แทนราษฎรซึ่งพรรครีพับลิกันกุมเสียงข้างมากอยู่ พร้อมทั้งในวุฒิสภาที่เดโมแครตควบคุมเสียงข้างมาก

เหตุผลของการที่ต้องออกกฎหมายงบประมาณที่เรียกว่า stopgap funding bill ออกมา ก็คือ การที่สภาคองเกรสไม่สามารถผ่านกฎหมายงบประมาณฉบับปกติสำหรับปีงบประมาณปัจจุบันที่เริ่มต้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาได้

ทั้งนี้ ปัญหาการจัดงบนี้จะไม่มีผลต่อโครงการสวัสดิการรัฐต่าง ๆ เช่น ระบบประกันสังคม (social security) ที่สามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยอัตโนมัติ แม้ว่าสภาคองเกรสจะยังไม่ผ่านกฎหมายงบใหม่ออกมาก็ตาม

รายงานข่าวพบว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สูงกว่ารายได้ที่เก็บได้ในช่วงกว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เพราะพรรคเดโมแครตได้ดำเนินการขยายโครงการด้านสุขภาพต่าง ๆ ให้ประชาชน ขณะที่ พรรครีพับลิกันสั่งลดการเก็บภาษี ในช่วงที่ ภาวะประชากรสูงอายุทำให้มีการคาดการณ์ว่า ต้นทุนการเกษียณพร้อมทั้งการดูแลสุขภาพของประเทศจะพุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีจากนี้

ปัจจุบัน ภาวะหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงค่อย ๆ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนมาอยู่ที่ระดับ 36 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว พร้อมทั้งสถานการณ์เช่นนี้น่าจะบีบให้สภาคองเกรสต้องปรับขึ้นเพดานหนี้ประเทศไม่ช้าก็เร็ว เพราะหากไม่มีการทำอะไรในเรื่องนี้ ก็อาจส่งแรงสั่นสะเทือนไปยังตลาดพันธบัตรพร้อมทั้งผลกระทบรุนแรงด้านเศรษฐกิจต่อไปได้

ความเห็นของทรัมป์เรื่องกฎหมายงบชั่วคราวนี้มีออกมา หลัง อิลอน มัสก์ กดดันให้สภาคองเกรสปฏิเสธร่างกฎหมายดังกล่าวพร้อมทั้งบอกว่า ผู้ที่สนับสนุนร่างนี้ควรถูกโหวตให้ออกจากตำแหน่งไป

อภิมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจรถยนต์เทสลาพร้อมทั้งกิจการด้านอวกาศสเปซเอ็กซ์รายนี้ที่ควักเงินสนับสนุนการหาเสียงของทรัมป์ไปกว่า 250 ล้านดอลลาร์ ได้รับมอบหมายจากว่าที่ปธน.สหรัฐฯ ให้จัดการตัดงบรัฐบาลกลาง

ทั้งนี้ หากสภาคองเกรสไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายงบชั่วคราวออกมาได้ทัน หน่วยงานรัฐบาลกลางต่าง ๆ จะไม่มีงบดำเนินงานตั้งแต่วันเสาร์นี้เป็นต้นไป แต่ถ้าหากทุกอย่างเดินหน้าไปได้ งบชั่วคราวนี้จะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐฯ เปิดทำการต่อไปได้ถึง 14 มีนาคมปีหน้า

 

ที่มา: รอยเตอร์

 

พรรคประชาชน เฉ่งนายกฯ เบี้ยวตอบ 2 กระทู้ ฉุนไม่ให้ความสำคัญงานสภา

“เท้ง ณัฐพงษ์” นำทีมยื่นกระทู้ถามสด นายกรัฐมนตรี เดือดไม่มาแจงเอง มอบ “ภูมิธรรม-พีระพันธุ์” ตอบแทน แต่ขอเลื่อนตอบทั้งคู่ อัด ไม่ให้ความสำคัญต่อสภา ทั้งที่ล็อกคิวตารางงานล่วงหน้าได้

“บิ๊กเต่า” เผยปมไร่ภูนับดาวคืบหน้ากว่า 80% ลั่นไม่อยากให้คิดเรื่องการเมือง

“บิ๊กเต่า” ร่วมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปแนวทางบังคับใช้กฎหมายเจ้าหน้าที่รัฐออกเอกสารสิทธิ์ เอื้อนายทุนไร่ภูนับดาวพร้อมทั้งพื้นที่ข้างเคียงกว่า 600 ไร่ เผยตอนนี้มีพยานหลักฐานมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์

ทนายมาดามอ้อย ให้การเพิ่มเติมเอาผิด “ทนายตั้ม” ยันไม่กังวลเรื่องตามทรัพย์สินคืน

ทนาย “มาดามอ้อย” มาให้การเพิ่มเติมเอาผิด “ทนายตั้ม” ยืนยันไม่กังวลเรื่องตามทรัพย์สินกลับคืน แม้ตอนนี้ตามอายัดได้เพียงแค่ครึ่งเดียว

5 เทคนิค “การคาดการณ์อุบัติเหตุ” ขับรถปลอดภัยช่วงเทศกาลหยุดยาว

การคาดการณ์อุบัติเหตุ หรือ Hazard Perception ซึ่งเป็นทักษะสำคัญของการขับรถอย่างปลอดภัย โดยเฉพาะใกล้เทศกาลปีใหม่

รัฐบาลเพิ่มวันเฝ้าระวัง “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” จาก 7 เป็น 10 วันอันตราย

“ประเสริฐ” เผย รัฐบาลรณรงค์ปีใหม่ 68 “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” เพิ่มวันเฝ้าระวังจาก 7 เป็น 10 วันอันตราย เริ่ม 27 ธ.ค. 67 – 5 ม.ค. 68 กำชับตั้งด่านชุมชนเพิ่ม ดื่มอยู่บ้านลดอุบัติเหตุ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงแรง! หลังเฟดลดดอกเบี้ย 0.25%

ระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) หรือ เฟด (Fed) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งที่สามในปีนี้ นอกจากนี้ เฟดยังส่งสัญญาณว่าจะชะลอการปรับลดดอกเบี้ยในปีหน้า เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงไม่ลดลงมาในระดับที่ต้องการ

เฟดคาดการณ์ว่า จะมีการลดดอกเบี้ยสองครั้งในปี 2024 ครั้งละ 0.25% จากที่เคยระบุไว้เมื่อเดือนกันยายนว่าจะมีการลดดอกเบี้ยสี่ครั้งในปีหน้า ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ผู้บริโภคชาวอเมริกันอาจจะยังไม่เห็นดอกเบี้ยเงินกู้ในระดับต่ำตามที่ต้องการในปีที่กำลังจะมาถึง

โดยหลังการปรับลดครั้งล่าสุดในวันพุธ อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ลดลงไปอยู่ที่ระดับ 4.3%

เจ้าหน้าที่เฟดเน้นย้ำว่า การชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยเป็นเพราะดอกเบี้ยนโยบายได้ลดลงมาอยู่ใกล้ระดับที่ “เป็นกลาง” แล้ว ซึ่งหมายถึงระดับที่ไม่กระตุ้นหรือชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจมากเกินไป

คำประกาศของเฟดเรื่องการชะลอมาตรการลดดอกเบี้ยในปีหน้า ทำให้ตลาดหุ้นในสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงก่อนปิดตลาดในวันพุธ โดยทั้งดัชนีดาวน์โจนส์ ดัชนีแนสแดค พร้อมทั้งดัชนีสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ ลดลงในระดับ 2.5% – 3.5% 

ในปี 2022 – 2023 เฟดใช้นโยบายขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งทำให้ต้นทุนการกู้ยืมเงินของคนอเมริกันพุ่งสูงขึ้น ตั้งแต่เงินกู้ซื้อบ้าน รถยนต์ พร้อมทั้งบัตรเครดิต

ปัจจุบัน เฟดกำลังพยายามทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “soft landing” หรือการลดจอดอย่างนุ่มนวล ซึ่งหมายถึงการจัดการเงินเฟ้อได้โดยไม่ทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจถดถอย โดยขณะนี้ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับ 2.8% เมื่อเดือนตุลาคม ซึ่งยังคงสูงกว่าระดับ 2% ตามเป้าหมายของเฟด

ที่มา: เอพี

ชายนิวยอร์กสุดเฮง! พบ ‘ขากรรไกรช้างดึกดำบรรพ์’ ขณะทำสวนหลังบ้าน

วงการโบราณคดีตื่นตะลึง เมื่อชายผู้หนึ่งค้นพบฟอสซิลขากรรไกรช้างดึกดำบรรพ์ที่เรียกว่า มาสโตดอน (mastodon) ขณะกำลังทำสวนหลังบ้านในรัฐนิวยอร์กเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

โรเบิร์ต เฟราเนค เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์รัฐนิวยอร์ก บอกว่า ฟันกรามของช้างยักษ์โบราณตัวนี้พบที่สวนหลังบ้านแห่งหนึ่งใกล้เมืองสก็อตช์ทาวน์ ห่างจากตัวเมืองนิวยอร์กราว 112 กม. โดยตอนแรก เจ้าของบ้านนึกว่าเป็นลูกเบสบอล แต่เมื่อขุดขึ้นมาก็พบว่าเป็นฟันขนาดใหญ่

เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์พร้อมทั้งมหาวิทยาลัยรัฐนิวยอร์ก วิทยาเขตออเรนจ์เคาน์ตี ช่วยกันขุดหาซากฟอสซิลในพื้นที่นั้นพร้อมทั้งพบขากรรไกรช้างมาสโตดอนที่มีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ รวมทั้งกระดูกนิ้วเท้าพร้อมทั้งกระดูกซี่โครงบางส่วน 

เจ้าหน้าที่พบว่า ขากรรไกรที่พบนี้ถือว่ามีสภาพสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยพบในรัฐนิวยอร์กในรอบ 11 ปี

ที่ผ่านมามีการค้นพบซากฟอสซิลของช้างมาสโตดอนในรัฐนิวยอร์กมาแล้วกว่า 150 ชิ้น โดยสวนใหญ่พบในเขตออเรนจ์เคาน์ตี เช่นเดียวกับการค้นพบครั้งล่าสุดนี้ 

เฟราเนค บอกว่า ชิ้นส่วนที่พบนี้ “เพิ่มโอกาสที่จะศึกษาสัตว์สายพันธุ์ขนาดมหึมานี้มากขึ้น พร้อมทั้งยังช่วยให้เราสามารถทำความเข้าใจถึงระบบนิวเวศน์ในยุคน้ำแข็งของพื้นที่แถบนี้ได้” 

โดยฟอสซิลขากรรไกรชิ้นลาสุดจะถูกนำไปวิเคราะห์เพื่อระบุอายุของช้างยักษ์ตัวนี้ รวมทั้งอาหารการกินพร้อมทั้งถิ่นที่อยู่ของมัน ก่อนที่จะนำไปจัดแสดงให้สาธารณชนได้ชมในปีหน้า 

ที่มา: เอพี

ตรวจสอบข่าว: อะไรคือความจริง เมื่อเครมลินอ้างว่า ทรัมป์ใช้ข้อมูลของกรุงเคียฟในรายงานว่า มีชาวรัสเซียตายในยูเครน 600,000 คน

ตัวเลขผู้จบชีวิตที่โดนัลด์ ทรัมป์ ระบุนั้น เป็นไปในทิศทางเดียวกับตัวเลขของหน่วยงานข่าวกรอง แหล่งข่าวกลาโหมพร้อมทั้งกองทัพชาติตะวันตก ในช่วงเดือนก.ค.-ต.ค. ซึ่งต่างจากตัวเลขประมาณการของยูเครน ทั้งนี้ ข้อมูลทั้งหมดจากตะวันตกพบว่า ในภาวะขัดแย้งนี้ รัสเซียสูญเสียทางทหารมากกว่าทางฝั่งยูเครน